++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552

แท็กซี่ กับ การหลอกลวงแบบใหม่

แท็กซี่ กับ การหลอกลวงแบบใหม่


-----Original Message-----
From: Boonporn Boriboonsongsilp (Mgmt)
Sent: Monday, March 02, 2009 6:53 PM
Subject: FW: Fw: แท็กซี่ กับ การหลอกลวงแบบใหม่


มีเรื่องมาเตือนเพื่อน ๆ ที่โดยสารรถแท็กซี่ค่ะ เดี๋ยวนี้มีการหลอกลวงผู้โดยสารในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งเราโดนมากับตัวเอง จึงอยากให้เพื่อน ๆ ระวัง หากเจอแท็กซี่คนนี้ค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า ประมาณ 3 เดือนก่อน เหตุเกิดที่ซอยรามคำแหง 124 เวลาประมาณบ่ายโมงกว่า เราออกไปเรียกแท็กซี่หน้าบ้านเพื่อที่จะไปรับลูกที่โรงเรียน ( เลิก 2 โมง) เราเรียกแท็กซี่คันนึงแจ้งสถานที่ ๆ จะไปตามปรกติ แล้วเราก็นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง จู่ ๆ ก็มีเสียงของแท็กซี่พูดขึ้นมาว่า (ขอเล่า เป็นบทสนทนานะคะ)

แท็กซี่ : ( พี่รู้ไหม....พี่จะเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายของผม...)

เรา : ตกใจ และนึกในใจ ( ตายล่ะ มันจะเอาเราไปทำฆาตกรรมหรือเปล่าเนี่ย) แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ แล้วพูดออกไปว่า ( เอ่อ...คุณหมายความว่าไงเหรอค่ะที่จะเป็นผู้โดยสารคนสุดท้าย)

แท๊กซี่ : ( หลังจากส่งพี่เสร็จ...ผมก็เอารถไปส่งเถ้าแก่เค้า...เถ้าแก่บอกว่าถ้าวันนี้ผมไม่ส่งเงินประกันรถเค้าก็จไม่ให้ผมขับอีก...แล้วผมไม่มีเงินให้เถ้าแก่เค้า ผมคงต้องเลิกอาชีพแท็กซี่ที่ขับมา 9 ปี)

เรา : (อ้าว คุณก็ลองรับผู้โดยสารไปเรื่อย ๆ ซิ เดี่ยวก็คงได้เงินไปจ่ายให้เถ้าแก่)

แท็กซี่ : ( เถ้าแก่เค้าจะเอาเงินค่าประกันรถ 2700 แต่รายได้ต่อวันก็แค่ 700-800 หักค่าส่งรถ ก็เหลือให้ลูกเมียไม่เกิน 200 บาท)

เรา : (งั้น คุณขอผัดผ่อนเถ้าแก่ไปอีกหน่อยสิ เผื่อจะมีทางเลือกอื่น หรือหยิบยืมคนรู้จักก่อน)
แท็กซี่ : (เถ้าแก่ผมเค้าใจดีมากครับ จริง ๆ ค่าประกันรถทั้งหมด 4700... เถ้าแก่แกช่วยออกให้ 2000 ... ส่วนต่างผมต้องเป็นคนหามาเอง...แต่ผมก็ไม่มีเงินก้อนนั้นหรอก)

แท็กซี่ : ( ก่อนรับพี่ขึ้นมา ผมแวะไปหาเพื่อนที่ฉะเชิงเทราเพื่อขอยืมเงินมัน เพื่อนผมคนนี้คบกันมาตั้งแต่สมัยยังทำงานเป็นเด็กขับรถเข้าซองในโรงแรมม่านรูดด้วยกัน...รู้จักกันมา 10 ปี ..มันบอกว่าถ้าเดือดร้อนอะไรให้ไปหามันได้ทุกเมื่อ)

เรา : ( แล้วสรุปเพื่อนว่ายังไงล่ะ)

แท็กซี่ : (พอผมไปถึงบ้านมัน มันทำท่ารังเกียจที่เห็นผมขับแท็กซี่ มันไล่ให้ผมออกไปจากบ้านเลยครับ มันไม่อยากให้คนรอบบ้านรู้ว่ามีเพื่อนเป็นคนขับแท็กซี่)

แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แท็กซี่คนนี้เริ่มร้องไห้ออกมา เราซึ่งตอนนั้นรู้สึกงง ๆ ตั้งรับไม่ทัน ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอแท็กซี่ร้องให้ เลยไม่รู้ว่าจะต้องยังไงต่อไป

เรา : ( เอ่อ...ถ้างั้นคุณลองติดต่อพวกอิออน หรือควิกแคชเผื่อจะช่วยได้)

แท็กซี่ : ( ผมขับแท็กซี่ไม่มีใบเงินเดือน เค้าคงไม่ให้ผมหรอก พี่รู้ไหม ผมโตขึ้นมาเนี่ยยังไม่รู้เลยว่าพ่อแม่เป็นใคร พอผมจำความได้ ผมก็โตมากับโรงแรมที่ผมทำงานเป็นเด็ก ขับรถเข้าซอง คนที่นั่นเค้าช่วยกันเลี้ยงผม หลังจากเจอแฟน ผมก็ออกมาขับรถแท็กซี่ ตอนนี้ผมมีลูกแฝดสองคน ส่วนแฟนผมหลังคลอดลูกเค้าก็ไม่สบาย จนตอนนี้เดินไม่ได้แล้ว ผมต้องไปรับยาที่โรงพยาบาลจุฬา ฯ ทุกเดือน)

เป็นจังหวะที่แท็กซี่เลี้ยวเข้าซอยโรงเรียนลูกพอดี ปรกติเราจะจอดรถด้านหน้าโรงเรียน แต่วันนั้นฝนตกหนักน้ำเลยท่วมด้านหน้า เราเลยบอกให้แท็กซี่จอดเทียบประตูโรงเรียนด้านข้างแทน แต่ แท็กซี่ก็แสนจะมีน้ำใจบอกว่า

แท็กซี่ : (ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมขับลุยน้ำลงไปได้ เอาให้พี่รับน้องสะดวกดีกว่า)

เรา : นึกในใจ โห...มีน้ำใจเหมือนกันนะเนี่ย แล้วพูดออกไปว่า (น้ำมันท่วมสูงเหมือนกันนะ เดี๋ยวรถคุณเกิด
เสียขึ้นมาแล้วจะลำบาก)

แท็กซี่ : (ไม่เป็นไรหรอกพี่ ไหน ๆ ผมก็จะไม่ได้ขับรถแท็กซี่อีกแล้ว ผมขอบริการผู้โดยสารละกัน)

เรา : เริ่มใจอ่อน (เอ่อ....ถ้างั้นเดี๋ยวคุณรอรับกลับด้วยละกัน)

แท็กซี่ : ( ได้ครับพี่ ตามสบายเลยนะครับ)

พอเรารับลูกออกมาจากโรงเรียนกำลังเดินมาจะถึงรถแท็กซี่ก็รีบกุลีกุจอเปิดประตูให้ขึ้น

แท็กซี่ : ( พี่ไม่ต้องรีบนะ ค่อย ๆ ให้น้องเข้ามาเดี๋ยวหัวโขก)

เรา : เข้าไปในแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว และเริ่มคุยกับลูกเรา ถามโน่น ถามนี่ ระหว่างสองคนแม่ลูก จู่ ๆ ก็มีเสียแทรกขึ้นมา

แท็กซี่ : (ลูกพี่โชดดีจัง ได้เรียนหนังสือ... ลูกผมยังอดมื้อกินมื้ออยู่เลย ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเรียน)

บรรยากาศเริ่มเป็นเหมือนเมื่อตะกี้ อีกแล้ว แท็กซี่เริ่มพูดถึงเกี่ยวกับชีวิตตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือ คราวนี้ไม่ได้ร้องออกมา แต่ก็น้ำตาปริ่ม ๆ จนเราคิดว่าจะให้เงินเพิ่มไปอีกหน่อยละกันตอนลง ตอนนั้นค่ามิเตอร์อยู่ที่ประมาณ 70 บาท คิดว่าถ้าถึงบ้านจะเข้าไปถามแฟนก่อนว่าควรจะให้เท่าไหร่ดี พอแท็กซี่จอดหน้าบ้านปุบ เราบอกว่ารอแบบนึงเข้าไปเอาตังค์ก่อน แท็กซี่ตอบกลับมาว่า ถ้าพี่ไม่มีตังค์ไม่ต้องจ่ายก็ได้ครับ ถือว่าผมให้บริการผู้โดยสารคนสุดท้ายของผม โอ้ววว...ประโยคนี้มันแทงใจจัง ต้องรีบไปคุยกะแฟนโดยด่วน หลังจากหายเข้าบ้านไปปรึกษาแฟน สุดท้ายคุณแฟนให้ข้อสรุปว่าเราจะให้เงินเค้าพิเศษเท่ากับจำนวนที่เค้าจะต้องไปจ่ายให้เถ้าแก่ เพื่อที่ว่าเค้าจะได้มีอาชีพเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวต่อ เค้าให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าปรกติเราก็ไปบริจาคของให้มูลนิธิทุกเดือนอยู่แล้ว ทีนี้มีคนเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือถึงที่มันก็เหมือนกับการที่เราไปบริจาคของนั่นแหละ น่าแปลกที่ตอนนั้นเราและแฟนไม่ได้คิดเรื่องหลอกลวงใด ๆ เลย อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่เคยเจอใครมานั่งร้องไห้ให้ดูโดยเฉพาะระหว่างแท็กซี่และผู้โดยสาร จริง ๆ เราก็คิดว่ามันผิดปรกติ แต่กลับคิดไปในทางบวกว่าเค้าคงอัดอั้นกับชีวิตจริง ๆ ( เฮ้อ...แอบโง่นะเนี่ย)

เรากลับออกไปยื่นเงินให้แท็กซี่ พอแท็กซี่เห็นจำนวนเงินที่เราให้ก็ทำตาโต ( แนวตกใจ) ขอย้ำทำตาโตจริงๆ แล้วก็ละล่ำระลักพูดว่าขอบคุณครับพี่ เสียงยังคงสั่น ๆ เหมือนเดิม เราก็เลยพูดออกไปว่า ( เงินก้อนนี้ ให้เอาไปให้เถ้าแก่จะได้มีอาชีพเลี้ยงลูกเมียต่อไป) ตอนนั้นเราก็จุกอยู่ที่คอเหมือนกันตอนมองหน้าแท็กซี่ เห็นเค้าทำตาแดง ๆ จะร้องออกมา เราเลยตัดบทว่า ไปเถอะ ....แล้วแท็กซี่ก็ขับออกไป
คุณเชื่อเรื่องกรรมติดจรวดไหมค่ะ

เมื่อวานนี้ 07.30 น. หน้าปากซอยรามคำแหง 124 เราออกมาเรียกแท็กซี่หน้าบ้านให้ไปส่งที่ทำงาน รถติดตรงถนนรามคำแหง เห็นรถแท็กคันสีชมพูคาดขาวจอดเปิดไฟว่างอยู่คันนึง ก็เลยเดินไปแล้วเปิดประตูเข้าไปอยู่ในรถ คนขับพอรู้ว่ามีผู้โดยสารขึ้นมา ก็รีบเปิดแอร์เร่งระบายกลิ่นบุหรี่ออกไป เพราะเค้าเพิ่งจะสูบเสร็จ เราบอกให้คนขับชิดขวาทันทีเพราะต้องกลับรถ ระหว่างที่คนขับตีรถออกขวานั้น บทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น

แท็กซี่ : ( พี่รู้ไหม....พี่จะเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายของผม...)

เรา : อึ้ง ไปประมาณ 5 วิ ( ทำไมประโยคนี้มันเหมือนกับ.... แต่ตอบออกไปว่า ( เหรอค่ะ..) ตาเราเริ่มมองไปที่
กระจกหน้ารถที่เอาไว้มองข้างหลัง เห็นช่วงตาของคนที่พูด... ใช่มันจริง ๆ ด้วย ความรู้สึกเหมือนโดนทุบที่หัวเลย แล้วเราก็รู้สึกว่าความโกรธมันพุ่งขึ้นมามาก ๆ ๆ ๆ ๆ

แท็กซี่ : ยังคงพล่ามต่อไป และคงจะเริ่มสังเกตว่าผู้โดยสารไม่ได้ต่อบทสนทนากับมัน มันเลยเหลือบตามองกระจกหน้ารถมองมายังเรา พอมันเห็นเราปุบ มันก็เริ่มเงียบ

เรา : (เดี๋ยวคุณจอดตรงสะพายลอยข้างหน้าเลย)

แท็กซี่ : (ครับ...) บรรยากาศเริ่มมาคุ แล้วมันก็จอดตรงที่เราบอก

เรา : (คุณ อนันต์ คุณจำดิชั้นได้ไม๊!)

แท็กซี่ : ค่อย ๆ หันมา ทำหน้าช็อค แล้วพยักหน้าพร้อมพูดว่า ( ครับ...)

เรา : ( ดี....ไว้เจอกันที่สถานีตำรวจ!)

แล้วมันก็รีบบึ่งรถออกไป ความรู้สึกตอนนั้นเราโกรธมาก ๆ ๆ พอถึงออฟฟิศเลยโทรไปกรมขนส่งทางบกแจ้งเรื่องให้ทราบ ทางกรมฯ แนะนำให้โทรบอกจส. 100 กับร่วมด้วยช่วยกัน เราก็โทรไป ทางเจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้แล้วจะแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ ดีที่เราจำชื่อคนขับ ทะเบีนนรถได้ ตอนเย็นเราเลยไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจบางชัน ตรงนี้ขอขอบคุณ พันตำรวจโท พงษ์พัฒน์ ใจดี เป็นคนรับเรื่อง ซึ่งท่านก็ใจดีสมกับนามสกุล ท่านได้รีบโทรสอบทางไปยังกรมขนส่งทางบกเพื่อหาสังกัดของแท็กซี่คันนี้ ขณะที่นายตำรวจอีกคนหนึ่งได้ช่วยค้นหาชื่อจากระบบ จนกระทั่งได้ที่อยู่ ของคนขับแท็กซี่ และขั้นตอนต่อไปคือทางตำรวจจะดำเนินการติดต่อไปยังแท็กซี่เรียกเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ ตำรวจ และเรียกเราเข้าไปด้วย ซึ่งเราก็พร้อมที่จะไป สำหรับเพื่อน ๆ หากเจอลักษณะเดียวกับเรา ให้ดูชื่อคนขับก่อน หาก เป็น นาย อนันต์ ศรีอินทร์ ขับรถแท็กซี่สีชมพูคาดขาว ทะเบียร ทร- 9119 ให้ระวังไว้ค่ะ สำหรับเรา มองในมุมกลับ ตลกดีเหมือนกัน เพราะเราเคยสงสัยเหมือนกันว่าเค้าโกหกเราหรือเปล่าหรือเค้าลำบากจริงๆ แต่ด้วยความที่เราตั้งใจช่วยเหลือเค้าจริงๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงสงสารเราที่โดนมันหลอก เลยดลบันดาลให้เรามาพบมันอีกครั้ง ทั้งที่แท็กซี่มีเป็นแสนคัน แต่ทำไมต้องบังเอิญมาขึ้นคันของมัน.

1 ความคิดเห็น: