++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552

ฟ้าใส...ใจชื่นบาน : หนังฮาป่วนซ้าย-ขวา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    

หากพูดถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519 คนส่วนใหญ่คงนึกถึงแต่เรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองของคน 2 กลุ่ม ที่แม้จะมีจุดร่วมเดียวกันในเรื่องของการ "รักชาติ" แต่ก็กลับแบ่ง "ขวา-ซ้าย" กันอย่างชัดเจนด้วย "อุดมการณ์ความคิด" และแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของ "วิธีการ"
      
        กระทั่งนำมาซึ่งรอยแผลแห่งความทรงจำของใครหลายๆ คนที่ได้มีส่วนร่วมอยู่ในห้วงเวลาดังกล่าว
      
        ในมุมกลับกัน เคยลองนึกภาพกันบ้างมั้ยว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าในสถานการณ์ของความตึงเครียด ที่ว่าถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะ ของคนที่มี "อุดมการณ์" ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับคนที่มีแต่ "อุดมเกิน"
      
        คำตอบดังกล่าวมีอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง "ฟ้าใส...ใจชื่นบาน" (BLUE SKY OF LOVE)
      
        จากเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ส่งผลให้นิสิต-นักศึกษาหลายต่อหลายคนต่างยอมละทิ้งความสะดวกสบายของเมืองหลว งเพื่อมุ่งหน้าเข้าป่าร่วมกับกองทัพปลดแอกของพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยความหวัง และความเชื่อที่ว่านี่คือหนทางปฏิวัติอันชอบธรรมที่จะทำเพื่อประชาชนอย่างแท ้จริง
      
        หนึ่งในนั้นก็คือนักศึกษาหญิงที่ชื่อ "เม็ดทราย" (เพลง ร่มฉัตร ขำศิริ)
      
        และในขณะที่หลายคนเข้าไปใช้ชีวิตในป่าเพราะ "อุดมการณ์" ทว่า "ก้อง" (บี พิชญะ วัชจิตพันธ์-มหาลัย' เหมืองแร่) กลับเข้าป่าด้วยความบังเอิญแบบตกกระไดพลอยโจนไปพร้อมกับเพื่อนๆ ร่วมก๊วน ทั้ง จอบ(ค่อม ชวนชื่น), คิด(ใหญ่ ฝันดี) และเสียม(อ่าง เชิญยิ้ม) เพียงเพราะอยากรู้จักและสัมผัสความเป็นตัวตนของผู้หญิงสายเลือดนักปฎวัติอย่ างเม็ดทรายให้มากขึ้น โดยมีอุปสรรคที่สำคัญก็คือความแตกต่าง
      
        เพราะในขณะที่ฝ่ายหญิงต่างเต็มไปด้วยอุดมการณ์ ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน เขากลับเป็นคนที่ดูออกจะเหลวไหลด้วยการเป็นคนที่หาความสุขให้กับชีวิตไปวันๆ จากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว
      
        นอกจากนี้ก็ยังให้รวมไปถึงตัวของ "สหายเที่ยง" หนุ่มมาดดีผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติที่เม็ดทรายแอบพึงพอใ จในแนวคิดและท่าที
      
        "ฟ้าใส...ใจชื่นบาน" เป็นผลงานชิ้นแรกของ บริษัท ROYAL MULTIMEDIA DEVELOPMENT (R.M.D) โดย 2 ผู้กำกับ เกริกชัย ใจมั่น กับผู้กำกับหญิง นภาพร พูลเจริญ และทีมผู้สร้างจากรายการ "คดีเด็ด" ซึ่งนอกจากนักแสดงหลักๆ ที่ว่าแล้วยังมีนักแสดงมากฝีมือ อาทิ ไพโรจน์ สังวริบุตร, สมชาย ศักดิกุล, วาสนา สิทธิเวช ฯลฯ เข้าร่วมด้วย
      
        ด้วยความที่อิงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์และเป็นเหตุก ารณ์ที่มีข้อมูล ตัวตนหลายคนยังมีชีวิต ส่งผลให้หนังเรื่องนี้ที่แม้จะขายความ "ตลก" เป็นสำคัญ ทว่าภาพที่ออกมาทั้งในส่วนของโลเกชัน องค์ประกอบของฉากต่างๆ การแสดงของตัวละครต่างก็ล้วนแล้วแต่ดูสมจริง ไม่เหลวไหล น่าเชื่อถือ ขณะที่ในภาคของความตลกเองก็ค่อนข้างจะมีที่มีมาที่ไป และอยู่ในระบบแบบแผนของพล็อตเรื่อง
      
        ต่างจากหนังตลกส่วนใหญ่ของบ้านเราในระยะหลังๆ ที่มักจะให้ความสำคัญกับการยัด "มุกตลก" มากกว่าการเล่าเรื่องอย่างมีเหตุมีผล
      
        มองเผินๆ หนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะตั้งใจเสียดสีล้อเลียนกลุ่มซ้ายและขวา(เก่า) ด้วยการหยิบเอาตัวละครที่มีแต่ความไร้สาระ สนุกสนานเฮฮาไปอยู่ร่วมกับกลุ่มคนที่คำก็อุดมการณ์ สองคำก็เพื่อชาติ ทว่าในความเป็นจริงกลับเป็นเสียงหัวเราะ(ท่ามกลางเสียงปืน)ที่เป็นไปด้วยควา มจริงใจ ไม่มีจิตคิดร้ายกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของพวกเขานั่นเองที่ทำให้ทั้งซ้ายและขวาต ่างมีรอยยิ้มในสถานการณ์ที่ตึงเครียด
      
        โดยที่ตัวของเม็ดทรายเองก็เริ่มเรียนรู้จากก้องว่า หนทางแห่งความสุขและสันติภาพของคนส่วนใหญ่ที่เธอทุมเททั้งกายและใจแสวงหานั้ น มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นหรือหาเจอได้เลย หากเธอละเลยที่จะมองถึงความสุขในตัวตนของตนเองรวมทั้งปฏิเสธที่จะมองถึงความ รักจากคนรอบข้าง
      
        เพราะสองสิ่งนี้ย่อมมีอยู่ในจิตใจของคนที่คิดดีทำดีทุกคน
      
        “เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ เสียงหัวเราะจะยิ่งใหญ่ทั้งแผ่นดิน”
      
        แน่นอนว่าชีวิตจริงไม่ได้ตลกไปซะทุกเรื่อง แต่ชีวิตที่ไม่มีเรื่องตลกเอาเสียเลยก็คงจะเรียกว่าชีวิตได้ไม่ถูกนัก
      
        เ ร็วเกินไปที่จะบอกว่า "ฟ้าใส...ใจชื่นบาน" คือหนังตลกรักใสๆ ภาพสวยที่ดีที่สุดในรอบปีนี้ แต่มันคงไม่เร็วเกินไปหากจะบอกว่าหนังเรื่องนี้มาได้เวลาที่เหมาะสมจริงๆ กับสถานการณ์การเมืองไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
        ...
        หมายเหตุ : "ฟ้าใส...ใจชื่นบาน" เข้าฉายวันที่ 15 มกราคมนี้


http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000003581

คุณแม่ผู้ซึ่งไม่เคยยอมดูหนังเลยเพราะบอกเสียดายเงิน พอเห็นหนังเรื่องนี้โฆษณาในเอเอสทีวีก็มาชวนเราแล้วบอกว่า
"เดี๋ยวหนังเข้าเราต้องไปช่วยกันดูนะ เพราะเขาสนับสนุนเอเอสทีวี"
เราก็เลยถามแม่ยิ้ม ๆ ว่า "ถ้าหนังไม่สนุกล่ะ"
แม่ก็ตอบว่า " ก็ต้องไปช่วยกันดู"
เราก็เลยบอกแม่ว่า "แต่ดูจากตัวอย่างหนังก็ตลกดีนะแม่ เอาล่ะไว้มันเข้าเมื่อไหร่จะมาพาครอบครัวไปดูละกัน"

คุณสนับสนุนเอเอสทีวี พวกเราพร้อมจะสนับสนุนคุณค่ะ
ทุกสินค้าที่สนับสนุนเอเอสทีวี พวกเราพร้อมจะไปสนับสนุนคุณค่ะ
วี


ปช่วยกันดูหน่อยครับ ถ้าหนังเรื่องนี้ทำรายได้ดี จะได้มีหนังเรื่องอื่นมาโฆษณาใน ASTV อีกแยะๆ ASTV สู้ๆ
ASTV

    ผมอยากจะขอให้ใครก็ตามชำระข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงอย่างละเอียด โดยไม่มีการปิดบังหรือเซนเซอร์ว่าใครทำอะไรตอนนั้น นำข้อมูลเหล่านี้มาเผยแพร่ให้ทุกคนทราบทั่วไป ประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะได้ทราบเสียทีว่าเกิดอะไรขึ้น ความตาย การบาดเจ็บและการเสียสละอื่นๆ จะได้ไม่เสียเปล่า

เมื่อเราทราบดีแล้ว ค่อยมาทำหนังเบาสมอง อย่างเรื่องนี้
เพื่อน



    ไปดูเพราะเขาลงโฆษณากับ ASTV. ถ้าพวกเราไปดูกันเยอะ ๆ หนังเขารายได้เยอะ เขาก็จะมาโฆษณากับเราอีก ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เห็นว่า โฆษณากับ ASTV. ได้ผล ก็จะเข้ามามากขึ้น ASTV. ก็จะอยู่ได้ไม่ลำบากอย่างทุกวันนี้ พวกเราไปดูหนังเรื่องนี้ ก็เท่ากับช่วย TV. ของพวกเราอีกทางหนึ่งครับ
อยากให้ ASTV.อยู่นาน ๆ ต้องช่วยกันไปดูครับ
หมายเหตุ ทราบว่า ผู้สร้างช่วยเหลือ พธม.มานานแล้ว
สุรยัด


    ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าหนังเรื่องนี้มานจะดีไหม แต่ที่เห็นหลายๆคนมาพิมพ์อย่างนี้แล้วเห็นด้วยมากๆเลยเราเป็นชาว 'พันธมิตร' เมื่อบริษัทสร้างหนังเค้ากล้ามาลงโฆษณาใน ASTV เราก็ไปหนับหนุนเค้าหน่อย (เพื่อช่อง ASTV จะอยู่คู่กับคนไทยไปได้นานๆ)

แ ล้วอีกอย่างนะค่ะพี่ที่มาออกความคิดเห็นที่ 3 หนูว่าเราก็ต้องมองหลายๆด้านนะค่ะ จะว่าไปแล้วที่พวกคอมมิวนิสต์เค้าฆ่าคนไปแยะนะ ถ้ามองว่าเราไปอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นเราก็คงต้องทำอย่างเค้า มันคงจะอยู่ที่ผู้นำของกลุ่มว่าเค้าจะใช้ยุทธวิธีอย่างไร พวกเค้าเลือกที่จะใช้ความรุนแรงผลก็ออกมาอย่างที่เราเองก็รู้ๆกัน พี่รองคิดอีกทีว่าถ้าแกนนำของเราพวกท่านเลือกยุทธวิธีอย่างนั้นบ้างหลังจากท ี่พวกเราโดนยิงที่ทำเนียบซึ่งพวกเราตายกันแยะ พี่จะทำตามที่แกนนำเราสั่งไหมค่ะเมื่ออารมณ์พี่ถึงขีดสุด หนูเชื่อนะค่ะว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงคนเราที่ไม่ได้ถูกสั่งสอนหรือถูกฝึกมาค งจะไม่มีใครอยากเป็นฆาตกรกันหรอกค่ะ พวกนั้นเค้าก็เป็นเหมือนกันกับเรานะค่ะ ถ้าไม่ถึงที่สุดแล้วเค้าคงไม่ฆ่าใคร
หนูนา

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ16 มกราคม 2552 เวลา 21:40

    ขอบคุณนะครับ น่าติดตามๆ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ24 มกราคม 2552 เวลา 13:10

    ชอบมากเลยคับ น่าดูนะคับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2552 เวลา 03:19

    โทดน้า ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มันดีตรงไหน
    ผมอยากจะลุกออกจากโรงก่อนที่จะจบด้วยซ้ำ
    ไหนๆก้อดูแล้ว พูดไปคงไม่สปอยล์
    เรื่องนี้เด่นแต่น้าค่อม ฮาก้อไม่กี่ฉาก ดำเนินเรื่องก้อไร้สาระ เอาอะไรมาใส่ไปเรื่อย ไหนจะข้าวที่ไปทำลาย ไหนจะอุดมการณ์ปัญญาอ่อน จิตใจคนถ้าเจอขนาดนั้น ก้อไม่น่าเอามาเป็นผู้นำแล้ว
    เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่หนีช้าง แล้วไปรักกัน
    หนีตายชิบหาย ลงน้ำก้อเยอะ แต่กล้องถ่ายรูปสมัยนั้นกันน้ำได้??
    มันจับปลายังไง แล้วไปหาไก่จากไหนในป่าเขา?
    สุดท้าย มันจะยิงนางเอกทำซากไร แล้วทหารมันจะไม่เห็นก่อนรึ??
    เพ้อเจ้อสุดๆอ่ะคับ ผมว่า ^^a
    ถ้าหนังมันจะดีจิง ก้ออย่ามาโปรโมทด้วยวิธีการนี้เลยครับ จรรยาบรรณของคนทำหนังอยู่ไหน หรือนี่แค่การตลาด? ถ้าคิดว่าทำออกมาแล้วรู้ว่าแย่ จะไปลงทุนทำหนังให้มันเสียเวลาทำไม
    ปล.จะไม่หงุดหงิิดเลย ถ้าไม่มาชมซะเว่อร์ขนาดนี้
    เชื่อแล้วว่าเป็นครั้งแรกของการทำหนัง

    ตอบลบ