เทคนิคบุรีรัมย์ไถ่ชีวิตโคมอบลูกศิษย์กตัญญู-เรียนดี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มกราคม 2552 19:52 น.
บุรีรัมย์ - วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ ไถ่ชีวิตโคจากโรงฆ่าสัตว์ 28 ตัว มอบให้นักศึกษาที่มีความกตัญญู ประพฤติดี ขยันเรียน เพื่อให้นักศึกษาและครอบครัวนำไปเลี้ยง ในโครงการ “ 1 แผนก 1 ชีวิต ช่วยลูกศิษย์กตัญญู”
วันนี้ ( 23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ มอบโคในโครงการ “หนึ่งแผนกหนึ่งชีวิตช่วยลูกศิษย์กตัญญู” จำนวน 28 ตัว ที่คณะครูอาจารย์ได้ร่วมกันบริจาคเงินไถ่ชีวิตโคจากโรงฆ่าสัตว์ เพื่อนำมามอบให้กับนักศึกษา ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นลูกศิษย์กตัญญู รู้คุณพ่อแม่ ครูอาจารย์ รวมทั้งมีความประพฤติดี ขยันเล่าเรียน
โคดังกล่าวที่มอบให้นักศึกษาในครั้งนี้ นักศึกษาและครอบครัวจะได้นำกลับไปเลี้ยงที่บ้าน เมื่อตกลูกก็จะต้องนำแม่โคส่งคืนให้กับทางวิทยาลัยฯ เพื่อนำไปมอบให้กับนักศึกษารายอื่นที่ได้รับการคัดเลือกต่อไป
นอกจากนี้ที่สำคัญการไถ่ชีวิตโคเพื่อมอบให้กับนักศึกษา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา ด้วย
นายมงคล สุระสัจจะ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบโคให้กับนักศึกษา ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี สามารถเป็นแบบอย่างให้สถาบันอาชีวศึกษาอื่นๆ นำไปทำตามได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับนักศึกษา เพราะจะเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาคนอื่นๆ ได้เป็นคนกตัญญู เรียนดี ดังกล่าวอีกด้วย
----------------------
สภาอุตฯไทยเร่งยกระดับเถ้าแก่ SMEs อีสานรับวิกฤต ศก.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มกราคม 2552 19:42 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ส ภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมสภาอุตฯบุรีรัมย์ จัดสัมมนาเพิ่มขีดความสามารถ ผู้ประกอบการ SMEs 19 จังหวัดภาคอีสาน วันนี้ (23 ม.ค.)
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
บุรีรัมย์ - สภาอุตฯไทย ร่วมกับสภาอุตฯบุรีรัมย์ สัมมนาเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs ทั้ง 19 จังหวัดอีสาน เพื่อให้สามารถผ่าวิกฤตเศรษฐกิจที่ถดถอย และความไม่สงบทางการเมืองรอดพ้นไปได้ เสนอรัฐบาลตั้ง กองทุนเอสเอ็มอี 50,000 ล้าน ช่วยเหลือสภาพคล่องผู้ประกอบการ
วันนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ จัดสัมมนาเพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ภายในองค์กร ให้กับตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) 19 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้ประกอบการ ในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย รวมไปถึงปัญหาความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการต้องรีบปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ ยนแปลง และปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ให้ตรงต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อให้สามารถรอดพ้นจากภาวะวิกฤตดังกล่าวไปได้ ซึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาด เล็ก (SMEs) กว่า 20,000 แห่ง หลังประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจได้ปิดกิจการไปแล้วกว่า 200 แห่ง
ด้าน นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่ประเทศไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งกองทุน SMEs กว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและปรับสภาพคล่องของกลุ่มผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม เพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่อง จนทำให้ต้องปิดกิจการ และปรับลดคนงาน ที่โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งประเทศอยู่ในปัจจุบัน
---------------
ร้านส้มโชกุนยะลาเงียบเหงาแม้ใกล้ตรุษจีน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มกราคม 2552 19:45 น.
ยะลา – แม่ค้าขายส้มโชกุนเบตง ที่ จ.ยะลา เผย ส้มโชกุนเบตง ที่นิยมเป็นเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษในช่วงตรุษจีน ปีนี้ซบเซา เนื่องจากส่วนใหญ่ชาวไทยเชื้อสายจีนไปฉลองตรุษจีนกันนอกพื้นที่
ส้มโชกุนเป็นไม้ผลเศรษฐกิจของ อ.เบตง จ.ยะลา มีลักษณะคล้ายส้มเขียวหวาน รสชาติเข้มข้น หอมหวาน และ เนื้อนุ่มอร่อย ซึ่งเป็นไม้ผลเศรษฐกิจของ จ.ยะลา ที่ทำรายได้ให้กับจังหวัดยะลา เป็นจำนวนมาก และยังเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่มีความสำคัญ ต่อจังหวัดยะลา อีกด้วย และชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่ จ.ยะลา จะนิยมนำส้มโชกุนไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนในปีนี้ ร้านค้าขายส้มโชกุน ใน จ.ยะลา ค่อนข้างซบเซาบางตา ไม่ค่อยมีลูกค้ามาหาซื้อ
นางเนตรดาว ณานมณี เจ้าของร้านนิติการต์ ขายส้มโชกุน ตรา 5 ดาว ในเขตเทศบาลนครยะลา กล่าวว่า บรรยากาศการจับจ่ายซื่อของก่อนเทศกาลตรุษจีน ในปีนี้ ชาวไทยเชื้อสายจีนออกมาจับจ่ายซื้อของบางตากว่าทุกๆ ครั้ง ขายส้มโชกุนไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ ลูกค้ามีน้อยกว่าทุกๆ ปี เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้ว สามารถขายส้มโชกุนได้มากกว่านี้
ทั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน ที่อยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา และ อำเภอรอบนอก เดินทางไปฉลองเทศกาลตรุษจีน กับญาติพี่น้อง นอกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เลยทำให้การจับจ่ายซื้อของของชาวไทยเชื้อสายจีนลดน้อยลง
---------------
ทบ.กระบี่ทำประชาพิจารณ์สร้างท่าเรือมารีน่า
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มกราคม 2552 19:47 น.
กระบี ่ -เทศบาลเมืองกระบี่เชิญประชาชนร่วมทำประชาพิจารณ์ โครงการก่อสร้างท่าเรือมารีน่า และโครงการปรับปรุงเขาขนาบน้ำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งท่อ งเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ รวมงบประมาณทั้งสองโครงการกว่า 60 ล้านบาท
นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ กล่าวว่า ตามที่เทศบาลเมืองกระบี่ได้รับงบประมาณจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจำนวน 42 ล้าน 3 แสนบาท เพื่อทำการก่อสร้างท่าเทียบเรือพิเศษ หรือ มารีน่า ที่ปากแม่น้ำกระบี่บริเวณสวนสาธารณะธาราเทศบาลเมืองกระบี่ โดยจะทำการก่อสร้างทุ่นจอดเรือ ที่สามารถรองรับเรือเข้าจอดเทียบท่าได้ จำนวน 49 ลำ พร้อมสิ่งนำนวยความสะดวกต่าง ๆ
นอกจากนี้ เทศบาลเมืองกระบี่ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 19,000,000 บาท และงบสนับสนุนจากเทศบาลกระบี่ อีก 300,000 บาท รวมเป็นงบประมาณ 22 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพัฒนาเขาขนาบน้ำ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ จะทำการก่อสร้างสะพานจอดเรือ 3 แห่ง ทางเดินขึ้นชมความสวยงามภายในถ้ำ การปรับพื้นที่ภายในถ้ำ การสร้างรูปมนุษย์ถ้ำหรือมนุษย์โบราณไว้ภายในถ้ำ จำลองภาพบรรยากาศ การใช้ชีวิตของมนุษย์ถ้ำ ในสมัยโบราณ อาคารอเนกประสงค์ ห้องสุขา ปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณด้านหน้าถ้ำ และการเดินสายเคเบิลไฟฟ้าใต้น้ำ คาดว่าหลังจากพัฒนาแล้วจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพราะอยู่ใกล้เมือง กระบี่
เทศบาลเมืองกระบี่ จึงขอเชิญประชาชนร่วมทำประชาพิจารณ์ เพื่อรับฝังความคิดเห็นต่อการก่อสร้างทั้ง 2 โครงการขึ้นในวันที่ 27 มกราคม นี้ ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไปที่ สำนักงานเทศบาลเมืองกระบี่
-------------
คนไทยเชื้อสายจีนสงขลาจับจ่ายรับตรุษจีนคึกคัก แรงงานทยในมาเลฯ ทยอยกลับ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2552 11:17 น.
ศูนย์ข่าวาหาดใหญ่ - บรรยากาศในการซื้อขายช่วงวันจ่ายของเทศกาลตรุษจีนใน จ.สงขลา เป็นไปอย่างคึกคัก ตลาดสดในเมือง เช่น ตลาดสดพลาซ่า ตลาดกิมหยง และตลาดหาดใหญ่ สาธารณสุขฯ เตือนระวังเป็ดไก่ตายปะปนกับของดี ขณะเดียวกันตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ คนไทยซึ่งทำงานอยู่ประเทศมาเลเซียทยอยเดินทางกลับบ้านเพื่อร่วมไหว้บรรพบุรุ ษในวันตรุษจีน
วันจ่ายในอำเภอขนาดใหญ่ของ จ.สงขลา คึกคัก โดยที่ตลาดสดทรัพย์สินพลาซ่าใน อ.เมืองสงขลา บรรดาชาวไทยเชื้อสายจีนต่างออกไปจับจ่ายซื้อสินค้าโดยเฉพาะเครื่องเซ่นไหว้ เช่นไก่ และผลไม้ เพื่อเตรียมใช้ในวันไหว้พรุ่งนี้ แต่ประชาชนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าสินค้าทุกชนิดในช่วงตรุษจีนปีนี้ปรับ สูงขึ้นและค่อนข้างแพง
เช่นไก่บ้าน ปรับขึ้นถึง 20 บาทจากกิโลกรัมละ 140 เป็น 160 บาท ต้นกระเทียมจากประเทศจีน กิโลกรัมละ 120 บาท ต้นคึ่นไฉ้ กิโลกรัมละ 50 บาท ผักชี กิโลกรัมละ 60 บาท เช่นเดียวกับส้มโชกุนขนาดใหญ่ กิโลกรัมละ 50 บาท ขนาดกลาง กิโลกรัมละ 30 – 35 บาท ส่วนขนมเข่งกิโลกรัมละ 60 บาท ขนมเทียน ลูกละ 3 บาท ส่งผลให้กำลังซื้อของชาวไทยเชื้อสายจีนใน จ.สงขลา ลดลงส่วนใหญ่จะซื้อตามความจำเป็นเท่านั้น
นายแพทย์ สรรพงษ์ ฤทธิรักษา ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ระบุว่า สาธารณสุข จ.สงขลา ได้ออกแจ้งเตือนประชาชนที่ซื้อเป็ดไก่นำไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษและไ หว้เจ้า ให้ตรวจดูความสดและความสะอาดและแผงขาย และควรเลือกซื้อเจ้าประจำที่ไว้ใจได้ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสของแม่ค้าที่นำเป็ดไก่ที่ตายมาปะปนกับไก่ที่ดีในช่ว งเทศกาลตรุษจีนที่มีประชาชนมาซื้อของเซ่นไหว้เป็นจำนวนมาก
ด้านคนไทยรวมทั้งแรงงานไทยที่เข้าไปทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียและประ เทศสิงคโปร์ ทยอยเดินทางกลับด้วยรถบัสโดยสารระหว่างประเทศมาลงที่อำเภอหาดใหญ่ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อกลับมาร่วมฉลองเทศการตรุษจีนที่บ้านเกิดทั้งใน จ.สงขลา และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกันแรงงานไทยที่เข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียก็ถือโอกาสวันหย ุดยาวช่วงตรุษจีนของประเทศมาเลเซียซึ่งนายจ้างชาวจีนส่วนใหญ่จะหยุดยาวประมา ณ 1 สัปดาห์ กลับมาพักผ่อนและท่องเที่ยวตามเมืองชายแดนของสงขลาเช่น อ.สะเดา และอ.หาดใหญ่ ส่งผลให้บรรยากาศการเดินทางของรถโดยสารระหว่างประเทศเส้นทางหาดใหญ่- มาเลเซีย หาดใหญ่-สิงคโปร์ เป็นไปอย่างคึกคักมีผู้โดยสารใช้บริการอย่างหนาแน่นโดยเฉพาะขากลับเข้าประเท ศไทยจำนวนผู้โดยสารเต็มทุกคัน
---------------
พันธมิตรฯ ภูเก็ตทอดผ้าป่าสร้างอุโบสถวัดหลังศาลภูเก็ต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2552 11:22 น.
พันธมิตรฯ เมืองภูเก็ตร่วมกับคณะกรรมการวัดหลังศาลจัดทอดผ้าป่าหารายได้บูรณะอุโบสถ วัดหลังศาล พร้อมร่วมปุจฉา วิสัชนาธรรมกับพระอาจารย์จิรวัฒน์ อัตตรักโข "ทำไม...คนมีธรรมะต้องช่วยชาติ"
วันนี้ (24 ม.ค) ที่วัดหลังศาล หรือวัดเจริญสมณกิจ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เครื่องข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยคณะกรรมการวัดหลังศาลได้จัดให้มีพิธีตักบาตรข้าวสวยแด่พระสงฆ์ ขึ้น พร้อมกับจัดให้มีพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อหารายได้สมทบทุนบูรณะพระอุโบสถ วัดเจริญสมณกิจ หรือวัดหลังศาล อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ในการจัดทอดผ้าป่าในครั้งนี้ได้มีการเทศนาธรรม โดยพระอาจารย์จิรวัฒน์ อัตตรักโข ลูกศิษย์ท่านหลวงปู่ฝั้น อาจาโร จากวัดป่าไชยชุมพล อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ในหัวข้อ"ทำไม....คนมีธรรมะต้องช่วยชาติ"ด้วย
น.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมืองภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันวัดเจริญสมณกิจ หรือที่ชาวจังหวัดภูเก็ต รู้จักกันดีในชื่อ "วัดหลังศาล" อยู่ระหว่างการบูรณะโบสถ์ ซึ่งยังขาดงบประมาณอยู่อีกบางส่วน กลุ่มพันธมิตรฯ เมืองภูเก็ต จึงร่วมกับคณะกรรมการวัด จัดทอดผ้าป่าครั้งนี้เพื่อหารายได้มาสนับสนุนการบูรณะโบสถ์
----------------
ล้วงคองูเห่า! โจรขโมยข้าวเปลือกตำรวจกาฬสินธุ์สูญทั้งยุ้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2552 11:30 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
กาฬสินธุ์ - โจรขโมยข้าวเปลือกชาวนาอาละวาดหนัก ล่าสุดบุกขโมยข้าวเปลือกในยุ้งฉางบ้านตำรวจหายวับไปกับตากว่า 200 ถัง ชาวบ้านเรียกร้องให้ตำรวจเร่งจับตัวคนร้ายอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเกิดคดีโจรขโมยข้าวเปลือกติดกันถึง 4 ปี แต่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้แม่แต่ครั้งเดียว
วันนี้ (24 ม.ค.) นายศักกล ทองขันธ์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านตูม หมู่ที่ 19 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวถึงคดีที่กำลังสร้างปัญหาให้กับชาวบ้าน เนื่องจากเกิดปัญหาโจรขโมยข้าวเปลือกอาละวาดอย่างหนักติดต่อกับเป็นเวลาถึง 4 ปีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้
โดยล่าสุดได้บุกไปขโมยข้าวของ นางกว้าง ภูเงินงาม อายุ 62 ปี ราษฎรบ้านตูม ส่งผลให้ข้าวเปลือกในยุ้งฉางที่มีกว่า 200 ถังหายวับไปกับตาและสิ่งที่น่าตกใจที่สุด บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่มีลูกชายเป็นตำรวจและในช่วงเกิดเหตุ จ.ส.ต.จิราวุฒิ ภูเงินงาม บุตรชายที่เป็นตำรวจ นอนเฝ้าบ้าน แต่คนร้ายก็ยังบุกขึ้นงัดประตูและขโมยข้าวเปลือกอย่างไม่เกรงกลัว ส่งผลให้ชาวบ้านที่เก็บข้าวไว้บนยุ้งฉางหวาดผวาอย่างหนัก
ด้าน นางกว้าง ภูเงินงาม กล่าวว่า โจรที่มาขโมยข้าวในที่เกิดกับตนเกิดขึ้นเป็นรายล่าสุด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่คือ สภ.นากุง อ.ยางตลาด ยังไม่สามารถที่จะจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ และคดีในทำนองนี้ในพื้นที่เกิดขึ้นปีละหลายครั้ง โดยเฉพาะในฤดูหนาว ทำให้ชาวบ้านอยู่กันอย่างหวาดผวา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้แม้แต่รายเดีย ว จึงวิงวอนสื่อมวลชนช่วยกระตุ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เร่งติดตามคนร้าย และช่วยกระจายข่าวสารให้ชาวบ้าน ได้เพิ่มความระมัดระวังด้วย ก่อนที่ข้าวเปลือกในยุ้งฉางจะถูกขโมยเหมือนตน
จ.ส.ต.จิราวุฒิ ภูเงินงาม กล่าวว่า ปกติหลังจากออกเวรที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ตนจะกลับมานอนเฝ้าบ้านทุกคืน ส่วนนางกว้างผู้เป็นแม่และพ่อจะนอนเฝ้าบ่อกุ้ง ในคืนที่เกิดเหตุนั้น สภาพอากาศหนาวเย็นและมีลมแรง ทำให้ตนนอนหลับไม่รู้สึกตัว พอรุ่งเช้าจึงได้เห็นความผิดปกติที่ยุ้งฉาง เนื่องจากเห็นประตูแง้มออก และเห็นเมล็ดข้าวเปลือกตกกระจายเต็มพื้น
เมื่อขึ้นไปสำรวจจึงรู้ว่าข้าวเปลือกที่บรรจุในถุงจำนวน 16 ถุง และที่เทไว้ประมาณ 200 ถัง ได้สูญหายไป จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นากุงเจ้าของพื้นที่มาตรวจที่เกิดเหตุ
พ.ต.ท.เพชรรัตน์ ศรีเมือง สารวัตรหัวหน้า สภ.นากุง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัญหาโจรขโมยข้าวเปลือกชาวนา ได้รับรายงายอยู่ตลอดและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามที่จะจับกุมคนร้ายมาดำเนิน คดีให้ได้แต่ เนื่องจากพื้นที่รับผิดชอบมีถึง 3 ตำบล ขณะที่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีไม่กี่นาย ซึ่งก็หมายความว่าทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง ประกอบกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น ชาวบ้านจึงนอนหลับสนิท เป็นช่องทางให้โจรผู้ร้ายขโมยข้าวเปลือกชาวนาได้
โดยเฉพาะในฤดูเก็บเกี่ยว 51/52 เกิดขึ้นแล้วหลายคดี ซึ่งก็พยายามที่จะติดตามจับกุมคนร้ายอยู่ และสำหรับรายล่าสุดที่เกิดขึ้นคาดว่าจะคนร้ายไม่ต่ำกว่า 4 คน และน่าจะเป็นคนในพื้นที่ที่รู้เส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตามหาเบาะแสต่อไป
ด้าน นายศักกล ทองขันธ์ ผู้ใหญ่บ้านตูม กล่าวว่า กรณีข้าวเปลือกของลูกบ้านถูกขโมย เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ซึ่งได้สร้างปัญหาให้กับชาวนาเป็นอย่างมากเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจั บคนร้ายมาดำเนินคดีได้ จึงทำให้ชาวบ้านอยู่ด้วยความหวาดระแวง โดยเฉพาะในรายของนางกว้างฯ ที่มีลูกชายเป็นตำรวจกลับถูกขโมยข้าวไปหมดยุ้งฉางซึ่ง คนร้ายอาจจะตั้งใจที่จะบอกอะไรบางอย่างว่า ขนาดบ้านตำรวจเองก็ยังขโมยได้ แล้วประสาอะไรกับบ้านของคนธรรมดา จึงฝากถึงตำรวจท้องที่ให้เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายโดยเฉพาะการจัดสายตรวจออ กลาดตระเวน เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับชาวบ้านด้วย ซึ่งในส่วนของชาวบ้าน ก็จะมีการจัดเวรยามเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายเกิดขึ้นอีก
-------------
ตรุษจีนภูเก็ตเริ่มคึกคัก ปชช.ซื้อของไหว้แล้ว ตร.คุมเข้มร้านทอง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2552 11:25 น.
ตรุษจีนภูเก็ตเริ่มคึกคักประชาชนแห่ซื้อของไหว้ตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่ตำรวจสั่งตรวจเข้มร้านทองป้องกันเหตุร้าย
สำหรับวันจ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จังหวัดภูเก็ตคึกคักขึ้นตั้งแต่ ช่วงเช้าที่ผ่านมา ชาวภูเก็ตเชื้อสายจีนเริ่มแห่ซื้อเครื่องเซ่นไหว้วันตรุษจีนกันแล้ว แม้ว่าวันนี้ทั้งวันจะมีการจำหน่ายสินค้าสำหรับเซ่นไหว้ตามตลาดต่างก็ตาม สำหรับของเซ่นไหว้ที่มีการซื้อกันมาก ประกอบด้วย ไก่ หมู และผลไม้ เพื่อเตรียมใช้ในวันไหว้พรุ่งนี้ แต่ประชาชนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าสินค้าทุกชนิดในช่วงตรุษจีนปีนี้ปรับ สูงขึ้นและค่อนข้างแพง ทำให้การซื้อสินค้าของประชาชนซื้อตามความจำเป็น
ขณะที่ พ.ต.อ. วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับร้านทองในช่วงเทศกาลตรุษจีนทาง สภ.เมืองภูเก็ตได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจเข้มร้านทอง พร้อมเรียกผู้ประกอบการร้านมาทำความเข้าใจและหามาตรการป้องกันไม่ว่าการติดว งจรปิด ติดกระจกนิรภัย และติดลูกกรง เพื่อป้องกันแก๊งมิจฉาชีพ รวมทั้งให้เจ้าของร้านเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของแก๊งต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบออกตรวจตราพื้นที่เป้ าหมายซึ่งจากสถิติพบว่า การก่อการร้ายจะเกิดช่วงเวลาเที่ยงวันถึง 6 โมงเย็น และช่วงหลังเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า ซึ่งช่วงดังกล่าวมีการก่อเหตุสูงสุด
อย่างไรก็ตาม เพื่อลดปัญหาแก๊งลักทรัพย์ ทาง สภ.เมืองภูเก็ต จะมีการอบรมยามเฝ้าหมู่บ้านให้ทราบถึงพฤติกรรมและการสังเกตุหมายเลขทะเบียนร ถ ตลอดจนจะมีการประสานเจ้าของหมู่บ้านให้มีการติดตั้งวงจรปิดด้วย
ทั้งนี้คดีลักทรัพย์ในช่วงเดือนมกราคม 2552 ปรากฎว่ามีการก่อเหตุ 12 ราย จับกุมได้ 7 ราย ในส่วนภาพรวมการจับกุมคดีต่าง ๆ นั้น ปรากฎว่า สภ.เมืองภูเก็ต มีสถิติผลการจับกุมเป็นอันดับที่ 1 ของตำรวจภูธรภาค 8
ขอบคุณสำหรับบทความนะครับ
ตอบลบ