++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

ชำแหละโฟนอิน “แม้ว” แผนทำลายประเทศ แฉจ้างล็อบบี้ สมช.สหรัฐฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ชำแหละโฟนอิน “แม้ว” หวังชิงพื้นที่ข่าวกันคนลืม พร้อมปลุกมวลชนปัดแข้งปัดขารัฐบาล ดึง “มาร์ค 1” จมปลักกับเรื่องเดิมๆ “สุริยะใส” แนะรีบแก้เกมกำราบ ขรก.สายลับระบอบทักษิณ เตือนรับมือแผนโลกล้อมประเทศ ระบุแผนอันตรายชูเสรีประชาธิปไตยแบบตะวันตก ด้านโฆษก ปชป.เผยเอกสารลับ “แม้ว” จ้างล็อบบี้สภาความมั่นคงสหรัฐฯ ยันไม่นิ่งนอนใจ เตรียมป้องกันความเสียหายไว้แล้ว

       ในช่วงสนทนารายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันที่ 26 ม.ค. นพ.บูรณัชย์ สมุทธรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มาร่วมสนทนาในประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีโทษจำคุกอยู่ต่างประเทศ ได้โทรศัพท์เข้าไปในรายการ “ความจริงวันนี้” ภาคพิเศษของสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งนายสุริยะใสเห็นว่า เนื้อหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดค่อนข้างจะรุนแรงมากขึ้น และจากนี้ไป พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้สถานีโทรทัศน์ช่องนี้ในการโจมตีรัฐบาลมากขึ้น เป็นการสวมบทผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งสามารถชิงพื้นที่สื่อเพื่อทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลได้มาก
      
       อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใสกล่าวว่า ในแง่ราคาทางการเมืองอาจไม่เป็นผลดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณมากนัก เพราะยิ่งพูดก็จะทำให้คนที่เคยวางบทบาทเป็นพลังเงียบยอมรับไม่ได้ กระนั้นก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณคิดว่า จะใช้ตรงนี้ขัดแข้งขัดขารัฐบาล ด้วยการปลุกคนเสื้อแดงซึ่งไม่ต้องใช้จำนวนมากให้ออกมาก่อกวนการทำงานของรัฐบ าล เป็นการใช้วิธีกองโจร เพราะเขาไม่สนใจความชอบธรรม เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องหาวิธีจัดการ
      
       นพ.บูรณัชย์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสิทธิที่จะพูด และรัฐบาลได้พยายามติดต่อเจรจาให้เขายอมรับการตัดสินของศาล โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ พยายามติดต่อ แต่ก็ล้มเหลว แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณพยายามทำให้ดูเหมือนว่าไม่มีความสงบ ให้เกิดภาวการณ์ของรัฐที่ล้มเหลว และให้คนออกมาต่อต้าน จนต้องใช้กำลังปราบปราม ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมให้คนออกมาต่อต้านรัฐบา ล แต่รัฐบาลยังยึดมั่นในแนวทางที่จะใช้การเจรจาพูดคุย และบอกฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณไม่ให้เอาสถาบันสำคัญของชาติ มายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง
      
       **จี้รัฐกำราบเสื้อแดง-ควบคู่สร้างสังคมใหม่
      
       กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศว่าจะสู้ถึงสวรรค์ถึงนรกนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการจะทำให้ความขัดแย้งยังอยู่ ต้องโผล่ทางโทรทัศน์บ่อยๆ และพยายามทำให้เห็นว่าเขาถูกรังแกจากศาล จากกองทัพ จากคนชั้นสูง เขาไม่ต้องการให้มวลชนลืมเขา เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์มีสารพัดวิธีที่จะทำให้ประชาชนลืมเขาได้ เขาจึงต้องการลากพรรคประชาธิปัตย์ให้อยู่ในโจทย์เก่า ขณะที่นักข่าวก็ถามแต่เรื่องเก่าๆ จนนายอภิสิทธิ์รำคาญ ซึ่งสื่อบ้านเราเก่งแต่การตั้งโจทย์เรื่องความขัดแย้ง เป็นเงื่อนให้ พ.ต.ท.ทักษิณดึงมาอยู่ในบริบทเก่าๆ
      
       นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า หน้าที่ของรัฐบาล คือสร้างฝันให้เห็นสังคมข้างหน้าว่าจะเดินไปอย่างไร อย่างที่นายอภิสิทธิ์พยายามทำ แต่ก็ต้องจัดการกับโจทย์เก่าให้ได้ก่อน รัฐบาลต้องมีแนวทาง กุศโลบายที่จะสร้างความสมดุลว่าฝันข้างหน้าคืออะไร แต่ความเลวร้ายในอดีตก็ต้องจัดการ และต้องเล่นอย่างชาญฉลาดไม่ตกเป็นเครื่องมือของเขา
      
       ทั้งนี้ แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมีมวลชนน้อยลง แต่สามารถสร้างความขัดแย้งได้ เช่น การปล่อยใบปลิวโจมตีสถาบันใช้คนแค่ 10 คนก็ทำได้ และยังมีวิธีใต้ดินอื่นๆ เช่น เว็บไซต์ ซึ่งสั่นสะเทือนต่อความมั่นคง เพราะการที่ดึงเอาองคมนตรี ศาล สถาบันเบื้องสูงมาเล่น ถือเป็นโจทย์ของความมั่นคง ถ้าจัดการไม่ดี บทบาทของอำนาจนิยมแบบทหารจะกลับมา อีกด้านหนึ่งรัฐบาลต้องจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย เพราะบางจังหวัดทำปล่อยใบปลิวหมิ่นเบื้องสูงได้ง่ายเหลือเกิน เพราะฉะนั้นจะต้องมีการปรับรื้อรัฐตำรวจ หรือผู้ว่าราชการบางจังหวัดด้วย
      
       นพ.บูรณัชย์ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณดึงสังคมไปอยู่ความขัดแย้ง รัฐบาลต้องขีดเส้นตีกรอบ ถ้าละเมิดกฎหมายบ้านเมือง หรือกระทบกับสิ่งที่ละเอียดอ่อนเรายอมปล่อยไม่ได้ ส่วนข้าราชการนั้นถือเป็นปัญหาปลายเหตุ การที่พันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกันต่อต้านระบอบทักษิณที่ทำลายประชาธิปไตยนั้น เราต้องการให้ประชาชนส่งสัญญาณยอมรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเมืองใหม่ เสียงเรียกร้องให้ต่อต้านศาล และกองทัพนั้น เชื่อว่าประชาชนไม่ตอบรับ และจะเป็นแค่เสียงเรียกร้อง การที่รัฐบาลยึดความถูกต้องตามกฎหมาย ให้ความเท่าเทียม ให้ความยุติธรรมกับประชาชน เราก็ก้าวข้ามจากระบอบทักษิณ
      
       เรื่องการจัดการกับกรณีจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงนั้น นพ.บูรณัชย์กล่าวว่า การดำเนินการเราไม่ประสงค์ให้เป็นข่าวแต่ขอให้ประชาชนมั่นใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้แถลงตั้งแต่วันแรกแล้วว่าจะไม่ให้ผู้ใดทำให้สถาบันกษัตริย์ไม่อยู่เหนือค วามขัดแย้ง เรื่องเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงนั้น มีการติดตามมาตั้งแต่สมัย คมช. ขณะนี้ได้ให้หน่วยงานหลายส่วนที่มีความสามารถทางสารสนเทศช่วยกันติดตาม ส่วนการดำเนินการตามกฎหมายนั้นทางกระทรวงยุติธรรมและทหารก็คุยกันอยู่ตลอด และมีเบาะแสต่างๆ ปรากฏชัดมากขึ้นแล้ว
      
       **แฉ “แม้ว” จ้างฝรั่งล็อบบี้สภาความมั่นคงมะกัน
      
       กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามบอกกับชาวโลกให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับประเทศไทยนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะละเลยไม่ได้ ประเด็นนี้มีโจทย์ 2 ข้อซ่อนอยู่ ข้อแรกเรื่องการจ้างล็อบบี้ยิสต์เพื่อตัดตอนบิดเบือนความจริงนั้นแก้ง่าย ถ้ากระทรวงการต่างประเทศจะตีโต้ โดยให้ข้อมูลอีกทาง ชี้แจงผ่านทูตทั่วโลก แต่อีกข้อที่น่ากังวลคือ พ.ต.ท.ทักษิณอ่านออกว่าแนวความคิดเสรีประชาธิปไตยแบบตะวันตกจะไม่เอาสถาบันก ษัตริย์หรืออมาตยาธิปไตย เขาจึงพยายามสร้างภาพว่าเขาเป็นตัวแทนความคิดเสรีนิยม ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจซึ่งฝรั่งฟังแล้วเคลิ้ม ทั้งที่ในความเป็นจริงสมัยเขาเป็นนายกฯ มีการผูกขาดทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เมื่อเขาตบต่างชาติได้ ฝรั่งที่ไม่เข้าใจสังคมไทยจึงเชิดชู พ.ต.ท.ทักษิณด้วยความจริงใจ ประเด็นนี้จึงน่าห่วงและอันตราย เพราะพื้นฐานของเสรีประชาธิปไตยแบบฝรั่งเขาจะไม่เอาสถาบันกษัตริย์
      
       นพ.บูรณัชย์ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า รัฐบาลได้พยายามอธิบายให้ประชาชนเข้าใจด้วยการเอาข้อมูลการจ้างล็อบบี้ยิสต์ ของ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาเปิดเผย ซึ่งมีหลักฐานว่า มีการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ถึง มิ.ย.51 เราต้องพูดเรื่องนี้ เพราะปัญหาที่ตามมามันส่งผลถึงประชาชน มันกระทบเศรษฐกิจ การเมืองในประเทศ เนื่องจากความเข้าใจของต่างชาติเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ ในสมัยที่เป็นนายกฯ กุมอำนาจ แทรกแซงองค์กรอิสระได้ทั้งหมด เหลือเพียงองค์กรศาลที่แทรกแซงไม่ได้ เขาจึงเน้นไปที่การทำลายภาพลักษณ์ของศาลแทน ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะนายจักรภพ เพ็ญแขที่พยายามสื่อกับองค์กรต่างประเทศนั้น ก็อยู่ภายใต้เป้าหมายและยุทธศาสตร์เดียวกัน
      
       นพ.บูรณัชย์ กล่าวอีกว่า มีประเด็นที่ตนยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนก็คือ สาระในการล็อบบี้ในปี 2550 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เงินว่าจ้าง 1 ล้านเหรียญ มันไม่ใช่แค่สื่อ เพราะการล็อบบี้กับสื่อไม่ใช้เงินมากขนาดนั้น จากเอกสารที่ค้นมาได้นั้น มันเป็นการล็อบบี้กับสภาความั่นคงของสหรัฐ ซึ่งเมื่อสอบถามไปทางวอชิงตัน พบว่ามีน้อยมากที่จะมีการใช้กลไกการล็อบบี้ต่อสภาความมั่นคง ซึ่งเป็นคนที่กำหนดนโยบายทางต่างประเทศ ของประเทศมหาอำนาจที่มีต่อไประเทศไทย สิ่งเหล่านี้มีนัย นิ่งนอนใจไม่ได้ และต้องป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น อย่างเต็มความสามารถ
      
       **จี้พลิกข้อกฎหมายเอาผิด “นช.แม้ว” โฟนอิน
      
       กรณีที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะโฟนอินเข้ามาในรายการของดีสเตชั่นนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า การที่นายกฯ บอกว่าเป็นสิทธิ มุมหนึ่งก็อาจมองว่าเป็นความใจกว้าง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ต้องหาที่ถูกพิพากษาเรียบร้อยแล้ว การปล่อยให้โฟนอินแล้วนักข่าวเอามาพาดหัวหน้าหนึ่ง ทีวีเอามาฉายซ้ำหลายรอบ มันผิดปกติ เพราะมันเลยขั้นเรื่องสิทธิ มันเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม รัฐบาลจะต้องหาวิธีเอาตัวมา ไม่เช่นนั้นก็จะใช้ ดีทีวี ซึ่งเป็นทีวีเล็กๆ แต่ก็มีสื่อมวลชนที่อื่นเอาไปเขยายต่อ มันผิดปกติ อาจต้องถามที่ศาลว่าทำได้หรือไม่ มันมีบรรทัดฐานแบบนี้หรือไม่ ต้องถามคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาว่าคนเป็นนักโทษ มีสิทธิทำแบบนี้ได้หรือเปล่า ส่วนการจัดรายการของดีทีวีก็ให้ทำไป คิดว่าไม่นานก็คงเจ๊งแบบพีทีวี และที่ทำก็เพื่อเป็นกระบอกเสียง ไม่ใช่สื่อด้วยซ้ำ เป็นแค่ช่องทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้สื่อสารและขย่มรัฐบาลนี้
      
       นพ.บูรณัชย์ กล่าวว่า รัฐบาลพิจารณาประเด็นนี้มาตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์หนังสืออาซาฮี ว่าการเป็นนักโทษ ทำให้สิทธิในการพูดของเขาสิ้นสุดลงหรือไม่ ซึ่งเราคิดว่าเป็นคนละส่วนกัน แต่หาก พ.ต.ท.ทักษิณพูดอะไรออกมาที่เป็นการหมิ่นศาล หรือหมิ่นประมาทคนอื่น พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องรับผิดชอบเอง ถ้าคนที่ถูกหมิ่นประมาทอยู่ในฐานะที่จะดำเนินการได้เองก็ให้เขาดำเนินการ แต่ถ้ากรณีใดที่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้าไปดำเนินการแทน รัฐบาลก็จะเข้าไปจัดการ
      
       ทั้งนี้ นพ.บูรณัชย์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดต่อจากนายอภิสิทธิ์ทุกเช้าวันอาทิตย์นั้น นายอภิสิทธิ์รู้สึกเฉยๆ เพราะเดิมก็มีสามเกลออยู่แล้ว และตนก็มีหน้าที่ชี้แจงให้ประชาชนทราบ แต่รัฐบาลเพิ่งเข้ามาได้ 2 สัปดาห์ จะให้ปัญหาหมดไปเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่รัฐบาลจะไม่ใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมเป็นอันขาด
      
       นายสุริยะใสกล่าวทิ้งท้ายว่า การที่สื่อตกเป็นเครื่องมือของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น อยู่ที่สื่อด้วย ไม่ได้อยู่ที่ผู้บริโภค เพราะบางเรื่องคนอาจเบื่อแล้ว แต่สื่อที่ถูกกำกับและถูกซื้อซึ่งน่ากลัว ก็จงใจเลือกประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดมาพาดหัว ขณะที่นายกฯ ใจกว้างพอ ไม่เซนเซอร์ ให้เสรีภาพ แต่อีกฝ่ายไม่อยู่บนฐานเสรีภาพ มีการใช้เงิน ใช้วิธีการใต้ดินมากำกับชี้นำ แล้วเสรีภาพเป็นข้ออ้างเพื่อออกมาโจมตี แต่ลึกๆ คือต้องการก่อความวุ่นวายให้บ้านเมือง
      
       “ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องส่งสัญญาณอะไรออกมา ถ้าหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดอำนาจศาล การท้าทายสถาบัน รัฐบาลต้องมีอะไรที่ชัดเจนออกมา ส่วนที่ 2 ข้าราชการ รัฐบาลต้องส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ไม่ใช่มัวนิ่งเฉย อย่าง นายสุเทพไปประชุม กต.ร. ก็ยังไม่ส่งสัญญาณ บอกว่าให้รอผลสอบของ ป.ป.ช.เรื่องเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าจะสรุปได้เมื่อไหร่ เพราะการทำงานของ ป.ป.ช.ค่อนข้างช้า ซึ่งที่จริงน่าใช้ ผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเป็นแนวทางได้ และการที่รัฐบาลไม่ส่งสัญญาณ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณก็ฮึกเหิม อย่างเอ็นบีที ปัจจุบันก็ยังคงโจมตี เหน็บแนมรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง” นายสุริยะใส กล่าว

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000009361

1 ความคิดเห็น: