บทเรียนที่ต้องเรียนรู้
ร ัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีภาระกิจสำคัญอยู่สองประการหลัก คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการชำระล้างระบอบทักษิน ถ้าศึกษาบทเรียนจากสมัยรัฐบาล พลเอกสุรยุทธฯ จะเห็นว่า ในยุคนั้นมีข้อกังวลว่า มาจากการรัฐประหาร ทำให้มีความยุ่งบากใจในการจะโยกย้ายข้าราชการจำนวนมาก ( ระบอบทักษินที่ฝังรากลึกในระบบราชการของไทย ทำให้มีข้าราชการจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในแวดวงราชการระดับสูง ) แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์มีความแตกต่างเพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะมีภาระกิจที่จะต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้นในการแก้ไขหากไม่มีการโยกย้ายข้าราชการในระบอบทักษิน จะทำให้มีข้าราชการจำนวนไม่น้อยที่จะใส่เกียร์ว่าง ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นสิ่งที่พรคประชาธิปัตย์ต้องทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจคือการช ำระล้างระบอบทักษินในแวดวงราชการ ทำให้ระบบราชการอยู่ในร่องรอย มีข้าราชการที่พร้อมจะทำงานให้กับแผ่นดิน มากกว่าทำงานให้กับใครคนใดคนหนึ่ง นอกจากนี้ หากมองถึงฐานเสียงในประเทศ จำแนกกลุ่มได้เป็นสามกลุ่มหลัก คือ กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจหนึ่ง กลุ่มปัญญาชนและชนชั้นกลางหนึ่ง และชนชั้นรากหญ้าอีกหนึ่ง ในส่วนของพ่อค้านักธุรกิจนั้น หากสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ก็จะได้คะแนนเสียงของคนกลุ่มนี้ได้แล้ว ในกลุ่มของปัญญาชนและชนชั้นกลางนั้น เพียงทำงานให้ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม และจัดการกับการคอร์รัปชั่นให้เห็น ก็จะได้คะแนนเสียงของคนกลุ่มนี้แล้ว ในส่วนของกลุ่มคนรากหญ้านั้น ขอเพียงดำเนินงานเพื่อให้คนเหล่านี้สามารถทำงานต่อสู้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง ( เริ่มต้นด้วยการพักชำระหนี้ แล้วดำเนินการช่วยเหลือในการประกอบอาชีพ ให้สามารถยืนอยู่ได้ ) ก็จะได้คะแนนเสียงคนกลุ่มนี้ได้แล้ว ข้อสำคัญในการเลือกตั้งนั้น ระบอบทักษิน นอกจากอาศัยเงินแล้ว สิ่งสำคัญระบอบนี้ยังอาศัย ข้าราชการฝ่ายปกครอง ข้าราชการตำรวจ และ กกต จังหวัด ดังนั้น รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ต้องดำเนินการชะล้างคนเหล่านี้ให้อยู่ในร่องรอย ก็จะสามารถขยายฐานเสียงไปยังภาคอีสานและเหนือได้แล้ว อย่าให้ซ้ำรอยเดิมของพลเอกสุรยุทธฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น