โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
หากพูดถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519 คนส่วนใหญ่คงนึกถึงแต่เรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองของคน 2 กลุ่ม ที่แม้จะมีจุดร่วมเดียวกันในเรื่องของการ "รักชาติ" แต่ก็กลับแบ่ง "ขวา-ซ้าย" กันอย่างชัดเจนด้วย "อุดมการณ์ความคิด" และแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของ "วิธีการ"
กระทั่งนำมาซึ่งรอยแผลแห่งความทรงจำของใครหลายๆ คนที่ได้มีส่วนร่วมอยู่ในห้วงเวลาดังกล่าว
ในมุมกลับกัน เคยลองนึกภาพกันบ้างมั้ยว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าในสถานการณ์ของความตึงเครียด ที่ว่าถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะ ของคนที่มี "อุดมการณ์" ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับคนที่มีแต่ "อุดมเกิน"
คำตอบดังกล่าวมีอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง "ฟ้าใส...ใจชื่นบาน" (BLUE SKY OF LOVE)
จากเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ส่งผลให้นิสิต-นักศึกษาหลายต่อหลายคนต่างยอมละทิ้งความสะดวกสบายของเมืองหลว งเพื่อมุ่งหน้าเข้าป่าร่วมกับกองทัพปลดแอกของพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยความหวัง และความเชื่อที่ว่านี่คือหนทางปฏิวัติอันชอบธรรมที่จะทำเพื่อประชาชนอย่างแท ้จริง
หนึ่งในนั้นก็คือนักศึกษาหญิงที่ชื่อ "เม็ดทราย" (เพลง ร่มฉัตร ขำศิริ)
และในขณะที่หลายคนเข้าไปใช้ชีวิตในป่าเพราะ "อุดมการณ์" ทว่า "ก้อง" (บี พิชญะ วัชจิตพันธ์-มหาลัย' เหมืองแร่) กลับเข้าป่าด้วยความบังเอิญแบบตกกระไดพลอยโจนไปพร้อมกับเพื่อนๆ ร่วมก๊วน ทั้ง จอบ(ค่อม ชวนชื่น), คิด(ใหญ่ ฝันดี) และเสียม(อ่าง เชิญยิ้ม) เพียงเพราะอยากรู้จักและสัมผัสความเป็นตัวตนของผู้หญิงสายเลือดนักปฎวัติอย่ างเม็ดทรายให้มากขึ้น โดยมีอุปสรรคที่สำคัญก็คือความแตกต่าง
เพราะในขณะที่ฝ่ายหญิงต่างเต็มไปด้วยอุดมการณ์ ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน เขากลับเป็นคนที่ดูออกจะเหลวไหลด้วยการเป็นคนที่หาความสุขให้กับชีวิตไปวันๆ จากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว
นอกจากนี้ก็ยังให้รวมไปถึงตัวของ "สหายเที่ยง" หนุ่มมาดดีผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติที่เม็ดทรายแอบพึงพอใ จในแนวคิดและท่าที
"ฟ้าใส...ใจชื่นบาน" เป็นผลงานชิ้นแรกของ บริษัท ROYAL MULTIMEDIA DEVELOPMENT (R.M.D) โดย 2 ผู้กำกับ เกริกชัย ใจมั่น กับผู้กำกับหญิง นภาพร พูลเจริญ และทีมผู้สร้างจากรายการ "คดีเด็ด" ซึ่งนอกจากนักแสดงหลักๆ ที่ว่าแล้วยังมีนักแสดงมากฝีมือ อาทิ ไพโรจน์ สังวริบุตร, สมชาย ศักดิกุล, วาสนา สิทธิเวช ฯลฯ เข้าร่วมด้วย
ด้วยความที่อิงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์และเป็นเหตุก ารณ์ที่มีข้อมูล ตัวตนหลายคนยังมีชีวิต ส่งผลให้หนังเรื่องนี้ที่แม้จะขายความ "ตลก" เป็นสำคัญ ทว่าภาพที่ออกมาทั้งในส่วนของโลเกชัน องค์ประกอบของฉากต่างๆ การแสดงของตัวละครต่างก็ล้วนแล้วแต่ดูสมจริง ไม่เหลวไหล น่าเชื่อถือ ขณะที่ในภาคของความตลกเองก็ค่อนข้างจะมีที่มีมาที่ไป และอยู่ในระบบแบบแผนของพล็อตเรื่อง
ต่างจากหนังตลกส่วนใหญ่ของบ้านเราในระยะหลังๆ ที่มักจะให้ความสำคัญกับการยัด "มุกตลก" มากกว่าการเล่าเรื่องอย่างมีเหตุมีผล
มองเผินๆ หนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะตั้งใจเสียดสีล้อเลียนกลุ่มซ้ายและขวา(เก่า) ด้วยการหยิบเอาตัวละครที่มีแต่ความไร้สาระ สนุกสนานเฮฮาไปอยู่ร่วมกับกลุ่มคนที่คำก็อุดมการณ์ สองคำก็เพื่อชาติ ทว่าในความเป็นจริงกลับเป็นเสียงหัวเราะ(ท่ามกลางเสียงปืน)ที่เป็นไปด้วยควา มจริงใจ ไม่มีจิตคิดร้ายกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของพวกเขานั่นเองที่ทำให้ทั้งซ้ายและขวาต ่างมีรอยยิ้มในสถานการณ์ที่ตึงเครียด
โดยที่ตัวของเม็ดทรายเองก็เริ่มเรียนรู้จากก้องว่า หนทางแห่งความสุขและสันติภาพของคนส่วนใหญ่ที่เธอทุมเททั้งกายและใจแสวงหานั้ น มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นหรือหาเจอได้เลย หากเธอละเลยที่จะมองถึงความสุขในตัวตนของตนเองรวมทั้งปฏิเสธที่จะมองถึงความ รักจากคนรอบข้าง
เพราะสองสิ่งนี้ย่อมมีอยู่ในจิตใจของคนที่คิดดีทำดีทุกคน
“เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ เสียงหัวเราะจะยิ่งใหญ่ทั้งแผ่นดิน”
แน่นอนว่าชีวิตจริงไม่ได้ตลกไปซะทุกเรื่อง แต่ชีวิตที่ไม่มีเรื่องตลกเอาเสียเลยก็คงจะเรียกว่าชีวิตได้ไม่ถูกนัก
เ ร็วเกินไปที่จะบอกว่า "ฟ้าใส...ใจชื่นบาน" คือหนังตลกรักใสๆ ภาพสวยที่ดีที่สุดในรอบปีนี้ แต่มันคงไม่เร็วเกินไปหากจะบอกว่าหนังเรื่องนี้มาได้เวลาที่เหมาะสมจริงๆ กับสถานการณ์การเมืองไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
...
หมายเหตุ : "ฟ้าใส...ใจชื่นบาน" เข้าฉายวันที่ 15 มกราคมนี้
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000003581
คุณแม่ผู้ซึ่งไม่เคยยอมดูหนังเลยเพราะบอกเสียดายเงิน พอเห็นหนังเรื่องนี้โฆษณาในเอเอสทีวีก็มาชวนเราแล้วบอกว่า
"เดี๋ยวหนังเข้าเราต้องไปช่วยกันดูนะ เพราะเขาสนับสนุนเอเอสทีวี"
เราก็เลยถามแม่ยิ้ม ๆ ว่า "ถ้าหนังไม่สนุกล่ะ"
แม่ก็ตอบว่า " ก็ต้องไปช่วยกันดู"
เราก็เลยบอกแม่ว่า "แต่ดูจากตัวอย่างหนังก็ตลกดีนะแม่ เอาล่ะไว้มันเข้าเมื่อไหร่จะมาพาครอบครัวไปดูละกัน"
คุณสนับสนุนเอเอสทีวี พวกเราพร้อมจะสนับสนุนคุณค่ะ
ทุกสินค้าที่สนับสนุนเอเอสทีวี พวกเราพร้อมจะไปสนับสนุนคุณค่ะ
วี
ปช่วยกันดูหน่อยครับ ถ้าหนังเรื่องนี้ทำรายได้ดี จะได้มีหนังเรื่องอื่นมาโฆษณาใน ASTV อีกแยะๆ ASTV สู้ๆ
ASTV
ผมอยากจะขอให้ใครก็ตามชำระข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงอย่างละเอียด โดยไม่มีการปิดบังหรือเซนเซอร์ว่าใครทำอะไรตอนนั้น นำข้อมูลเหล่านี้มาเผยแพร่ให้ทุกคนทราบทั่วไป ประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะได้ทราบเสียทีว่าเกิดอะไรขึ้น ความตาย การบาดเจ็บและการเสียสละอื่นๆ จะได้ไม่เสียเปล่า
เมื่อเราทราบดีแล้ว ค่อยมาทำหนังเบาสมอง อย่างเรื่องนี้
เพื่อน
ไปดูเพราะเขาลงโฆษณากับ ASTV. ถ้าพวกเราไปดูกันเยอะ ๆ หนังเขารายได้เยอะ เขาก็จะมาโฆษณากับเราอีก ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เห็นว่า โฆษณากับ ASTV. ได้ผล ก็จะเข้ามามากขึ้น ASTV. ก็จะอยู่ได้ไม่ลำบากอย่างทุกวันนี้ พวกเราไปดูหนังเรื่องนี้ ก็เท่ากับช่วย TV. ของพวกเราอีกทางหนึ่งครับ
อยากให้ ASTV.อยู่นาน ๆ ต้องช่วยกันไปดูครับ
หมายเหตุ ทราบว่า ผู้สร้างช่วยเหลือ พธม.มานานแล้ว
สุรยัด
ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าหนังเรื่องนี้มานจะดีไหม แต่ที่เห็นหลายๆคนมาพิมพ์อย่างนี้แล้วเห็นด้วยมากๆเลยเราเป็นชาว 'พันธมิตร' เมื่อบริษัทสร้างหนังเค้ากล้ามาลงโฆษณาใน ASTV เราก็ไปหนับหนุนเค้าหน่อย (เพื่อช่อง ASTV จะอยู่คู่กับคนไทยไปได้นานๆ)
แ ล้วอีกอย่างนะค่ะพี่ที่มาออกความคิดเห็นที่ 3 หนูว่าเราก็ต้องมองหลายๆด้านนะค่ะ จะว่าไปแล้วที่พวกคอมมิวนิสต์เค้าฆ่าคนไปแยะนะ ถ้ามองว่าเราไปอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นเราก็คงต้องทำอย่างเค้า มันคงจะอยู่ที่ผู้นำของกลุ่มว่าเค้าจะใช้ยุทธวิธีอย่างไร พวกเค้าเลือกที่จะใช้ความรุนแรงผลก็ออกมาอย่างที่เราเองก็รู้ๆกัน พี่รองคิดอีกทีว่าถ้าแกนนำของเราพวกท่านเลือกยุทธวิธีอย่างนั้นบ้างหลังจากท ี่พวกเราโดนยิงที่ทำเนียบซึ่งพวกเราตายกันแยะ พี่จะทำตามที่แกนนำเราสั่งไหมค่ะเมื่ออารมณ์พี่ถึงขีดสุด หนูเชื่อนะค่ะว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงคนเราที่ไม่ได้ถูกสั่งสอนหรือถูกฝึกมาค งจะไม่มีใครอยากเป็นฆาตกรกันหรอกค่ะ พวกนั้นเค้าก็เป็นเหมือนกันกับเรานะค่ะ ถ้าไม่ถึงที่สุดแล้วเค้าคงไม่ฆ่าใคร
หนูนา
ขอบคุณนะครับ น่าติดตามๆ
ตอบลบชอบมากเลยคับ น่าดูนะคับ
ตอบลบโทดน้า ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มันดีตรงไหน
ตอบลบผมอยากจะลุกออกจากโรงก่อนที่จะจบด้วยซ้ำ
ไหนๆก้อดูแล้ว พูดไปคงไม่สปอยล์
เรื่องนี้เด่นแต่น้าค่อม ฮาก้อไม่กี่ฉาก ดำเนินเรื่องก้อไร้สาระ เอาอะไรมาใส่ไปเรื่อย ไหนจะข้าวที่ไปทำลาย ไหนจะอุดมการณ์ปัญญาอ่อน จิตใจคนถ้าเจอขนาดนั้น ก้อไม่น่าเอามาเป็นผู้นำแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่หนีช้าง แล้วไปรักกัน
หนีตายชิบหาย ลงน้ำก้อเยอะ แต่กล้องถ่ายรูปสมัยนั้นกันน้ำได้??
มันจับปลายังไง แล้วไปหาไก่จากไหนในป่าเขา?
สุดท้าย มันจะยิงนางเอกทำซากไร แล้วทหารมันจะไม่เห็นก่อนรึ??
เพ้อเจ้อสุดๆอ่ะคับ ผมว่า ^^a
ถ้าหนังมันจะดีจิง ก้ออย่ามาโปรโมทด้วยวิธีการนี้เลยครับ จรรยาบรรณของคนทำหนังอยู่ไหน หรือนี่แค่การตลาด? ถ้าคิดว่าทำออกมาแล้วรู้ว่าแย่ จะไปลงทุนทำหนังให้มันเสียเวลาทำไม
ปล.จะไม่หงุดหงิิดเลย ถ้าไม่มาชมซะเว่อร์ขนาดนี้
เชื่อแล้วว่าเป็นครั้งแรกของการทำหนัง