++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

จุดอ่อนของอภิสิทธิ์

โดย วริษฐ์ ลิ้มทองกุล     17 ธันวาคม 2551 20:17 น.
เมื่อคืนวันอังคารที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ผมนั่งฟังรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกอากาศทาง “เอเอสทีวี” เหมือนเช่นทุกคืน
      
        แม้พันธมิตรฯ ผู้ชมเอเอสทีวีหลายคนจะบอกว่าตั้งแต่การชุมนุมมาราธอนของพันธมิตรฯ สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม หน้าจอเอเอสทีวีจะดูเหงาๆ หงอยๆ อย่างไรไม่รู้ เพราะเนื้อหาไม่ดุเดือดเลือดพล่าน ไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนในช่วงระหว่างการชุมนุมเลย
      
        กระนั้น ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ทุกการต่อสู้ย่อมมีจุดจบ ...
      
       การชุมนุมรอบนี้ก็เช่นกันจบลงไปแล้วด้วยชัยชนะของภาคประชาชน เมื่อมวลชนพันธมิตรฯ แยกย้ายกันกลับบ้านไปทำมาหากิน เลี้ยงชีพ ดูแลครอบครัว เอเอสทีวีก็เช่นกัน เมื่อจบภารกิจการถ่ายทอดสดการชุมนุมก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องย้ายสถานที่ การถ่ายทอดกลับมาบ้านเดิมของเรา กลับมายังสถานี กลับมายังสตูดิโอ ซึ่งแน่นอนว่าบรรยากาศย่อมไม่ “อบอุ่น” เฉกเช่นการได้อยู่ท่ามกลางมวลหมู่พันธมิตรฯ
      
       อย่างไรก็ตาม ผมกลับไม่มองว่า การที่เอเอสทีวีกลับบ้านมาคราวนี้ (หลังจากไปผจญภัย-เสี่ยงชีวิตท่ามกลางห่ากระสุนและควันระเบิดมา 190 กว่าวัน) จะเป็นความเหงาหงอย หรือน่าเบื่ออะไร เพราะผมคิดว่านั่นคงจะเป็นอารมณ์ตกค้างที่กำลังอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่านและปรั บตัวมากกว่า
      
        ในความรู้สึกของผม การได้กลับบ้านรอบนี้ของมวลชนและของเอเอสทีวี น่าจะเป็นการได้มานั่งใช้เวลารักษาบาดแผลทั้งกายภาพและจินตภาพ ทบทวนบทเรียนจากการต่อสู้ ตอกเสาเข็มเพิ่มเติมในจุดยืน เพื่อจะเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย “การเมืองใหม่” ที่มุ่งหวัง
      
        ในรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทางเอเอสทีวี ทีมงานได้เชิญ พี่สุนันท์ ศรีจันทรา ผู้สื่อข่าว-คอลัมนิสต์อาวุโสด้านเศรษฐกิจของแวดวงสื่อสารมวลชนเมืองไทย และ รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ มาสนทนาในประเด็นเรื่อง ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ติดเชื้อมาจากปัญหาเศรษฐกิจระดับโลก รวมไปถึงความสัมพันธ์ของการแก้ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ
      
        สำหรับ พี่สุนันท์ เป็นสื่อมวลชนอาวุโสที่ผมไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ติดตามผลงานของท่านมาตล อดทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ และคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ ส่วน อ.ณรงค์ นั้นเป็นครูของผมที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โดยท่านถือเป็นนักเศรษฐศาสตร์การเมืองคนหนึ่งที่มีความลึกซึ้งและความรู้รอบ ด้าน
      
        ... ที่สำคัญทั้งสองคนต่างเคยพิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลของรัฐ ด้วยการขึ้น “เวทีพันธมิตรฯ 2551” มาแล้ว
      
       วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. หลังจากคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 และมีการโปรดเกล้าฯ ไปแล้วเมื่อเย็นวานนี้ สื่อมวลชน นักวิชาการ นักวิเคราะห์ นักการเมืองฝ่ายระบอบทักษิณ หลายคนออกมาสบประมาทว่า “รัฐบาลอภิสิทธิ์” คงจะอายุสั้น บางคนบอกว่าน่าจะมีอายุไม่ถึง 3 เดือน โดยให้เหตุผลว่า “มาร์ค 1” นั้นมีจุดอ่อนรอบด้าน
      
       ไม่ว่าจะเป็น การที่พรรคประชาธิปัตย์ดูดเอา ส.ส. กลุ่มเพื่อนเนวิน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเดิมเข้ามาเป็นเสียงสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ซึ่งแน่นอนว่า การต่อรองผลประโยชน์ย่อมจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคต, แนวโน้มที่หลังการเลือกตั้งซ่อมพรรคเพื่อไทยจะได้รับเสียง ส.ส. เพิ่มขึ้น, การที่คุณอภิสิทธิ์จะต้องเผชิญกับการป่วนของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชักใยโดย “นายใหญ่”, การที่รัฐนาวาของคุณอภิสิทธิ์จะต้องนำพาประเทศไทยฝ่าพายุเศรษฐกิจโลกกำลังเข ้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ในรอบเกือบ 80 ปี ฯลฯ
      
       จุดอ่อนและปัญหาเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นงานระดับมหาหิน ซึ่งถือว่าไม่ได้ผิดไปจากที่คนเสื้อแดงขู่ไว้ล่วงหน้าว่า การดัน “อภิสิทธิ์” เป็นนายกฯ นั้นถือเป็นงานง่ายที่สุดแล้วสำหรับพรรคประชาธิปัตย์
      
        แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมกลับเห็นด้วยกับคำพูดของพี่สุนันท์ที่กล่าวในรายการพันธมิตรฯ ทางเอเอสทีวี เมื่อคืนวันอังคารว่า จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดสำหรับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำคนใหม่ของประเท ศไทย ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหลายทั้งแหล่ข้างต้น แต่เป็นปัจจัยภายในของคุณอภิสิทธิ์เองมากกว่า
      
       ปัจจัยนั้นเรียกว่า “ความกล้าหาญ”
      
        โดยคุณสมบัติส่วนตัว คุณอภิสิทธิ์เป็นบุคลากรที่เพียบพร้อมในทุกๆ ด้านดังเช่นที่หลายๆ คนทราบ ทว่า ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาบนเส้นทางการเมือง ในทัศนะของพี่สุนันท์ ผม และคนอีกจำนวนมาก คุณอภิสิทธิ์ยังไม่ได้พิสูจน์ “ความกล้าหาญ” อันเป็นคุณสมบัติสำคัญของ “ผู้นำ” โดยเฉพาะ “ผู้นำในภาวะวิกฤต” เลย
      
       ในฐานะที่คุณอภิสิทธิ์เป็นทายาททางการเมืองของคุณชวน หลีกภัย แต่คุณอภิสิทธิ์ต้องพึงสังวรไว้ว่า ตนเองมิอาจเจริญรอยตามคุณชวนได้ เพราะภาพลักษณ์ของคุณชวนในสายตาคนกลุ่มใหญ่ในประเทศ นอกจากคำว่า “ซื่อสัตย์” แล้ว ก็ยังมีคำว่า “เชื่องช้า” และ คำว่า “ผมยังไม่ได้รับรายงาน” ติดมาอีกด้วย
      
       ที่สำคัญที่สุด ความแตกต่างระหว่างการขึ้นเป็นนายกฯ ของคุณอภิสิทธิ์และคุณชวนก็คือ สถานการณ์บ้านเมืองที่คุณอภิสิทธิ์กำลังเผชิญอยู่ ณ วันนี้และในอนาคตข้างหน้านั้น มีความหนักหนาสาหัสกว่าสถานการณ์ที่คุณชวนเคยผ่านมาไม่รู้กี่เท่า
      
       ถ้าหากคุณอภิสิทธิ์สามารถพิสูจน์ตัวเองในเรื่องความกล้าหาญได้ นั่นแหละจะทำให้คุณอภิสิทธิ์กลายเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบ และ “ความกล้าหาญในการทำสิ่งที่ถูกต้อง” นั่นเอง ย่อมจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่จะป้องกันปัญหาในจุดอ่อนอื่นๆ ที่หลายๆ คนสบประมาทรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์เอาไว้ได้
      
        ขณะที่คำแนะนำของ อ.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ต่อคุณอภิสิทธิ์ อาจารย์กล่าวว่า คุณอภิสิทธิ์ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเป็นผู้นำของคนทุกภาค ทุกชนชั้นจริงๆ มิใช่เป็นเพียงนายกฯ คนใต้ หรือนายกฯ ของคนชั้นกลาง เพราะจุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ ไม่สามารถเจาะฐานประชาชนในระดับรากหญ้า หรือกลุ่มคนใช้แรงงานได้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
      
        ค ุณอภิสิทธิ์ ไม่จำเป็นต้องสร้างความโดดเด่นด้วยการเป็น “ผู้นำแห่งระบอบประชาธิปไตย” อย่างที่คนเสื้อแดงพยายามจะเยินยอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่คุณอภิสิทธิ์สามารถเป็น “ผู้นำแห่งสังคมของความหลากหลาย ที่ยึดมั่นในหลักคุณธรรมและจริยธรรม” ซึ่งถือว่าก้าวหน้ากว่า “ระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม” ที่คนไทยทั้งสังคมตกหลุม และตกหล่มมาตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000148472

..ยังจำกันได้ไหมครับ เมื่อครั้งที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตทางการเมืองจนถึงขีดสุดในสมัยตอนปลายของยุค ทักษิณ ตอนนั้นระบอบทักษิณกำลังครอบงำประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จ แทรกแซงองค์กรทั้งสามได้อย่างสมบูรณ์ คือ ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ และในครั้งนั้นเองเมื่อภาวะวิกฤตเติบโต ขยายวงกว้างจนถึงจุดที่เหล่าประชาชนผู้รักชาติ รักกษัตริย์ มิอาจทนเพิกเฉยต่อไปได้ ก็ได้ก่อกำเนิดผู้กล้าซึ่งขนานนามตัวเองว่า"พันธมิตรฯ"ออกมาร่วมเป็นร่วมตาย ถวายชีวิตเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นสถาบันซึ่งพวกเขาทุกคนรักย ิ่งชีพ ครั้งนั้นเองท่านอภิสิทธิ์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้านได้ตัดสินใจนำพร รคประชาธิปัตย์ร่วมเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับพันธมิตรฯด้วยการประกาศจุดยืนต่ อต้านระบอบทักษิณ โดยการคว่ำบาตรการเลือกตั้ง และยังตัดสินใจครั้งสำคัญโดยการแสดงจุดยืนซึ่งถือเป็นการลงเรือลำเดียวกับพั นธมิตรประกาศเสนอทางออกเดียวของประเทศคือการขอนายกฯพระราชทานตามมาตรา7
ชองรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ก ารที่คุณอภิสิทธิ์แสดงความเป็นผู้นำทางความคิดทางการเมืองร่วมกับพันธมิตร โดยการคว่ำบาตรการเมืองชั่วของระบอบทักษิณ ด้วยการไม่นำประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง
รวมทั้งแถลงจุดยืนเดียวกับพันธมิตร คือเสนอให้ขอนายกฯพระราชทานตามมาตรา7 แค่นี้ก็เพียงพอที่จะยืนยันความเป็นผู้นำที่กล้าหาญในยามวิกฤตสำหรับพันธมิต รฯคนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อสถาบันมาโดยตลอดอย่างผมแล้วครับ การกระทำของคุณอภิสิทธิ์ถือว่ากล้าหาญอย่างมากครับ เพราะการคว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งนั้นมันเสี่ยงต่อการล่มสลาย
ของพรรค ประชาธิปัตย์ที่ก่อตั้งมายาวนานมากครับ ทุกอย่างที่พรรคทำมาอาจจะต้องมาจบอยู่ที่ท่านอภิสิทธิ์ก็ได้ แล้วท่านจะถูกตราหน้าแค่ไหนว่าทำพรรคล่มสลายเพียงเพราะการตัดสินใจดับเครื่อ งชน กระโดดลงเรือลำเดียวกับพันธมิตร เป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดเกินไปหรือไม่ของคนหนุ่มที่คนในพรรคอุตส่าห์ให้คว ามไว้วางใจให้เป็นผู้นำพรรค

เรื่องนี้เองท่านกรณ์ จาติกวณิช ได้มีความประทับใจในตัวผู้นำพรรคผู้นี้ยิ่งนัก ท่านเล่าว่าในตอนนั้นตัวท่านเองก็แปลกใจกับการตัดสินใจของท่านอภิสิทธิ์ เพราะมันเสี่ยงมาก
ใครๆก็รู้ว่าระบอบทักษิณตอนนั้นมันใหญ่ขนาดไหน พรรคประชาธิปัตย์เองก็มีเสียงในสภาไม่เพียงพอจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่ างเป็นรูปธรรมใดๆในสภาได้นอกจาก
การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเท่าน ั้น ท่านเลยเดินเข้าไปถามท่านอภิสิทธิ์ว่าเหตุใดท่านอภิสิทธิ์จึงตัดสินใจเช่นนั ้น ท่านไม่เกรงกลัวระบอบทักษิณหรือ ท่านอภิสิทธิ์
ตอบว่าท่านไม่เชื่อว่า ระบอบทักษิณจะครองเมืองตลอดไป และมันไม่สำคัญหรอกว่าตัวท่านหรือพรรคประชาธิปัตย์จะชนะหรือแพ้ ที่สำคัญคือเมื่อจุดจบของระบอบทักษิณมาถึง
ท่านจะตอบประชาชนว่าอย่างไร ท่านจะตอบว่าในตอนนั้นก่อนที่จุดจบของระบอบทักษิณจะมาถึง เหตุใดพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่แสดงจุดยืนต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง
ดังนั้น สิ่งนี้จึงสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ตัวท่านเอง(ท่านอภิสิทธิ์)และพรรคประชาธิปัตย์จะต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าท่า นจะยืนอยู่ข้างความถูกต้องหรือไม่ จะเป็นทีพึ่งของ
ประชาชนได้หรือไม่ เมื่อท่านอภิสิทธิ์ตอบเช่นนี้ ทำให้ท่านกรณ์รู้สึกชื่นชมในตัวผู้นำพรรคคนนี้ยิ่งนัก เพราะคำตอบของท่านอภิสิทธิ์มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่กล้าทำในสิ่งท ี่ถูกต้องโดยไม่หวาดกลัวต่อผลที่จะตามมาหากท่านตัดสินใจผิดเลย และในที่สุดกาลเวลาก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าท่านอภิสิทธิ์ตัดสินใจได้อย่างถู กต้อง และกล้าหาญ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ใจท่านกรณ์มาจนถึงทุกวันนี้
และท่านกรณ์ก็ไม่เคยลืมสิ่งที่ท่านอภิสิทธิ์ตอบในวันนั้นเลยจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

ค ิดดูแล้วกันว่าขณะนั้นระบอบทักษิณมันใหญ่ขนาดไหน นอกจากมันจะยึดองค์กรทั้งสามที่ได้กล่าวมาแล้ว มันยังยึดกกต.ได้อีก โชคดีที่ตอนนั้นสวรรค์ยังมีตาทำให้สามหนาติดคุก และการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ถ้าหากสถานการณ์มันพลิกกลับหละ กลายเป็นว่าทักษิณมันแทรกแซงศาลได้เบ็ดเสร็จโดยการแจกถุงขนมอย่างที่มันเคยท ำ ถ้าขนมมันชิ้นใหญ่มากหละครับ ถ้ามันปาระเบิดใส่บ้านของศาลหละครับ ถ้าการเลือกตั้งไม่เป็นโมฆะ และไทยรักไทยครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จหละครับ ประชาธิปัตย์จะพูดอะไรได้ สื่อก็เป็นของมัน ช่องทางเหลือน้อยเต็มที แถมยังพูดได้ไม่เต็มปากอีกเพราะตัวเอง(ปชป.)ไม่ลงเลือกตั้งตาม
ระบอบ ประชาธิปไตยเอง / ครับ ใครๆก็รู้ว่าประชาธิปไตยตอนนั้นมันไม่มีจริง รัฐบาลมันเอาเงินประเทศไปซื้อเสียงทั้งทางตรงโดยการให้หัวคะแนนไปแจกเงินและ ทางอ้อมโดยนโยบายประชาภิวัฒน์ แล้วอย่างไรหรือครับ? เป็นอย่างนี้แล้วทำอะไรได้หรือครับ?? องค์กรหลักทั้งสามมันก็แทรกแซงได้หมด องค์กรอิสระก็โดนมันเอาคนไปอยู่หมด สื่อก็เป็นของมันวันๆทำหน้าที่ปิดหูปิดตาประชาชน สรรเสริญความชั่ว กลัวอำนาจรัฐ ตัดทางคนดี สภาพตอนนั้นมันเหมือนพวกเราถูกมัดมือมัดเท้าปิดปากแต่ยังเปิดตาให้เราได้เห็ นความล่มสลายของประชาธิปไตย ของชาติ ของสถาบัน สิ่งที่ผมจะพูดคือ เราควรมองความกล้าหาญของท่านอภิสิทธิ์ที่กล้าที่จะยืนข้างความถูกต้องและลงเ รือลำเดียวกับพันธมิตรมาโดยตลอดไม่เบื้องหน้าก็เบื้องหลัง เพียงแต่เรายังอยากเห็นความกล้าหาญอย่างต่อเนื่องจากผู้นำคนนี้ในการกำจัดระ บอบทักษิณให้สิ้นซากไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย ด้วยความกล้าหาญที่จะลงโทษคนชั่วทุกคนตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งไม่ถูกแทรกแซ งและเป็นธรรม ไล่ตั้งแต่ ทักษิณ พจมาร คนตระกูลชินวัตร-ดามาพงษ์ นพดล สมัคร สมชาย อดีตไทยรักไทย อดีตพลังประชาชน เพื่อไทย ไปจนถึง จงรัก โกวิท เศษแดง ไอ้เป็ดเหลิม อีเพ็ญ ไอ้สามหัวขวด(ไอ้ลิงดำ ไอ้หัวแตงโม ไอ้ไสเกือก) นปก.(นรกป่วนกรุง) นปช.(นรกป่วนชาติ) อนาคตนปล.(นรกป่วนโลก) อนาคตนปจ.(นรกป่วนจักรวาล) และอื่นๆอีกมากมาย ต้องถอนรากถอนโคนให้หมด หยิบบัญชีหนังหมามาชำระให้หมดอย่าให้เหลือ นอกจากจะยัดพวกมันเข้าตะรางแล้ว ยังต้องอายัดเงินที่มันโกงมาทุกบาททุกสตางค์ ดอกผลทรัพย์สินที่งอกเงยมาจาก
ส ่วนที่โกงต้องยึดให้หมด มันจะได้ไม่มีท่อน้ำเลี้ยง ถึงคราวอวสานของนรกสายพันธุ์ปรสิตอเวจี(parasite from hell)ที่มันเกาะกินประเทศไทยเสียที
นี่แหละครับผู้นำที่กล้าหาญในยามวิกฤต

--

    จำวันที่พธม.โดนระเบิดหรือแก๊สน้ำตาได้ไหม วันนั้นเรามีผู้นำฝ่ายค้านเดินทางมาฝั่งสะพานอรทัย แล้วเข้าไปคุยกับตำรวจให้เปิดทางให้รถพยาบาลเข้าไปรับผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบา ล แล้วเค้าก็เข้าไปคุยกับผบชน.และพัชรวาท ว่าใครเป็นคนสั่งสลายการชุมนุม วันนั้นคุณอภิสิทธิ์แสดงความกล้าหาญและได้ใจเรามาก
จำได้ไม่มีวันลืม

--
    คิดว่าเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีที่สุดค่ะ  อย่างน้อยตอนนี้
คุณมาร์ค  ทำให้คนไทยมีความหวัง  มีความสุขมากกว่าช่วงที่ผ่านมา
ที่สำคัญทำให้เราชาวพธม.มีเวลากลับมาทำมาหากินด้วยความหวังที่ดี
วันพรุ่งนี้ยังไงคงไม่เลวร้าย  ยังพอมีทางออก ปชป.ไม่ใช่คำตอบของพธม.
แต่ก็เป็นทางออกที่อย่างน้อยทำให้มีความหวัง  เอาใจช่วยกันเถอะค่ะ
ให้ท่านนายกได้ทำงานพิสูจน์ฝีมือ  ส่วนพวกเราก็มุ่งมั่นกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ตามมาตรฐานเสื้อเหลืองคุณภาพคับแก้วที่พวกเราถนัด
กอ ไก่

--    คนไทยหวังกับอภิสิทธิ์มากเหลือเกิน

แต่สังคมไทยก็พร้อมที่จะเข้าใจ หากอุปสรรคที่มีนั้นได้รับการบอกกล่าวว่ามีเหตุและผลจากอะไร

อย่าหลอกประชาชน เพราะเราไม่โง่
อย่าต้ม และอย่าลวง ด้วยระบบประชานิยมยุคทักษิณ เพราะมันเป็นยาเสพติดร้ายแรงกว่ายาบ้า

เรารอ "การศึกษาที่ดี" เพื่อพัฒนาชาติไทย
อภิสิทธิ์ จะเป็นนายกนานเท่าไรไมสำคัญ แต่มันอยู่ที่ผลงาน อันบริสุทธิ์ใจของท่านจริง ๆ
พันธมิตร หนองบัวลำภู
--

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น