++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ส ง ค ร า ม – อ ภิ สิ ท ธิ์

โดย สำราญ รอดเพชร     16 ธันวาคม 2551 17:21 น.
...1...
      
       ปี 2524 รัฐบาลไทยเปิดศึกกับกองกำลัง “ขุนส่า” ราชายาเสพติดที่บุกประชิดอ.แม่จัน เชียงราย คุณชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ในฐานะบรรณาธิการใหญ่ คุณทวีป แก่นทับทิม ในฐานะหัวหน้ากองบรรณาธิการและผมในฐานะหัวหน้าข่าวในประเทศ ส่งน้องนักข่าวคนหนึ่งไปทำข่าว..
      
        การศึกติดพัน สงครามยืดเยื้อ จนน่าจะเชื่อได้ว่านักข่าวในสมรภูมิชินชาและชาชินกับมัน ข่าวที่ส่งเข้าออฟฟิศเริ่มจางหาย ..
      
        การติดต่อสื่อสารนักข่าวของ “มาตุภูมิ” บัณฑิตจากจุฬาฯ เริ่มเงียบหายไปในบางช่วง กระทั่งเงียบหายไปหลายวัน...
      
        หรือว่า “อยู่ในสงคราม ไม่เห็นสงคราม”
      
        คุณชัชรินทร์ คุณทวีปและผมตัดสินใจว่าจะต้องส่งคนตามไปดู...ผมขออาสา แต่พี่ทวีปทุบโต๊ะบอกว่า..น้องไม่ต้อง ขอพี่เอง...
      
        เกิดเรื่องเศร้าซ้ำ พี่ทวีปอดีตนักข่าวจอมลุยของนสพ.ไทยรัฐ ที่เดินทางไปตามน้องนักข่าว ขาดการติดต่อสื่อสารหลังจากเดินทางไปได้เพียง 3-4 วัน..
      
        น้องนักข่าวเดินทางกลับจากแม่จันแล้ว แต่ยังไร้ข่าวคราวของพี่ทวีป กระทั่งวันหนึ่งพวกเราค่อนข้างเชื่อกับข่าวร้ายที่ว่า...พี่ทวีปถูกกองกำลัง ขุนส่าสังหาร...ไปแล้ว
      
        ไม่กี่วันหลังจากนั้นผมกับคุณชัชรินทร์เดินทางไปแกะรอยพี่ทวีป 2 -3 ครั้ง..
      
        พี่ทวีปจากพวกเราไปแล้วจริงๆ...
      
        ก่อนออกจากป่าแม่จันครั้งสุดท้าย ผมและคุณชัชรินทร์มองเห็นร่องรอยของสงคราม และความตายของพี่ทวีป อย่างค่อนข้างชัดเจน...เพราะสงครามจบไปแล้ว..พี่ทวีปจากพวกเราไปแล้ว..
      
        ...2...
      
        นับจาก 25 พ.ค.2551 ผมขออนุญาตท่านบรรณาธิการบริหาร “ผู้จัดการรายวัน” เว้นวรรคที่จะไม่เขียนคอลัมน์ “หน้ากระดานเรียงห้า” ด้วยเหตุผลที่บอกไม่ถูก...
      
        เพราะทันทีที่พล.ต.จำลอง ศรีเมืองและแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตัดสินใจ “ปักหลักพักค้าง” ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ตั้งแต่ค่ำคืน 25 พ.ค.
      
        ผมรู้ทันทีว่า...งานเข้าแล้ว แต่แอบคิดในใจว่าคงไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์จะได้กลับไปเขียนใหม่....
      
        แต่คิดผิดแล้ว..คิดผิดผิดอีก...
      
        แม้จะรู้ข่าวสารความเคลื่อนไหวอะไรมาก น่าที่จะนำมาขีดเขียนได้สบายๆ แต่สารภาพว่าไม่มีกะจิตกะใจ
      
        ยิ่งนานวันยิ่งชาชิน..ชินชา เข้าลักษณาการ “อยู่ในสงคราม ไม่เห็นสงคราม”
      
        หลายต่อหลายครั้งที่อำนาจรัฐอัปยศยิงเอ็ม 79 ถล่มทำเนียบรัฐบาล ผมยอมรับว่าแม้จะเศร้าและเจ็บช้ำเพียงใด แต่ความถี่ของมันทำให้เราชินชา และเริ่มมีความโน้มเอียงที่จะมองเหตุการณ์เหล่านั้นว่าเป็นเรื่องปกติ...
      
        แน่นอนเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาทมิฬ ที่รัฐตำรวจตะลุยปราบประชาชนถึง 3 รอบและยิงถล่มกระสุนแก๊สน้ำตานัดสุดท้ายใส่รถที่ผมกับพวกปราศรัย และกำลังจะเลี้ยวกลับที่หน้ารัฐสภา มีส่วนทำให้ความรู้สึกของผมหยาบกร้าน เย็นชา จนกระทั่งเกือบๆ จะ...
      
        ..อยู่ในสงคราม ไม่เห็นสงคราม...
      
        สารภาพตรงๆ ว่า จนถึงวันที่กลับมาเขียนหนังสือหนนี้ ผมยังมีความรู้สึกที่แห้งโหยพิกลๆ คงต้องขอเวลาปรับตัวปรับแถวตัวเองหน่อย..
      
        มีพรรคพวกถามว่า ไม่คิดบันทึกการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ 192 วันของพันธมิตรฯ บ้างหรือ..? ผมตอบตามความรู้สึกว่า...ยังไม่คิด.....
      
        อาจจะจริงที่ว่า..ผู้ชนะคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์ แต่ผมอยากให้...ประวัติศาสตร์บันทึกตัวมันเอง...และตราตรึงอยู่ในหัวใจเรามา กกว่า...
      
        ...3...
      
        เมื่อประมาณ 9.20 น. (15 ธ.ค.) ผมวิเคราะห์ในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ทางASTV ว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น ่าจะได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ด้วยคะแนน 240 เสียง แต่เมื่อ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรได้โหวตเลือกคุณอภิสิทธิ์ด้วยคะแนน 235 เสียง ทิ้งห่างพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ถึง 37 เสียง..มากกว่าที่หลายฝ่ายประมาณการ..
      
       ย้อนไปเมื่อตอนที่พันธมิตรฯ เคลื่อนพลไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิได้เพียง 2 วัน คุณอภิสิทธิ์ได้รับการร้องขอจาก คุณชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกฯ ให้เป็นตัวประสานเจรจากับพันธมิตรฯ อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำ ถูกเชิญไปสอบถามท่าทีเบื้องต้น..
      
        วันนั้นอาจารย์สมเกียรติชวนผมไปเป็นเพื่อนและช่วยตอบคำถามแทนหลายคำถาม..
      
        คำตอบหลักของเราในวันนั้นคือ “สมชาย” ต้องลาออก...ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ดูท่าจะหนักใจแทนรัฐบาล
      
       ระหว่างพูดคุยมีโทรศัพท์จากพวก นปก.เข้ามือถือคุณอภิสิทธิ์ 3 – 4 สาย ผมเพิ่งได้ยินเสียงตอบโต้อันดุดันจากคุณอภิสิทธิ์เป็นครั้งแรก...
      
       วันนี้คุณอภิสิทธิ์กำลังกลายเป็นผู้นำประเทศไทย..เขาต้องใช้โครงสร้า งการเมืองเก่าภายใต้คะแนนเสียงของฝ่ายรัฐบาลที่หมิ่นเหม่ฝ่าข้ามวิกฤตหนักใน หลายด้าน...
      
        -ความแตกแยกของคนในชาติ, ภาวะเศรษฐกิจที่รอวันเผาจริง, นักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลหลายกลุ่มที่ยังตั้งหน้าถอนทุน-โกงกิน, ระบอบทักษิณ- ขบวนการคนเสื้อแดงที่เตรียมลุกฮือในหลายจังหวัด ฯลฯ
      
       กึ๋น ขนาดของหัวใจ ความกล้าหาญทางจริยธรรม ความรู้ ความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริตของคุณอภิสิทธิ์จะถูกทดสอบ ถูกพิสูจน์ตั้งแต่บัดนี้...ภายใต้กระแสเสียงของประชาชนที่ว่า... เราให้โอกาส แต่ให้โอกาสอย่างมีเงื่อนไข...
      
       หนึ่งในหลายๆ เงื่อนไขที่ว่าก็คือ...รัฐบาลต้องทำงานให้เป็น ทำงานให้หนักและอย่าโกงอย่ากิน...กล้าลุยพวกคอร์รัปชันรับรองสอบผ่านสองข้อน ี้ มีแต่จะเจริญกับเจริญ..
      
       ได้แต่หวังว่า 16 ปีในชีวิตนักการเมือง “อภิสิทธิ์” คงไม่ชินชา..ชาชินกับข่าวคราวและปัญหาคอร์รัปชันของคนในอาชีพเดียวกัน
      
       ขออย่าได้กลายเป็นว่า “อยู่ในสงครามไม่เห็นสงคราม อยู่ในสนามการเมือง แต่มองไม่เห็นการคอร์รัปชัน” ก็แล้วกัน!!
      
       15 ธ.ค. 2551
      
       (samr_rod@hotmail.com)
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000147944   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น