++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อุตสา หกรรมท่องเที่ยวไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     23 ธันวาคม 2551 15:28 น.
       โดย : วินิจ รังผึ้ง

       ต้องยอมรับว่าอาการหนักครับสำหรับอุตสา หกรรมท่องเที่ยวไทยในช่วงนี้ เพราะต้องเจอเข้ากับมรสุมอันหนักหน่วงซึ่งหลายคนบอกว่าไม่ใช่มรสุมธรรมดาแต่ เป็นพายุใหญ่ระดับเฮอริเคนเลยทีเดียว เพราะต้องเจอเข้ากับวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่จับมือกับวิกฤตการณ์การเมืองไทย ทำเอาฤดูท่องเที่ยวที่ถือเป็นไฮซีซันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเมืองไทยปีน ี้ต้องเงียบเหงาไปถนัดตา ในขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและวิกฤตเศรษฐกิจโลกนั้นยังจะมีแนวโน้ มทรุดหนักลงไปอีกในปีหน้า ทำอย่างไรได้ละครับในเมื่อมันเป็นความจริงที่เกิดขึ้น เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ เป็นสถานการณ์จริงที่เราต้องเผชิญ ไม่มีประโยชน์หรอกครับที่จะไปหลอกตัวเองหรือคิดแต่จะโทษใครไปวันๆ สิ่งที่เราควรกระทำก็คือร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟันวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ไปให้ ได้
      
       ถ้าจะถามว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ต่างกับวิกฤตต้มยำกุ้งใ นปี 2540 อย่างไร ก็ต้องตอบว่ามันต่างกันอย่างสิ้นเชิงในด้านผลกระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะในปี 2540 นั้น วิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้นจากภายในบ้านเราโดยหลังจากรัฐบาลในยุคนั้นประกาศลอยตั วค่าเงินบาท ก็ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงจาก 25 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ เป็นกว่า 50 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ เล่นเอาประชาชนตกงานเพราะมีการเลิกล้มกิจการไปมากมาย ธุรกิจการค้าย่ำแย่ไปตามๆกัน เว้นแต่ธุรกิจส่งออกและการท่องเที่ยวเท่านั้นที่กลับได้รับผลดีสวนทางธุรกิจ อื่นๆ เพราะสินค้าที่ส่งออกไปขายคิดราคาต่อชิ้นเป็นเงินดอลล่าเท่าเดิม แต่แลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยได้กำไรขึ้นมาอีกเท่าตัว ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยใช้เงินจ ำนวนเท่าเดิม แต่สามารถจะอยู่เมืองไทยเที่ยวเมืองไทยได้นานขึ้นอีกเท่าตัว บรรดาโรงแรม รีสอร์ทที่คิดราคาค่าห้องเป็นเงินดอลล่าสหรัฐก็มีกำไรขึ้นเป็นเท่าตัว วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 จึงกลับกลายเป็นปีทองของการท่องเที่ยวไป ยกเว้นแต่บางตลาดเช่นตลาดเกาหลี ที่ประสบกับภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกับไทยเท่านั้นที่มีจำนวนนักท่องเ ที่ยวลดลง
      
       แต่สำหรับวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ใ นครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นขึ้นในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ทางการท่องเที่ยว ของไทย และรุกลามไปยุโรปซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวใหญ่ที่สำคัญของไทยอีกเช่นกัน จนวันนี้ได้รุกลามส่งผลกระทบไปทั่วโลกแล้ว อาการจึงค่อนข้างจะหนักยิ่งครับ เพราะในเมื่อนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกำลังซื้อตก ก็จะทำให้การเดินทางลดลง ยิ่งเมื่อมาเจอกับสถานการณ์ทางการท่องเที่ยวของไทยที่กำลังเติบโตและมีการขย ายตัวสร้างโรงแรม รีสอร์ท สปา เพิ่มมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แล้วก็ต้องมาเจอกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้ก็ยิ่งทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีน ี้และปีหน้าค่อนข้างจะน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง
      
       เมื่อวิกฤตเกิดขึ้นแล้วเราไม่อาจหลีกหนีได้ หนทางเดียวก็คงต้องหันหน้าสู้และต้องมองโลกในแง่ดีครับ เพราะทุกปัญหาล้วนมีทางออก ยิ่งเมื่อเป็นปัญหาของประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกคนที่เห็นปัญหาร่วมกันแล ้ว เมื่อได้มีการร่วมมือร่วมใจรวมพลังสามัคคีกันแก้ปัญหาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน เราลองมาช่วยกันคิดหาทางออกให้กับการท่องเที่ยวไทยกันดีไหมครับ
      
       สิ่งสำคัญอันดับแรกที่คนไทยทุกคนคงต้องร่วมใจกันบันดาลให้เกิดขึ้นก็คือ ความสงบร่มเย็นของบ้านเมือง ความรักความเอื้ออาทรที่ผู้คนเคยมีให้แก่กัน มอบรอยยิ้มให้กันและกันให้สมกับเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม ซึ่งบ้านอื่นเมืองอื่นเขาพยายามรณรงค์พยายามฝืนยิ้มเลียนแบบคนไทย แต่ก็ไม่มีชาติไหนจะลอกเลียนแบบได้ ด้วยเพราะสิ่งนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนไทย บางครั้งปัญหาสังคม ปัญหาบ้านเมืองที่ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ไร้ทางออก ก็สามารถจะแก้ได้ง่ายๆ ด้วยรอยยิ้มของทุกคน ไม่เชื่อลองมอบรอยยิ้มให้กับผู้คนรอบข้างดูครับ
      
       สิ่งที่ต้องทำเป็นการเร่งด่วนก็คือ รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจังและเร่งด่วนครับ ไม่ใช่เห็นความสำคัญกันแต่ปาก และอยากได้แต่เม็ดเงินรายได้จากการท่องเที่ยวแล้วไม่ลงทุนอย่างในอดีตที่ผ่า นมา ต้องมีการจัดสรรงบประมาณอย่างเร่งด่วนและมากเพียงพอเพื่อมาช่วยในการทำตลาดใ ห้นักท่องเที่ยวกลับคืนมาสู่สภาวะปรกติอีกครั้ง เพราะในช่วงที่ผ่านมานั้นงบประมาณในการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการทำต ลาดนั้นมีเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และก็ยิ่งน้อยนิดเมื่อเทียบกับเงินรายได้เข้าประเทศจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยิ่งปัจจุบันเป็นช่วงภาวะไม่ปรกติด้วยแล้วยิ่งจำเป็นต้องอัดฉีดงบในการทำตลา ดลงไปอีก ซึ่งงบประมาณที่ทุ่มลงไปจะเกิดความคุ้มค่าอย่างแน่นอนครับ เพราะสามารถจะวัดผลได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยว จากรายได้ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่าย และเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวนั้นยังกระจายไปสู่ผู้คนในทุกระดับของสังคม ไม่ได้จำกัดตัวอยู่กับกลุ่มใดหรือส่วนใดเท่านั้น
      
       ยิ่งหากรัฐบาลใหม่จะได้ผลักดันนโยบายให้การท่องเที่ยวให้เป็นวาระแห่ งชาติที่ทุกหน่วยงานจะได้ร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวกันคนละไม้คนละมือด้ว ยแล้ว ก็รับรองว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยและเศรษฐกิจของชาติจะสามารถฟื้นตัวแล ะฝ่าพ้นวิกฤตทางเศรษฐกิจไปได้อย่างแน่นอน เราลองมาช่วยกันคิดดูครับว่าหน่วยงานต่างๆจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย ่างไร เริ่มกันตั้งแต่รัฐบาลประกาศนโยบายส่งเสริมให้หน่วยงานราชการจัดประชุมสัมมน านอกสถานที่กันดีไหมครับ เพราะการท่องเที่ยวก็จะได้ครึกครื้น ผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาก็จะได้คึกคัก ชาวบ้านก็จะได้ทำมาค้าขาย ได้ขายของที่ระลึก ขายอาหาร พืชผักผลไม้ได้มากขึ้นอีกเป็นกอง
      
       นอกจากหน่วยงานต่างๆจะร่วมกันจัดประชุมสัมมนาภายนอกสถานที่กันแล้ว รัฐบาลควรส่งเสริมให้ทุกหน่วยราชการดึงการจัดประชุมระดับนานาชาติเข้ามาจัดป ระชุมในไทย ไม่ว่าจะประชุมเล็กประชุมใหญ่ระดับไม่กี่สิบคน ร้อยคนหรือเป็นพันคนก็จะเป็นประโยชน์ทั้งนั้น อย่าลืมว่าใครๆ ก็อยากจะมาประชุมที่เมืองไทยกันทั้งนั้น เพราะได้ทั้งมาตรฐานในด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และยังได้เที่ยว อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แถมการดูแลต้อนรับอบอุ่นไม่ว่าหน่วยงานไหนจะเป็นเจ้าภาพ
      
       หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีงบประมาณอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้ารัฐบาลส่งเสริมให้เกิดโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดูงานท่องเที่ยวระหว่างภ ูมิภาค โดยส่งเสริมให้ อบต. และ อบจ.จัดทำโครงการดูงานทางด้านการท่องเที่ยวระหว่างภูมิภาคขึ้น ซึ่งอาจจะกำหนดให้แต่ละ อบต. หรือ อบจ. ที่จะทำแผนงานต้องมีการแวะดูงานด้านการท่องเที่ยวชุมชน ด้านการอนุรักษ์ ด้านการเกษตร หรืออะไรที่เป็นประโยชน์อย่างน้อย 2 แห่ง แล้วนอกนั้นจะแวะดูแวะเที่ยวที่ไหนก็ตามสะดวก ถือเป็นการเปิดหูเปิดตาให้ศึกษาเรียนรู้เพื่อนำกลับมาพัฒนาท้องถิ่น
      
       ซึ่ง อบต.ทั่วประเทศมีมากกว่า 7,000 แห่ง อบจ. อีกเกือบร้อยแห่งเมื่อได้มีโอกาสเดินทางแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดูงานระหว่างกันแ ละกัน ก็จะเป็นประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ยิ่ง เพราะลองนึกภาพ อบต.ทางภาคอีสานจัดกรุ๊ปทำโปรแกรมลงไปเที่ยวไปดูงานภาคใต้ แวะเยี่ยมเยียน อบต. ภาคใต้ แล้วชวน อบต.ทางภาคใต้ไปเยี่ยมเยียน อบต.ทางภาคอีสาน อบต.ทางภาคเหนือมาท่องเที่ยวดูงาน อบต.ทางภาคตะวันออก แล้ว อบต.ทางชายฝั่งภาคตะวันออกเดินทางขึ้นไปเยี่ยมเยียนบนภูเขาแดนดอยทางภาคเหนื อ สลับการเดินทาง สลับกันเป็นเจ้าภาพดูแลซึ่งกันและกัน ผมว่าจะเป็นการสร้างความรักความเข้าใจซึ่งกันและกันให้เกิดขึ้นอย่างแน่นแฟ้ นในสังคมไทย ซึ่งจะขจัดความแตกแยกแตกต่างให้เบาเทาเบาบางและหมดสิ้นไป และยังเป็นการกระจายรายได้จากการเดินทางแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันจำนวนม ากมายมหาศาล ไม่เชื่อรัฐบาลใหม่ลองนำไปทำดูครับ



http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000150693

    ยิ้มให้กันดีกว่าครับ แล้วไปเที่ยวกันดีกว่า อยากให้นักท่องเที่ยวกลับมาก็ช่วยกันทำบ้านเมืองให้น่าอยู่ ผู้คนให้น่ารัก ไม่ใช่เอาแต่เพ่งโทษโกรธแค้นกันไม่จบไม่สิ้น ให้เขมรมันถากถางเล่น เวียดนามยิ้มร่า สิงคโปร์หัวเราะ มาเลเซียตีปีก ทิ้งความวุ่นวายไปกับปีเก่า มอบรอยยิ้มและความสุขให้กันในวันปีใหม่ดีกว่า
คนไทย


    วินิจ
บอกเรื่องจริงสิ ว่าอะไรเป็นจุดเปลี่ยนทำให้เกิดปัญหาใหญ่ที่สุด
โรงแรมหลายแห่งมีคนเข้าพักไม่ถึง 10%
ทำไม เอเจน ถึงถอนรายการท่องเที่ยวไทยออก
ทำไมในเวป นักท่องเที่ยวอิสระมีแต่คำด่า
ทำไมการจัดประชุมเลิกจัดในไทย

มองตามวิวัฒนการของ Butler การการลดลงแบบนี้ฟื้นคืนยากมาก ถ้าไม่สร้างความมั่นใจลดความเสี่ยง
tu

    ผมว่าสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้คือในภาวะที่เป็นแบบนี้ นอกจากรัฐบาลที่ควรสนับสนุนงบประมาณกระตุ้นการท่องเที่ยวผู้ประกอบการเองก็ไ ม่ควรที่จะเน้นทำกำไรนะครับ ควรดำเนินกิจการให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อนนะครับ ทำโปรโมชั่นเอาแบบให้ตัวเองพอมีกำไร ไม่ใช่กำไรมาก ผมก็ว่าน่าจะช่วยกระตุ้นคนท่องเที่ยวได้มากเลยครับ
ชอบเที่ยวทะเลไทยครับ


    ต้องพัฒนาทุกๆด้าน เอาตั้งแต่ตม.เลย ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเป็นมิตร แล้วก็แทกซี่ที่สนามบินอีก ประเทศไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม แต่แปลกที่ในส่วนด่านแรกๆของประตูเข้าประเทศเรานี่สู้ทางแถบอเมริกาไม่ได้เล ย ปรับปรุงกันที่จิตสำนึกว่านักท่องเที่ยวก็เป็นคนเหมือนเรา ต้อนรับเค้าเหมือนญาติพี่น้อง แทนที่จะตั้งท่าสูบเงินอย่างเดียว ถ้าบริการดี เค้าให้อยู่แล้ว แล้วก็ควรจะเสมอภาคกันทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ไม่ใช่ดูถูกคนไทยด้วยกันเอง ที่สำคัญคือการอนุรักษ์สถานที่ท่องเที่ยวให้เป็นธรรมชาติที่สุดและรักษาความ สะอาด มีถังขยะรองรับอย่างพอเพียง แล้วก็ความปลอดภัยในชีวิตและทัระย์สินก็ควรที่จะให้ดีขึ้นด้วย ทำได้อย่างนี้ ใครๆก็อยากมาเที่ยวไทยทั้งนั้น เพราะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติของเรานั้นสวยงาม ไม่รวมอาหารที่อร่อยและราคาย่อมเยา
อยากเห็นไทยพัฒนา


    การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทำงานกันเต็มที่แล้วหรือยัง ตามสำนักงานต่างจังหวัด หัวหน้าฯมัวแต่จะหาวิธีการอยู่รอดของตัวเอง มัวแต่โทษประชาชนว่าไม่ให้ความร่วมมือ แล้วมือของคุณๆท่านๆนะทำอะไร กวักแต่เงิน เรียกแต่ทอง เข้ากระเป๋าตัวเอง ทำอะไรก็ทำหลอกๆพอให้พ้นตัว ผักชีโรยหน้า พอให้งบประมาณมันเข้ามาหาแล้วสะด๊วบมันทั้งก้อน ลิ้นก็ตวัดเลียหน้าแข้งนาย แผล็บๆๆๆๆ......จะได้ย้ายไปอยู่ที่สุขสบาย งานน้อย เงินดี เฮ้อ..... บ่นๆๆๆๆๆๆๆๆ........
หนับหนุน ความเห็น 2 .......เที่ยวมาเลเซีย 5 วัน ไม่ถึงหมื่น เที่ยวเชียงใหม่ 5 วัน หมื่นกว่า
ท่านรมต.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา คนใหม่ช่วยดูให้ทีเห๊อะ เอาเหลือบออกๆๆไปให้พ้นๆๆ ททท.ด้วย.......
คนชอบเที่ยว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น