++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สิ่งที่อภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรลืม

โดย ปฏิวัติ ธนากรรัฐ     23 ธันวาคม 2551 18:30 น.


ปฏิวัติ ธนากรรัฐ
       รองอัยการจังหวัดชุมพร
      
       ท้องฟ้าหลังพายุฝนย่อมสดใสเป็นธรรมดาของธรรมชาติ
       ธรรมชาติของการเมืองไทยก็เฉกเช่นเดียวกัน หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้ผ่านพ้นไปแล้ว ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพในทางการเมืองก็เริ่มส่องแสงเจิดจ้าให้บังเกิดขึ้นในแผ ่นดิน
      
       ในที่สุด....นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทยสมใจปรารถนาของผู้คนในแผ่นดินจำนวนหลายสิบล้านคนที่เฝ้าติดตามท างการเมือง และเอาใจช่วยนัก การเมืองหนุ่มอนาคตไกลคนนี้ตลอดมา
      
       นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ ือเป็นแบบอย่างของผู้นำคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นที่ชื่นชมและเป็นที่ประทับใจของปร ะชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้คนเหล่านี้มีความฝันและมีความหวังที่อยากเห็นบุคคลที่ตนเองชื่นชมและ ประทับใจคนนี้ได้มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศสักครั้งหนึ่งในชีวิตของค วามเป็นนักการเมืองของเขา
      
       นายอภิสิทธิ์ เวชชาวีวะ เป็นบุคคลที่ถูกบ่มเพาะมาเพื่อให้เป็นนักการเมืองและเป็นผู้นำใน ทางการเมืองโดยเฉพาะ ภาพลักษณ์ของนักการเมืองหนุ่มคนนี้จึงดูดีมากทั้งภายในประเทศและภายนอกประเท ศ ซึ่งรับรองได้เลยว่าบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศของนักการเมืองหนุ่มคนนี้ ไม่ทำให้คนไทยผิดหวังอย่างแน่นอน
      
       บัดนี้...ความฝันของคนไทยที่มีความรักและมีความชื่นชมศรัทธาในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชา
       ชีวะ ได้กลายมาเป็นความจริงแล้ว แม้ว่าภาพที่แสดงการสวมกอดกันระหว่างนายอภสิทธิ์กับนายเนวินจะเป็นภาพที่บาด ตาบาดใจสำหรับผู้คนที่เป็นแฟนคลับของนายอภิสิทธิ์ไปบ้างก็ตาม แต่ทุกคนก็พยายามทำใจให้ยอมรับกับภาพอันบาดตาบาดใจนั้นได้ เพราะเข้าใจกันดีว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีทางเลือกมากมายนักในสถานการณ์เช่นนี้
      
       การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศ ไทยได้นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว
      
       แต่การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสามารถรักษาบัลลังก์แห่งอำนาจของการเป็นนายกรัฐมนตรีเอาไว้ได้นานแค่ไหนนั ้น นับเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งกว่า
      
       แต่จากบทเรียนทางการเมืองเท่าที่ผ่านมา น่าจะเชื่อมั่นได้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสามารถรักษาอำนาจรัฐไว้ได้อย่างยาวนานพอสมควรบนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
      
       ดังนั้น...นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ จะต้อง ไม่ลืมในสิ่งที่ต้องปฏิบัติในสามประการ ดังต่อไปนี้
      
       ประการที่ 1 คนยากคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
       คนยากคนจนที่ถือเป็นชนชั้นรากหญ้าซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศคือจุด อ่อนของพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยาวนาน ตลอดเวลาที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่สามารถเข้าไปถึงจิตใจของคนรากหญ้าไ ด้ คนรากหญ้าโดยเฉพาะคนในภาคอีสานมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองของคนชั้นสูงและคนชั้นกลาง และเป็นพรรคของคนภาคใต้ คนรากหญ้าจึงไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์
      
       ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนรากหญ้า (โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือ) มีความรักและความศรัทธาในตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นอย่างสูง นั่นเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณให้ความสำคัญกับคนรากหญ้า นโยบายประชานิยมหลายเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณมันช่างโดนใจคนรากหญ้าเป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้ระบอบทักษิณสามารถหยั่งรากฝังลึกเข้าไปอยู่ในจิตใจของคนรากหญ ้าได้อย่างมั่นคงและยาวนาน จนยากที่พรรคการเมืองอื่นๆ จะสามารถแทรกซึมเข้าไปแทนที่ในจิตใจของพวกเขาเหล่านั้นได้โดยง่ายดาย
      
       ดังนั้น เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการเป็นรัฐบาล ในขณะที่สถานการณ์ของคนรากหญ้ายังคงมีความภักดีต่อระบอบทักษิณไม่เสื่อมคลาย นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งต้องเร่งลบจุดอ่อน
       ของตนเองให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว โดยต้องเร่งหันมาสนใจปัญหาของคนยากคนจนซึ่งเป็นคนส่วน ใหญ่ของประเทศอย่างจริงจังและจริงใจ นโยบายประชานิยมที่เป็นประโยชน์ต่อคนรากหญ้าก็ยัง คงมีความจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งนำมาใช้ เพราะนโยบายประชานิยมถึงจะถูกวิพากษ์วิจารณ์
      
       อย่างไรก็ตาม แต่นโยบายประชานิยมก็ยังดีเสียกว่านโยบายที่ประชาไม่นิยมอย่างแน่นอน ขอเพียงแต่ว่ารัฐบาลต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งนี้เพื่อ ดึงจิตใจของคนรากหญ้าออกมาจากระบอบทักษิณให้ได้ และทำให้คนรากหญ้าได้เกิดความรู้สึกเสียใหม่ว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลในระบอบประชา ธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สนใจและพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาของคนยากคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ถึงไม่มีระบอบทักษิณ รัฐบาลทุกรัฐบาลก็ไม่ทอดทิ้งปัญหาของคนยากคนจนเป็นอันขาด
      
       แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องดำรงตนเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของคนภาคใดภาคหนึ่ง และต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกชนทุกชั้น ไม่ใช่เฉพาะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนรากหญ้าเท่านั้น
      
       ประการที่ 2 เด็กและเยาวชนของชาติ
       เด็กและเยาวชนคือกำลังของชาติในอนาคต แต่อนาคตของชาติในทุกวันนี้น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง เพราะขาดคุณภาพทางการศึกษา ขาดจิตสำนึกในความเป็นชาติ ขาดความสนใจในกิจกรรม
       ในทางการเมือง และการมัวแต่หลงใหลได้ปลื้มอยู่กับอารยธรรมของต่างชาติมากจนเกินไป
      
       ดังนั้น ในอนาคตข้างหน้าถ้าอยากเห็นประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับประ เทศที่เจริญแล้ว ในวันนี้ประเทศไทยต้องทำการปฏิรูประบบการศึกษาของชาติครั้งยิ่งใหญ่ เราต้องเร่งสร้างเด็กและเยาวชนทั่วทั้งประเทศให้มีคุณภาพ มีปัญญา มีความรู้และความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ต้องสร้างให้เด็กและเยาวชนของเราให้มีสำนึกในความเป็น คนไทยที่มีความรักชาติ รักแผ่นดิน และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องจัดให้อนาคตของชาติได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างรู้แจ้ง เพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนของเราหลงไหลได้ปลื้มอยู่กับอารยธรรมต่างชาติจนลืม ความเป็นชาติของตนเอง
      
       ดังนั้น จึงเป็นภารกิจหน้าที่อันสำคัญสูงสุดของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ซึ่ง ดูแลกระทรวง ศึกษาธิการที่จะต้องบริหารจัดการให้เด็กและเยาวชนของชาติในวันนี้เป็นผู้ใหญ ่ที่มีคุณภาพของชาติในวันหน้าให้จงได้ ถ้าหากนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ทำภารกิจนี้ไม่บรรลุความสำเร็จ บ้านเมืองของเราก็คงต้องย่ำอยู่กับที่เหมือนเช่นในวันนี้ ไม่เปลี่ยนแปลง
      
       ประการที่ 3 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
       ปฏิเสธไม่ได้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้หากไม่มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิ ปไตยออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ
       ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จนถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องล้มตายไปเกือบสิบคน และต้องบาดเจ็บไปหลายร้อยคน จึงสามารถโค่นล้มรัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณลงได้
      
       กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่สวมใส่เสื้อสีเหลืองอันแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งความจงรักภัก ดีต่อสถาบันสูงสุด จึงเป็นกัลยาณมิตรของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์อย่างแท้จริง
      
       กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยส่วนหนึ่ง (ซึ่งน่าจะเป็นส่วนใหญ่) สนับสนุนพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะเหล่าพันธ มิตรฯ ในด้ามขวานทอง
      
       แนวความคิดและอุดมการณ์ในทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์มีความใกล้เ คียงกัน กับแนวความคิดและอุดมการณ์เพื่อชาติบ้านเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อป ระชาธิปไตย
      
       เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์จำต้องเล่นบทบาทในระบบและในรัฐสภา แต่กลุ่มพันธมิตร
       ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นการเมืองภาคประชาชนที่ต้องทำภารกิจนอกรัฐสภาเพื่อให้บรรลุ
       ถึงแนวความคิดและอุดมการณ์ของตนเอง
      
       แนวความคิดและอุดมการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีหลักการ ใหญ่ๆ อยู่ 4 ประการ คือ 1. ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ให้ผู้ใดหรือกลุ่มใดบังอาจจาบจ้วงล่วง
       ละเมิด 2. คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของนักการเมืองในระบอบทักษิณ 3. ต่อต้านและขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ และ 4. ทำลายล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปและสร้างการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นบนผืนแผ่น ดินไทย
      
       ผลจากการต่อสู้ด้วยหยาดเหงื่อ คราบน้ำตา และด้วยเลือดเนื้อ และชีวิตของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ด้วยระยะเวลาอันยาวนานติดต่อกันถึง 192 วัน ทั้งต้องยึดถนน ยึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสนามบินถึงสองแห่ง ซึ่งเป็นอารยะขัดขืนขั้นสูงสุดเต็มรูปแบบเพื่อให้บรรลุถึงแนวความคิดและอุดม การณ์ดังกล่าว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถพลิกขั้วมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็ จ โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติด้วยตัวเลข 235 คะแนนเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี และทำให้พรรคการ เมืองซึ่งเป็นหุ่นเชิดของระบอบทักษิณต้องแปรเปลี่ยนสถานภาพจากการเป็นรัฐบาล ไปเป็นฝ่ายค้านอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
      
       ดังนั้น...ในวันนี้ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำของรัฐบาล จงอย่าได้ลืมเลือนกัลยาณมิตรอย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็น อันขาด และอย่าลืมสานต่อแนวความคิดและอุดมการณ์ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธ ิปไตยต่อไปด้วย
      
       คนไทยหลายสิบล้านคนคงจะให้กำลั งใจและเอาใจช่วยให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประสบความสำเร็จกับการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะความสำเร็จของนายอภิสิทธิ์ก็คือการเริ่มต้นการเมืองใหม่ โดยมีความเจริญก้าวหน้าของชาติบ้านเมืองเป็นเดิมพัน

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000150792


    คุณอภิสิทธิ์ พวกเราจับตามองท่าน และคณะของท่านอยู่

อยากบอก และอยากเตือนท่านว่า....

1. อย่าเลี้ยงคนเลวไว้ หรือถ้าเลี้ยงไว้ ต้องควบคุมให้อยู่
2. อย่าหลงคำเยินยอ วัยวุฒิ และเลียวุฒิ เพราะคนพวกนี้มีมาก มาในสารพัดรูปแบบ
3. คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนเป็นหลัก
4. อย่ารับส่วย หรือสินบนจากคนอื่นเด็ดขาด ซึ่งส่วยจะมาในหลายรูปแบบ เช่น เงิน เลีย ผู้หญิง พอรับส่วยแล้ว จะเข้าทำนอง ลูบหน้าปะจมูก หรือทำอะไรไม่ได้ ต้องติดบ่วงแร้วจนดิ้นไม่หลุด
5. จับตาคนรอบข้างให้ดี โดยเฉพาะคนวงในที่เป็นตัวตั้งตัวตี ดันคนนั้นคนนี้โดยไม่ปรึกษาใคร และขอความเห็นใคร อย่าให้เขามาควบคุมคุณได้
5. สนับสนุนคนดี คนซื่อสัตย์ มองเค้าอย่างมีคุณค่า มองเห็นความดี ความตั้งใจจริงของเค้า อย่ามองข้ามเด็ดขาด
6. ใช้ข้อดี ข้อเสียของแต่ละคน ก่อนที่จะตัดสินใจที่มอบหมายหน้าที่ีนั้นๆ ให้เหมาะกับเค้า คนทำหน้าที่นั้นๆ ต้องมีความถนัด ประสบการณ์มาก่อน
7. จงตั้งตัวเองให้หนักแน่น อย่าหวั่นไหวโอนเอียง มีอุดมการณ์ของตัวเองที่แน่นอน หรือเรียกว่าจุดยืนก็ได็ ( อันนี้คุณสอบผ่าน 100 )
8. อย่าเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้คนชั่ว จงทำทุกอย่างเปิดเผย

ถ ้าคุณปฏิบัติอย่างนี้แล้ว เราถือว่าคุณคือ ยอดคน ทุกคนจะสรรเสริญคุณจนชั่วลูกชั่วหลาน มองเห็นคุณเป็นปูชยบุคคลที่ควรค่าแก่การยกย่อง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ชื่อเสียงคุณจะคงอยู่ และเป็นที่กล่าวขานเสมอ และตลอดไป พวกเราขอฝากความหวัง และบ้านเมืองไว้ในมือท่าน คุณอภิสิทธิ์
ไกลบ้าน usa.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น