++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ล้างพิษสูตรควายสะอื้น

โดย อัญชะลี ไพรีรัก 17 ธันวาคม 2551 16:31 น.

ใครๆ ก็รู้ว่า ในการชุมนุมกู้ชาติทั้งภาค 1 และ ภาค 2 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มี “กองทัพธรรม” เป็นเรี่ยวแรงแข็งขันสำคัญยิ่ง
      
       กองทัพนักรบที่ประกอบด้วย สมณะเพาะพุทธ และฆราวาส นับร้อยนับพัน ยืนหยัดยืนยันปักหลักพักค้างอยู่กับพี่น้องประชาชนอย่างไม่มีวันระย่นระย่อท ้อ คำน้อยแม้แต่คำว่า “ท้อ” ก็ไม่เคยได้ยินออกจากปากนักรบผู้ชูธงธรรมนำหน้าของกองทัพธรรม
      
       นักรบค่ายนี้เป็นจอมอึด อดทน มุมานะ และเปี่ยมด้วยความรู้หลากหลาย
      
       “พี่เกร็ดดิน” ก็เป็นหนึ่งในนักรบกองทัพธรรม ด้านสุขภาพพลานามัย ที่มีความรู้ และประวัติน่าสนใจ น่าติดตาม
      
       อดีตนางชีแห่งสำนักสันติอโศก นาม “เกร็ดดิน” หรือ พี่เขียว เคยบวชอยู่กับสันติอโศก 2-3ปี ภายหลังมีปัญหาสุขภาพจึงสึกออกมาเป็นฆราวาส แต่ยังปวารณาตัวช่วยงานชุมชนอโศกแข็งขัน
      
       นามเดิมของพี่เกร็ดดินก่อนมาอยู่อโศกสถาน เป็นนามนั้นสำคัญฉะนี้ที่ใครต่อใครใต้ฟ้าอมรนครกรุงเทพฯ ต้องรู้จัก พี่สาวของเราเคยสวยหยดย้อยระดับดารา เปรี้ยวเข็ดฟันจนได้เป็นนางแบบชื่อดัง แถมฉลาดแสนโก้เพราะเรียนจบทางการแพทย์มาจาก ปารีส ฝรั่งเศส
      
       พี่เกร็ดดิน หรือพี่เขียว เป็นลูกสาวอดีตนักการทูตชื่อดังของเมืองไทย เธอเติบโตและร่ำเรียนอยู่ฝรั่งเศสถึง 20 ปีเต็ม เมื่อกลับมาใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าตามประสาคนดังที่เมืองไทยอยู่พักใหญ่ จึงตัดสินใจทิ้งความวุ่นวายทางโลกไว้เบื้องหลัง และบ่ายหน้าเข้าหาทางธรรมกับสันติอโศก บ้านใหม่ที่เธอเลือกแล้วว่าจะใช้เป็นเรือนตราบชั่วนิรันดร์แห่งชีวิต
      
       ตลอด 2-3 ปีที่พี่เกร็ดดินศึกษาเรียนรู้หนทางแห่งการรู้ตื่นและเบิกบานในสันติอโศก ก็เป็นช่วงเวลายาวนานมากพอที่พี่เกร็ดดินจะนำองค์ความรู้วิทยาการแพทย์สมัยใ หม่ที่เรียนมา ผนวกกันเข้ากับชีวิตสะอาดแห่งการวิรัติมังสะ เพื่อกอปรกันเข้าเป็น “การแพทย์ทางเลือก” โดยใช้ธรรมชาติรักษามนุษย์ และใช้สมุนไพรมาทำอาหารและยา
      
       พันธมิตรฯ ได้รับอานิสงส์จากตำรายาสมุนไพรที่แสนบริสุทธิ์ แต่ผลิตด้วยกรรมวิธีอันทันสมัยจากพี่เกร็ดดินกันถ้วนหน้าทั้งภาค 1 และ ภาค 2 ยิ่งภาคหลังการชุมนุมยาวนานจนแทบจะเป็นมหาภารตะยุทธ์ พี่เกร็ดดินยิ่งต้องทำงานหนักในการดูแลรักษาโรคให้คนโน้นบ้างคนนี้บ้างตามศร ัทธาประสาของพี่สาวใจดี
      
       “พี่วีระ สมความคิด” เป็นคนหนึ่งที่ได้รับไมตรีจิตอันงดงามจากพี่เกร็ดดิน เพราะทันทีที่รู้ว่าพี่วีระเป็นสารพัดโรครุมเร้า ทั้งรูมาตอยด์ ทั้งไตกลีเซอไรด์ และโรคร้ายอื่นๆ ที่กำลังทยอยตามมาอีกพะเรอเกวียน พี่เกร็ดดินไม่รีรอรีบคว้าตัวพี่วีระไปรักษาโรคทันควันที่ “ศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษ” บ้านน้ำซับ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยมี “อำนาจ หมายยอดกลาง” เจ้าบ้าน และพี่น้องเกษตรกรในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้การต้อนรับดุจญาติสน ิทมิตรสหาย
      
       ด้วยเวลาเพียง 5 คืน 6 วัน กับการเข้าคอร์ส “ล้างพิษสูตรควายสะอื้น” พี่วีระก็โล่งท้อง โล่งใจ หน้าใสปากแดง กินได้นอนหลับกลับมาแข็งแรงเดินปร๋อ ลดการกินยาแพทย์แผนปัจจุบันไปมากกว่าครึ่ง
      
       การล้างพิษสูตรควายสะอื้นของชุมชนสันติอโศกที่วังน้ำเขียว ไม่ได้มีขั้นตอนสลับซับซ้อน เพียงหลักการง่ายๆ คือ คุณกินอะไรเข้าปากไป คุณจะได้สุขภาพตามอาหารที่กินลงไปนั่นเอง
      
       อาหารดี สุขภาพดี สิ่งแวดล้อมดี ลมหายใจสะอาด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเพียงเท่านี้ ก็จะได้ร่างกายที่กระปรี้กระเปร่าแข็งแรงกลับคืนมาเพียงเท่านี้ เท่านี้เองจริงๆ ฟังดูเหมือนง่าย แต่ยากที่จะทำได้ในชีวิตประจำวัน ...แต่ก็น่าลองดู
      
       เอ้า...ไปทดลองล้างพิษกับสันติอโศกสูตรควายสะอื้นกันดีกว่า เอาง่ายๆ ลวกๆ สั้นๆ พอเป็นพอไปตามสภาพและเวลาจะอำนวยก็แล้วกัน กับสูตรควายสะอื้นเพียง 2 คืน 3 วัน ที่วังน้ำเขียว
      
       งานทดลองสูตรนี้ มี “พี่เล็ก –ปริศนา “ นักเขียนชื่อดัง และ “น้องหงส์ –สุภาวดี” ผู้อำนวยการช่องเถ้าแก่ของ ASTVตามไปสมทบเข้าโครงการปาดน้ำตาควายเพื่อชีวิตยั่งยืนของผองเราด้วย
      
       พี่เกร็ดดินเริ่มต้นกระบวนการล้างพิษระยะสั้น ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ ด้วยการนำพวกเราแช่เท้าลงไปในกระบะน้ำเล็กๆ ที่มีน้ำอุ่นๆ ท่วมฝ่าเท้า ตรงกลางกระบะน้ำมีกล่องพลาสติกเล็กๆ ต่อสายไปที่เครื่องกำเนิดประจุไฟฟ้า ที่เครื่องนี้เองจะมีสายอีกหนึ่งสาย พ่วงกำไลมาที่ข้อมือของเรา ตรงกำไลยางยืดนี้มีเครื่องประจุไฟฟ้าเล็กๆ ที่จะแตะกับตัวเรา
      
       ที่เครื่องนี้อีกเช่นกันจะมีสายอีกหนึ่งสาย พ่วงต่อกับเอวของเราในรูปแบบเข็ดขัดยางที่หุ้มห่อไม้ไผ่รอบเส้น และทันทีที่เปิดเครื่อง แรงดันของประจุไฟฟ้าจะกระตุ้นของเสียในร่างกายของเราออกมาทางฝ่าเท้า โดยจะเห็นว่าสารพิษของใครเป็นอย่างไรให้สังเกตจากสีสารพิษในน้ำที่เราแช่เท้ า ซึ่งจะมีทั้งสีเขียว สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม สีดำ และ ฟองอากาศ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นเกล็ดของเสียปนเปื้อนออกมาด้วย
      
       3 สาวนักทดลองสูตรล้างพิษ นั่งตาค้างคากระบะแช่เท้าทีเดียว เมื่อแต่ละคนอุดมไปด้วยไขมัน และสารพิษอัดแน่นไปหมด ของอัญชลีมีไขมันและสารพิษทุกรูปแบบ ส่วนของพี่เล็ก –ปริศนา มีสารพิษที่บ่งชี้ว่าลำไส้ไม่สู้จะดีนักต้องรักษาด่วน ขณะที่ของน้องหงส์-สุภาวดี สีของสารพิษบ่งชี้ว่า เรือนร่างเจ้าหล่อนเต็มไปด้วยสารตะกั่ว
      
       หลังการล้างพิษจากฝ่าเท้าด้วยเครื่องประจุไฟฟ้าอันทันสมัยแล้ว พี่เกร็ดดิน และ พี่อำนาจ ผู้ดูแลศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษวังน้ำเขียว โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้พาพวกเราเข้าพักใน “บ้านดิน” ขนาด 2 ห้องนอนที่แสนสวยงาม เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน สะอาดสะอ้าน อากาศบริสุทธิ์ ต้นไม้ต้นไร่ปกคลุมร่มรื่น ลมโชยพัดเย็น สายลมนุ่มนวลหวานชื่น เป็นบ้านดินทันสมัยน่านอนที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
      
       พี่เกร็ดดินย้ำว่า เวลานอนต้องก่อน 3 ทุ่มเพื่อรักษาถุงน้ำดี ตับและไตให้คงสภาพแข็งแรง ส่วนเวลาตื่นคือ 6 โมงเช้า และพร้อมหน้าพร้อมตากันที่ “ โรงอาหาร” เพื่อล้างพิษสูตรควายสะอื้นในวันรุ่งขึ้น
      
       คืนแรกในบ้านดินของศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษวังน้ำเขียว มีพระจันทร์สวยกลมโตกระจ่างฟ้ามาส่งยิ้มทักทายที่หน้าบ้าน อากาศรอบๆ ตัวเย็นจัด น้ำค้างพร่างพรมไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ดินดำน้ำชุ่ม กลิ่นดินที่นี่หอมสะอาด มองเลยคลองหน้าบ้านขึ้นไปสุดลูกหูลูกตาคือ ไร่นาชูช่อล้อลมไสว ผัก ผลไม้ที่แห่งนี้สดชื่น ไร้สารพิษ พืชพันธุ์ทุกชนิดเติบโตด้วยปุ๋ยธรรมชาติ อาหารบริสุทธิ์จากศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษ โครงการในพระราชดำริจึงขายดิบขายดี ปลูกเท่าไรไม่พอขาย เข้าข่ายปลูกหาย ปลูกหาย ขายไม่เหลือแม้แต่ต้นเดียว
      
       ได้กินอาหารดีก่อนนอนคืนแรก เป็นซุปผักสดจากไร้ หอมสะอาด หวานกรอบ กินได้เยอะ นอนได้แยะ
      
       “โรงอาหาร” ของศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษ คือที่นัดหมายในวันรุ่งขึ้น โรงอาหารอยู่ไม่ไกลจากบ้านดินที่พักนัก ที่นี่เป็นโรงเรือนชั้นเดียวกว้างใหญ่และยาวลึก จุคนได้เป็นร้อยๆ ลักษณะการจัดการของสถานศึกษาและอบรมของวังน้ำเขียว มีสภาพไม่ต่างไปจากโรงเรียนผู้นำของลุงจำลอง สันติอโศก เลย
      
       พี่เกร็ดดิน และพี่อำนาจพร้อมผู้ช่วยหลายคนรอเราอยู่แล้ว ด้วยรอยยิ้มสดชื่น และอาหารล้างพิษสูตรควายสะอื้น
      
       ขั้นตอนแรกของการล้างพิษสูตรนี้ คือ การดื่มน้ำสะระแหน่ร้อนๆ ที่เด็ดสดๆ มาจากไร่ตอนเช้ามืดขณะที่น้ำค้างกำลังพร่างพรมเย็นฉ่ำ นำสะระแหน่สดชุ่มน้ำค้างต้มกับน้ำเดือดจัดๆ ปิดฝาหม้อต้มเร็วๆ พอได้ที่ยกลง เปิดฝาหม้อคลายความร้อน กลิ่นสะระแหน่โชยไปไกล นี่คือ น้ำสมุนไพรที่พวกเราต้องดื่มคนละ 5 ถ้วยแกงติดต่อกันอย่าได้ถอย
      
       นั่งหายจุกสักพัก พี่เกร็ดดินก็นำน้ำสีเขียวๆ ข้นมาให้เราคนละ 6 ลิตร น้ำเขียวนี้มาจากการปั่นและกรองของ “หญ้า 5 ชนิด” จากไร่วังน้ำเขียว...หญ้าอะไรหรือ....ก็หญ้าที่วัว-ควายกินเป็นอาหารอย่างไร เล่า หาหญ้าอะไรได้ก็ใช้หญ้าแบบนั้น ซึ่งจะเป็น 3 ชนิดก็ได้ หรือ 7 ชนิดก็ดี แต่จะดียิ่งขึ้นถ้าหาหญ้าดีๆ สะอาดๆ ได้ 11 ชนิด คือ ให้ได้หญ้าเป็นเลขคี่เข้าไว้แล้วจะดีเอง
      
       กรรมวิธีการทำคือ เอาหญ้าที่ได้มาสดๆ ไปปั่นในเครื่องบดขนาดใหญ่พร้อมกับน้ำพอสมควร จากนั้นก็กรองเอาแต่น้ำหญ้า เจือด้วยรสชาติของน้ำผึ้งเดือนห้า และน้ำมะขามเปียก ชิมรสดีรู้สึกเปรี้ยวๆ หวานๆ ปนกลิ่นเขียวๆ หอมสดชื่น อร่อยดี นี่คืออาหารชนิดเดียวที่เราต้องกินวันละ 6 ลิตร และต้องดื่มให้หมดก่อนบ่ายสามโมงเย็น
      
       นอกจากนี้ผู้ล้างพิษยังต้องกินอาหารเสริมอีกมื้อละ 2 ถ้วยใบเขื่อง อาหารเสริมนี้ทำมาจากแร่เมนโทไนต์ ซึ่งเป็นหินแร่จากภูเขาไฟ และนำมาผสมกับน้ำหญ้าเจือด้วยดอกหญ้าจากญี่ปุ่นที่อุดมด้วยไยอาหารสูงสุด ปั่นกับน้ำเอนไซม์ซึ่งประกอบมาจากสารอาหารต่างๆ ที่เปี่ยมคุณภาพ ปั่นรวมกันได้แล้วต้องรีบดื่มให้หมดแก้ว
      
       เมื่อดื่มน้ำทุกอย่างไปสักพักสภาพร่างกายแต่ละคนจะค่อยๆ ปรับตัว ลำไส้ขยับขับถ่ายๆ บางคนถ่ายเร็ว บางคนถ่ายช้า งานนี้ “สุภาวดี” ท้องป่องเหมือนท้อง 6 เดือน ไม่ฉี่ไม่ถ่ายมีแต่ผายลมอย่างเดียวจนพี่เกร็ดดินต้องหาไม้มานวดท้อง แต่ก็ช่วยได้นิดหน่อย แบบนี้พี่เกร็ดดินวิเคราะห์ว่า “ขี้แข็งเหมือนถ่านอันตรายใหญ่หลวง”
      
       ส่วนอัญชะลี กับ ปริศนา แข่งกันถ่าย แข่งกันวิ่งเข้าส้วม ถ่ายแรกๆ เหม็นคลุ้งไปสามบ้านแปดบ้านน่าอายยิ่งนัก พอถ่ายบ่อยๆ เข้ากลิ่นต่างๆ ก็คลี่คลายลง จากกากเน่าเหลือแต่น้ำเสีย และสุดท้ายก็แผ่วหายเหลือไว้แต่ผายลม
      
       คืนนั้นทั้งคืนสิ้นเรี่ยวหมดแรง ไม่หิวไม่กิน ดื่มแต่น้ำหญ้า และถ่ายท้องระบายของเสีย ซึ่งเราปิดฉากการล้างพิษด้วยการดื่มน้ำขิงแก่จัดๆ ร้อนๆ ชุ่มคอชื่นใจไปนอนหลับฝันดีฝันเห็นสุขภาพดี และผอมสวยร่าเริง
      
       วันสุดท้ายของการล้างพิษ 3 วัน พี่เกร็ดดินให้พวกเราต้อนรับชีวิตใหม่ และท้องไส้โล่งโจ้งด้วย “ซุปผัก” สุขภาพ และน้ำสะระแหน่ 5 ถ้วย พร้อมน้ำขิงตามชอบใจ หลังอาหารเช้าเราถ่ายแบบสบายๆ อีกครั้ง ก่อนเก็บของกลับบ้านด้วยตัวเบาหวิว
      
       เนี่ยถ้าเข้าโครงการแบบพี่วีระต้องดื่มน้ำหญ้าต่อเนื่อง และน้ำมันละหุ่งล้างถุงน้ำดี ตับ ไตด้วย ซึ่งพี่วีระบอกว่า ทรมาน ปวดหัวสลับปวดท้องไม่ได้หลับได้นอน ถ่ายท้องจนนอนกอดส้วมนั่นเชียว
      
       หลังเสร็จสิ้นการล้างพิษสูตรเร่งรัด พวกเราร่ำลาพี่เกร็ดดิน พี่อำนาจ และพี่ๆหลายคนในศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษด้วยตัวเบาโล่ง หน้าท้องแบนเรียบ และลมหายใจสะอาด เมื่อออกจากวังน้ำเขียวได้แวะเที่ยวชมไร่ผักสุดสวย และสูดโอโซนที่ได้ชื่อว่าหนาแน่นอันดับ 7 ของโลกกลางวังน้ำเขียวให้ชื่นใจ
      
       เ มื่อฟอกปอดจนสะอาดดีแล้วก็เลี้ยวรถออกมาร่าเริงกันต่อที่ไร่พีบีของเบียร์สิ งห์ ที่ปากช่อง ฉะนั้นอย่าให้เสียเที่ยวเลยดื่มไวน์ขาว ตราสวัสดีของค่ายสิงห์ไป 1 ขวด ...ถือเป็นการฉลองชัยในสัปดาห์ล้างพิษ....อู๊ยดีใจสุขภาพแข็งแรงราวฝันในพริ บตา ....เอาดื่ม Cheers.  

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000148374

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ3 มกราคม 2552 เวลา 09:16

    สนใจ“ศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษ” บ้านน้ำซับ อ.วังน้ำเขียว ,kd8iy[

    อยากไปเยี่ยมชม

    กรุณาอธิบายวิธีเดินทาง หรือขอ แผนที่ หรือเบอร์โทร ชื่อผู้ติดต่อด้วยครับ

    ขอบคุญมากครับ

    สมชัย ดีดี
    Somchaideedee@gmail.com

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ5 มกราคม 2552 เวลา 10:55

    คุณสมชัย ครับ

    ผมว่าลองเดินทางไปที่ อ.วังน้ำเขียวเลยนะครับ
    จะไปโดยรถส่วนตัวหรือรถทัวร์ก็ได้
    แล้วสอบถามคนในพื้นที่
    จะได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดีครับฃ


    ขอให้โชคดีครับ
    จุติ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ11 มกราคม 2552 เวลา 12:38

    ดิฉันและเพื่อนสนใจ ล้างพิษสูตรควายสะอื้น ของคุณเกร็ดดิน
    เป็นอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง และหากเดินทาง
    โดยรถทัวร์ จะไปลงที่ไหน แล้วต่อไปจะทำอย่างไร และมีค่าใช้จ่าย
    อย่างไรบ้าง และต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง สนใจจริง ๆ ค่ะ
    ดิฉันเป็นแฟน ASTV ค่ะ ช่วยตอบด่วนนะคะ

    ขอบคุณมากค่ะ
    รวีวรรณ
    มกราคม 10 2009 11.37

    ตอบลบ