++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ว่าด้วยเรื่อง “สื่อ”

โดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์ 25 ธันวาคม 2551 16:55 น.

ใกล้ปีใหม่ว่าจะเขียนแต่เรื่องดีๆ ก็มีอันต้องล้มเลิกความตั้งใจไปฉับพลัน เพราะรู้สึกอดรนทนไม่ได้กับปรากฏการณ์ “มั่วข่าว” กรณีที่มีนักข่าวตาน้ำข้าวนามว่า Thomas Bell ตีพิมพ์บทความโจมตีรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของไทย นายกษิต ภิรมย์ ลงหนังสือพิมพ์ The daily telegraph โดยตีพิมพ์เมื่อ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา
      
       พาดหัวของบทความเจ้าปัญหา เขียนว่า “Bangkok airport protests were fun, says Thailand's new foreign minister” เห็นได้ชัดว่า ผู้เขียนจงใจจะตัดตอนคำพูดเพียงบางประโยคของรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เพื่อนำมาใช้สื่อสารในทางที่ทำให้คนอ่านเกิดความเข้าใจผิด สับสน และอาจทำให้มองได้ว่า ผู้พูดขาดวุฒิภาวะ ทั้งที่เป็นถึงรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ แต่กลับทำเรื่องไม่เหมาะสม ด้วยการออกมาพูดสนับสนุนการบุกยึดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย ทั้งยังกล่าวชื่นชม การกระทำอันอุกอาจว่าเป็นเรื่องสนุกสนาน (แม้ว่าความจริง มันจะสนุกแค่ไหนก็ตาม)
      
        และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ คือ ทันทีที่มีการเผยแพร่บทความดังกล่าวออกมา นักข่าวบ้านเราหลายสำนักก็กระโดดคว้าประเด็นนี้มาเล่นต่อ โดยไม่มีการทำการบ้านแม้แต่น้อยว่า ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีดีกรีเป็นถึงอดีตทูตหลายสมัย หลายประเทศ และเป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่ได้รับการกล่าวขาน เรื่องความสามารถในหน้าที่การงาน ความซื่อสัตย์ และความเสียสละตลอดชีวิตราชการ ได้พูดประโยคดังกล่าวออกมาจากปากจริงหรือไม่ ถ้าพูด- พูดในบริบทใด พูดกับใคร และต้องการจะสื่อความที่แท้จริงว่าอย่างไร
      
       เรื่องราวลุกลามบานปลายถึงขนาดที่นักข่าวได้นำประเด็นดังกล่าวไปสัมภ าษณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า รัฐมนตรีต่างประเทศท่านนี้จะเป็น “สายล่อฟ้า” ทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ ทั้งที่ถ้าวัดตามคุณวุฒิ ประสบการณ์ และชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชั่วอายุการทำงาน คนระดับนายกษิต ภิรมย์ นายกรณ์ จาติกวณิช ก็ดี น่าจะถูกจัดอยู่ในระดับเป็น “จุดขาย” ของรัฐบาลมาร์ค 1 ด้วยซ้ำไป
      
       แต่โชคดีที่ประเด็นนี้มากระจ่างได้ หลังคอลัมนิสต์อาวุโสอย่าง “กาแฟดำ” ช่วยไขข้อข้องใจให้ฟังในหน้า 2 ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันพุธว่า ในบทความของนักข่าว Daily Telegraph ก็มีการยอมรับว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยผู้นี้ยังได้พูดอีกสองประโยคสำคัญ (ซึ่งสำคัญกว่าที่มันเอาไปพาดหัวเสียอีก) ว่า “Look at it (the PAD) as pushing the process of democratization forward.” “ขอให้มองดูการรณรงค์ของพันธมิตรฯ เป็นการผลักดันกระบวนการประชาธิปไตยไปข้างหน้า...”
      
       และ “You should be happy that for the first time ordinary people came out in full force to oppose corruption,” he said. “If society has to be changed it has a price.”
      
       “คุณควรจะดีใจที่เป็นครั้งแรกที่ประชาชนธรรมดาออกมาต่อต้นคอร์รัปชัน อย่างเต็มที่... และถ้าสังคมต้องการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมีราคาที่จะต้องจ่าย...”
      
       ซึ่งเป็นการสะท้อนจุดยืนเรื่องการส่งเสริมประชาธิปไตย และการต่อต้านคอร์รัปชัน ล้วนเป็นการตอกย้ำคุณธรรม และค่านิยมที่เป็นสากลทั้งสิ้น
      
       นอกจากนี้ ในท้ายบทความของนาย Thomas bell ที่อ้างคำพูดของนายกษิต ภิรมย์ที่ว่า ภริยาของเขาก็ยังเข้าไปร่วมการรณรงค์ดังกล่าว โดยมีเพียงอาหาร และยาติดมือติดไม้ไป ซึ่งหากจะมองให้เป็นธรรม จะเห็นว่าผู้พูดเพียงต้องการจะชี้แจงให้ทูตต่างประเทศเข้าใจว่าสถานการณ์ในป ระเทศไทยไม่ได้เลวร้ายและรุนแรงอย่างที่เป็นข่าว หากแต่เป็นเพียงการชุมนุมอย่างสงบของประชาชนที่ไม่ยอมรับอำนาจการบริหารงานข องรัฐบาลนอมินีเท่านั้น
      
       ที่น่าสังเกต คือ บทสนทนาระหว่างนายกษิต ภิรมย์ กับทูตหลายประเทศ ที่นาย Thomas bell หยิบมากล่าวอ้าง ไม่ได้ถูกอธิบายว่า มีบริบทของการสนทนาระหว่างสองฝ่ายเป็นแบบไหน เป็นการพูดอย่างทางการ? พูดในเวทีสาธารณะ? หรือพูดในวงนักการทูตที่สนิทชิดเชื้อ ในฐานะอดีตผู้ร่วมอาชีพ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เป็นการพูดก่อนหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ
      
       อย่างไรก็ดี เรื่องนี้จบลงที่ตัวท่านรัฐมนตรีกษิต ภิรมย์ ได้ออกมาชี้ความจริงทั้งหมดด้วยตนเอง สำทับด้วยคำอธิบายจากนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรองนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
      
       แต่ผู้เขียนเห็นกรณีของรัฐมนตรีกษิต พาลให้นึกถึงอีกหลายกรณี ที่พี่น้องสื่อสารมวลชนบ้านเราทำหน้าที่ที่อาจจะเรียกได้ว่าเข้าขั้นบกพร่อง จะด้วยความตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเต้าข่าวของ สำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่ว่า ผู้นำเบอร์มิวด้าเสนอรับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ ทั้งที่ผู้นำประเทศนั้นๆ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรที่ว่านี้ด้วยเลย
      
       หรือแม้แต่กรณีที่ทำร้ายหัวใจคนไทยด้วยกันอย่างยิ่ง ที่มี หนังสือพิมพ์บางฉบับ ป้ายสีศิลปินหัวใจบริสุทธิ์เหยื่อการสลายการชุมนุม 7 ตุลาเลือด โดยกล่าวหาว่า มือขวาของพี่ชายของเรา ‘พี่ตี๋’ ชิงชัย เจริญอุดมกิจ กำระเบิด ทั้งที่แพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดียืนยันว่า มันเป็นแค่พวงกุญแจบ้านธรรมดาๆ เท่านั้นเอง เรื่องนี้เครือข่ายศิลปินเห็นว่า ควรจะต้องหาวิธีสั่งสอนสื่อมักง่ายเหล่านี้ ให้หลาบจำกันบ้าง จึงให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาลกันอยู่ด้วย
      
       ส ่วนกรณีที่ถือว่า คลาสสิกที่สุด ผู้ตกเป็นเหยื่อถูกสื่อมักง่ายนำไปบิดเบือนความจริงกลายเป็น “พระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า” โดยถูกกล่าวหาว่ามีมือดีขึ้นไปควักพระเนตร ทาขี้ผึ้งทำคุณไสย แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ ..โธ่นี่ถ้าพระพรหมท่านขอใช้สิทธิถูกพาดพิงฟ้องร้องดำเนินคดีได้ คงมีเรื่องให้พี่น้องร่วมอาชีพเราได้อับอายขายหน้า เพิ่มอีกคดีเป็นแน่

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000151687


manager น่าจะรวบรวม กรณีที่สื่อบิดเบือนมาเป็นเคสๆไปเลย ทำเป็นสกู๊ปเฉพาะไปเลย จะเล่นงานสื่อพวกนี้ ต้องเอาข้อเท็จจริงมาย้ำครับ

ผมจะลองเสนอ list ให้นะครับ ทาง manager ช่วยเพิ่มรายละเอียดและข่าว

- กรณีไทยรัฐลบพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง
- กรณี 7ตค ภาพมือขาด ขาขาด
- กรณีข่าวพระราชทานสัมภาษณ์ของสมเด็จพระเทพ ที่ข่าวสดและมติชนมาลงบิดเบือน และ จม ตอบโต้ของ มรว ปนัดดา ดิศกุล + พล ต อ วสิฐ เดชกุญชร
- กรณี INN กับข่าวผู้นำเบอรมิวด้า รักทักสินมาก
- กรณี Forbs เสนอข่าวว่าในหลวงเรารวยที่สุดในโลกและการชี้แจงของสำนักราชวัง
- กรณียึดสนามบิน การเสนอข่าวในแง่ความเสียหายที่ตีตัวไปก่อนไข้ มากกว่าเสนอที่มาที่ไป
- กรณีท่านทูต กษิต
- กรณีพระพรหมไทยคู่ฟ้า
ฯลฯ

ให้ชื่อบทความว่า รวมฮิตข่าวทำลาย พธม ก็ดีครับ
แล้วเดี๋ยวพวก พธม เราก็ก๊อบแล้ว forward ให้ว่อนไปทั่วทุก email เลยครับ จะได้เปิดก้นพวกสื่อจอมปลอมเหล่านี้ให้โล่งโจ้งไปเลย
ลูกจีนแซ่ลิ้ม


น้องเก๋ เหรอ ตอนแรกๆผมไม่ค่อยชอบเลย ผมว่าน้ำเสียงน้องเขาแปลกๆนะ แต่ก็มีอยู่วันหนึ่งที่ทำให้ผมประทับใจน้องเขาไม่มีวันลืม ก็คือวันที่เราไปบุก NBT ตอนขณะที่ พธม กำลังเดินกลับ(เดินกลับน่ะครับ) จาก NBT วิภาวดี เพื่อที่จะกลับไปทำเนียบ(หลังจากพี่น้องเราเข้าไปยึดไว้ตั้งแต่บ่าย) มี พธม ร่วมเดินกลับประมาณหมื่นคนได้ครับ ขณะที่เดินมาถึง อนุสาวรีย์ชัยฯผมอยู่หัวขบวนใกล้ๆกับเวทีรถหกล้อ ซึ่งมีคุณอมร นำทัพ เราก็ได้หยุดรอเพื่อนๆเราที่อยู่ข้างหลังซึ่งหัวแถวอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้าเสาว รีย์ แต่ท้ายแถวยังอยู่ประมาณอุโมงค์รอดที่จะไปดินแดง ขณะที่นั่งหยุดรอนั้นเราได้ทำการปิดเลนถนนไปสองเลน คือนั่งพักตรงทางโค้งอนุเสาวรีย์ฯพอดี ก็ร้องรำทำเพลง มีการปราศัยให้พี่น้องแถวนั้นได้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองนี้บ้าง และเหตุผมของเราที่ออกมาทำอย่างนี้เพราะอะไร และก็ขออภัยพ่อแม่พี่น้องที่เดือดร้อนเพราะการจราจรติดขัด (ตอนนั้นประมาณหกโมงเย็นแล้ว) คนยืนดูพวกเราเยอะมากบนสถานนีรถไฟฟ้า บางคนก็ถ่ายรูปบางคนก็โบกมือให้ พอพักได้สักครึ่งชั่วโมง เพื่อนๆเราก็มากันพร้อมจัดขบวนที่จะเริ่มเดินกลับทำเนียบกัน ขณะที่พี่อมรกำลังบอกให้เราเคลื่อนขบวนนั้น ก็มีเสียงมาจากนายท่ารถประจำทาง(ใครเคยผ่านอนุสาวรีย์ฯ คงพอรู้น่ะครับว่าจะมีนายสถานีรถประจำทางคอยบอกว่ารถคันนี้ไปไหนบ้าง) ผมก็ได้ยินแว่วๆว่าคล้ายๆว่า เขาว่า พธม รีบๆไล่ให้ไป ทำรถติด พอพี่อมรได้ยินแค่นั้น ก็เลยบอกว่าคุณไม่รู้เหรอว่าพวกเราทำเพื่ออะไร แต่พี่อมรไม่พูดอะไรต่อมาก พี่แกบอกว่า เอ้า น้องเก๋ ช่วยอธิบายหน่อยสิว่าอะไรเป็นอะไร พอน้องเก๋ คว้าไมค์ได้ น้องก็เริ่มเลยครับ "คุณพี่คะ คุณรู้ไหมว่าที่พวกเราออกมาเนี่ย เราทำให้พวกพี่ไม่ตกงานน่ะ เรื่องรถเมล์ หกพันคันที่นายสมัครจะซื้อ มันโกงภาษีเราไปคันล่ะเท่าไร มันได้หัวคิวคันล่ะล้าน ถ้ามันสั่งเข้ามาแล้วพวกพี่พี่จะตกงานกันอีกเยอะน่ะค่ะ แล้วเรื่องจาบจ้วงล่วงละเมิดในหลวง ในเวปไซด์ของสภายังเอาคำปราศัยของนายจักรภพ มาแปลลงเลย ฯลฯ " และลงท้ายว่า พี่น้องที่อยู่ที่นี่พี่น้องอาจจะไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้มาก่อน พี่น้องไม่ต้องเห็นด้วยกับเรา แต่ขอให้พี่น้องถ้ามีเวลาว่างๆก็ไปนั่งหาความรู้ได้ที่ ที่ชุมนุมของ พธม ยินดีต้อนรับทุกคน ขอให้พี่น้องที่อยู่ที่นี่เข้าใจในสิ่งที่ พธม ทำ เราทำเพื่อประเทศชาติ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง พอจบเท่านั้นแหล่ะ เสียงเหล่า พธม เฮฮฮฮ กันดังลั่น แต่ผมไม่เห็นหน้านายสถานีคนนั้นน่ะครับว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ผมว่า สิ่งที่น้องเก๋พูด ณ ที่ตรงนั้น ได้ใจ คนที่ไม่เคยมองเห็นการต่อสู้ของ พธม ได้อีกเยอะเลยน่ะครับ และจากนั้นผมก็ชื่นชมน้องเก๋ มากขึ้นด้วยครับ กับผู้หญิงตัวเล็กๆที่ออกมาต่อสู้กับคนมีอำนาจ น้องเขาเก่งและแกร่งขึ้นมาเยอะเลยครับ ชื่นชมน้องเก๋ น่ะครับ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นน้องก็เป็นหนึ่งที่ผมชื่นชม ผู้หญิง ASTV ขอบอกว่า เก่งและแกร่ง ทุกท่านครับ ขอให้มีความสุขหลังการแต่งงาน น่ะครับ
ต้น  

ฮ้โย่ว เฮ้ โย่ว โย่ว... เอ้า เฮ้โย่ว เฮ้ โย่ว โย่ว...
ช่องสาม มีละครน้ำเน่า สรยุทธเรื่องเล่า แก๊งชะนีไฉไล

สรยุทธ์ กรรมกรข่าว เวลาเช้าๆ ใส่สีตีไข่
ตกเย็น ทำตัวเป็นบ่าง ถามข้าง เหยียบข้าง อยู่ที่ได้เงินใคร

หนังดี เสื้อสวย ฟังแล้วจะอาเจียน โฆษณา เนียนๆ พวกคุณต้องจ่ายเท่าไร
กรรมกรเค้า หาเช้ากินค่ำ สรยุทธ์ ล่ำซำ คุณกอบได้โกยไป

โฆษณา เต็มช่อง ยังไม่พอ มันก็ยังเอาต่อ กินนอกกินใน
มีเมีย แล้วก็ไม่เคยบอก ถ้าน้องจะไปข้างนอก พี่จะออกให้

พิธีกรร่วม ถูกกดเป็นทาส ตอนออกอากาศ ก็คิดว่ากูใหญ่
ปุณยวีร์ พี่ก็นั่งตัวแกร็ง นั่งนึกเซ็งๆ ด่ากูได้ ด่าไป

มีสุข เธอนั้นใสซื่อ นอกจากนั่งบื้อ เธอยังชอบปล่อยไก่
คุณปลื้ม มันอยากออกทีวี ทำไม่กี่ที ก็ถูกไล่ออกไป

เอกราช นั้นชอบหมกมุ่น ถ้าไม่มีบอลลุ้น ก็ไม่สนเรื่องใด
กุ๊กกิ๊ก ทำตัว แอ๊บแบ้ว อ่านเบื้องหลังแล้ว เธอแสนเร้าใจ

เนื้อหา แค่เพียงน้อยนิด แต่ชอบเบือนบิด เอาอกเอาใจ
ข่าวการเมือง เป็นเรื่องสำคัญ แต่คำพูดมัน ทำเป็นเล่นไป

ตำรวจบาดเจ็บ มันบอกเพื่อชาติ แต่พันธมิตรขาขาด มันถามเพื่อใคร
ข่าวระเบิด มันไม่เอามาเปรียบ แต่เก้าอี้ทำเนียบ ละสุดแสนเศร้าใจ

ม๊อบเสื้อแดง ไม่เคยประณาม พอเสื้อเหลืองถาม มันบอก ชักเอาใหญ่
สุริยะิใส ไม่เคย ออกอากาศ ทีสามเกลอหัวขาด รีบออกข่าวฉับไว

ข่าวน้องโบ มันก็ไม่เคยออก แต่พอลิเดียช้ำชอก มันบอกเห็นใจ
ปิดสนามบิน บอกชาติย่อยยับ แต่คนโกงถูกจับ บอก "ก็ว่ากันไป"

อดีตนายก มันเรียกคุณ เรียกท่าน แต่คนปัจจุบัน "อภิสิทธ์" แล้วไง
เมื่อก่อน มันทำคลิป สมานฉันท์ แต่พอปัจจุบัน คลิป เนวิน เปลี๋ยนไป

บ้างเมือง ละไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่เรื่องปลอมแบงค์พัน มันโวยวายยกใหญ่
เป็นกรรมกร ยังต้องมีจรรยา สุทัศนจินดา คุณแมงดาข่าวไทย

เฮ้โย่ว เฮ้ โย่ว โย่ว... เอ้า เฮ้โย่ว เฮ้ โย่ว โย่ว...

.
.

แร๊พนี่เอามาจาก Board ของ Sanook
เก็บมาฝาก จาก Pantip
ชอบมาก

1 ความคิดเห็น: