++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ทางของพันธมิตรฯ กับ ปชป.

โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ     18 ธันวาคม 2551 16:16 น.
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมตั้งคำถามถึงการดึงกลุ่มเนวินเข้ามาร่วมรัฐบาล ในท่วงทำนองว่า คุณอภิสิทธิ์จะทำอย่างไรกับกรณีของเอ็นบีที คดีทุจริตต่างๆ ที่คดีค้างคาของตระกูลชิดชอบ รวมถึงคดีทุจริตที่ดินการรถไฟฯ
      
       คำถามเหล่านี้กลายเป็นคำถามที่ทิ่มแทงใจพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิ ปไตยบางคน และคนที่กลัวว่าอำนาจของระบอบทักษิณจะกลับคืนมาอีก จนกระทั่งผมอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า 193 วันของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้หล่อมหลอมมวลชนพันธมิตรฯ ให้รู้จักแยกแยะความผิดถูกชั่วดีได้เลยหรืออย่างไร
      
       เพราะผมหวังว่า คนที่ผ่านการบ่มเพาะมาจากการต่อสู้กับพันธมิตรฯ ตลอด 193 วัน เพื่อเรียกร้องการเมืองใหม่ จะต้องกล้าตั้งคำถามต่อความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
      
       ที่สำคัญ คำถามเหล่านั้น เป็นความผิดที่เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว เป็นประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเอามาทิ่มแทงรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ไม่ใช่เป็นการด่วนวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ยังไม่ลงมือทำอะไร
      
       แน่นอนว่า ผมก็เหมือนกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยส่วนใหญ่ที่เห็นดีเห็นงามด้วย ที่คุณอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะคิดว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ระบอบกำหนดให้เราเลือก แต่ไม่ใช่ว่าคุณอภิสิทธิ์จะทำอย่างไรก็ได้ แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เราเคยต่อต้านพรรคพลังประชาชน หรือเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เองเคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคพลังประชาชนว่า ทำไม่ถูกต้องมาก่อน
      
       วันนี้ประเทศไทยได้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ชื่อว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่า การให้สัมภาษณ์คำพูดคำจาของคุณอภิสิทธิ์จะออกในลักษณะที่ทำให้เห็นว่า เขาไม่ใช่พวกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างที่ใครๆ เข้าใจกันก็ตามที
      
       คุณอภิสิทธิ์อาจคิดเพียงว่า การพูดเช่นนั้นอาจทำให้กลุ่มเสื้อแดงไว้วางใจคุณอภิสิทธิ์มากขึ้น และทำให้เห็นว่าเขาเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของคนที่ลงคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์มา ซึ่งจะทำให้เกิดการสมานฉันท์ในชาติขึ้นมาได้
      
       ผมเข้าใจว่า คุณอภิสิทธิ์อาจจะจำเป็นต้องพูดเช่นนั้น เพื่อให้คนเสื้อแดงวางใจว่า เขาไม่ใช่พวกคนเสื้อเหลือง แม้จะรู้ว่าคนเสื้อแดงไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากทักษิณได้ ไม่ใช่พูดเช่นนั้นเพราะคุณอภิสิทธิ์เข้าใจแบบตื้นๆ ว่า เรื่องเสื้อแดงกับเสื้อเหลืองเป็นแค่เรื่องคนสองฝ่ายทะเลาะกัน
      
       เพราะคนฉลาดอย่างคุณอภิสิทธิ์ก็คงรู้อยู่แล้วถึงที่มาที่ไปของม็อบเสื้อแดงเหล่านี้ และที่มาที่ไปของการแบ่งสีของคนไทยในชาติ
      
       คุณอภิสิทธิ์คงจะรู้อยู่แล้วว่าที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ไม่ได้ลุกขึ้นมาทะเลาะกับคนเสื้อแดง แต่พันธมิตรฯ ลุกขึ้นมาเปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ แล้วระบอบทักษิณได้จัดตั้งกลุ่มอันธพาลเสื้อแดงออกมาต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ศัตรูของพันธมิตรฯไม่ใช่กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งส่วนใหญ่เป็นรากหญ้าที่ถูกชักจู งด้วยข้อมูลที่ผิดๆ แต่เป็นระบอบทักษิณที่ชั่วช้า
      
       และสำคัญก็คือว่า ที่ผ่านมา คนในพรรคประชาธิปัตย์ก็คงจะยอมรับว่า ที่พันธมิตรฯ ออกมาต่อสู้นั้นเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ความชั่วช้าของระบอบทักษิณที่พันธมิตรฯนำมาเปิดโปงนั้นเป็นเรื่องจริง หรือพูดอย่างตรงไปตรงมาพรรคประชาธิปัตย์ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้แม้แต่น้อยว่า การก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคุณอภิสิทธิ์ก็มาจากการต่อสู้ของพันธมิตรฯ นั่นเอง
      
       พันธมิตรฯ ส่วนใหญ่เองก็เป็นคนที่ลงคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาลและอยากให้อภิสิทธิ์ได้เป็นนายก รัฐมนตรี ตอนนี้พันธมิตรฯ ส่วนใหญ่ก็ปลื้มประชาธิปัตย์ ปลื้มคุณอภิสิทธิ์ จึงมีเสียงค่อนแคะน้อยใจเมื่อพันธมิตรฯ หรือเอเอสทีวีไปวิพากษ์วิจารณ์ท้วงติงประชาธิปัตย์ ทั้งๆ ที่เป็นเสียงท้วงติงของกัลยาณมิตร
      
       ขณะเดียวกันก็มีพันธมิตรฯ จำนวนไม่น้อยบ่นน้อยใจอยู่บ้างต่อท่าทีของคุณอภิสิทธิ์ต่อพันธมิตรฯ ที่พูดให้เข้าใจเป็นนัยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นั้นก็มีส่วนมาจากการที่พันธมิตรฯ ยกกำลังเข้าไปปิดสนามบินอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่า พันธมิตรฯ ทุกคนก็ยังเอาใจช่วยเพื่อให้คุณอภิสิทธิ์นำพาประเทศไปรอดให้ได้ในสถานการณ์ท ี่เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ภาวะที่กำลังล่มสลาย
      
       วันนี้ผมดีใจมากที่มีเสียงเรียกร้องมากมายจากนักวิชาการ คอลัมนิสต์ ว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคกัน ซึ่งผมเห็นว่า เป็นเรื่องดี น่าจะได้ยินคนเหล่านี้ออกมาเรียกร้องตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชนแล้วว ่า ควรจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคกัน ไม่ใช่ทำและเร่งแต่คดีพันธมิตรฯ อย่างเดียว
      
       เพราะความหมายของน้ำเสียงเหล่านั้น คือ การเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว คดีของพันธมิตรฯ ทั้งหมดเกือบทุกคดีอยู่ในระหว่างการดำเนินการของตำรวจ แต่คดีของระบอบทักษิณต่างหากที่ตำรวจไม่เคยหยิบยกมาดำเนินการเลย หรือไม่ก็หาทางหน่วงเหนี่ยวให้ล่าช้าไปเสียสิ้น
      
       ดังนั้นพวกเราน่าจะตั้งคำถามมากกว่าว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์จะทำให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างไรกับคนในระบอบทักษิณที่ยังค้ างคา เตะถ่วงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคดีของนายขวัญชัย ไพรพนา ที่พาพวกไปไล่ฆ่าพันธมิตรฯ ที่อุดรธานี คดีบุกบ้านป๋าเปรม คดีนายจักรภพ รวมไปถึงคดีของตระกูลชิดชอบ คดีตำรวจทำร้ายประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม คดียิงระเบิดเอ็ม 79 ที่ทำเนียบรัฐบาล และดอนเมือง ฯลฯ
      
       แล้วต้องมาดูด้วยว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำและไม่เสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมายคืออะไร คำตอบก็คือ การใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมของตำรวจ ซึ่งเป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณในการสร้างรัฐตำรวจขึ้นมากดขี่ข่มเหงประชา ชนที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่ออำนาจรัฐของระบอบทักษิณนั่นเอง
      
       แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์จะสลายรัฐตำรวจเพื่อให้ตำรวจกลายมาเป็นตำรวจของประชาชนอย่างไร
      
       ที่สำคัญที่ผมตั้งคำถามตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และยืนยันจะตั้งคำถามนี้ต่อไปว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะจัดการอย่างไร ที่บริษัท ดิจิตอล มีเดียฯ ซึ่งมีเนวินอยู่เบื้องหลังที่เข้าไปยึดสัมปทานช่อง 11 และเป็นประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์เคยนำมาอภิปรายอย่างเผ็ดร้อนมาก่อน
      
       คุณอภิสิทธิ์พูดในวันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า “รัฐบาลภายใต้การนำของผมจะยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค และจะเคารพกระบวนการและเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย”
      
       ผ มคิดว่า คุณอภิสิทธิ์คงปรารถนาที่อยากจะให้พันธมิตรฯ ช่วยกันตรวจสอบความไม่ถูกต้องของรัฐบาลตัวเองและประคับประคองรัฐบาลให้อยู่ใ นทำนองคลองธรรมไปพร้อมๆ กันด้วย
      
      
       surawhisky@gmail.com

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000148865


1. ผมเห็นใจและเข้าใจคุณสุรวิชช์ ทุกวันนี้เรื่องของคุณธรรมคงเป็นเรื่องที่พูดกันลำบาก และดูเหมือนจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อกันไปหมดแล้ว แม้ในกลุ่มบุคคลที่เรียกตัีวเองว่า เป็นพันธมิตร ซึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนมีจุดยืนว่า จะไม่ปรองดองสมานฉันท์กับโจร แถมยังด่ากลับต่อบุคคลที่ออกมาแนะนำให้ถอยคนละก้าว แต่มาวันนี้ฟ้าช่างเปลี่ยนสีได้รวดเร็ว เพราะทุกคนดูเหมือนจะลืมความสกปรก ความเลวร้ายต่าง ๆ ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่เคยเป็นกำลังสำคัญหนุนหลังต่อสู้กับเหล่าพันธมิตรอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ แต่ในที่สุดการต่อสู้ที่ป่าวประกาศว่า ทำเิพื่อประเทศชาติ ราชบัลลังก์ เป็นเพียง "การเตะหมูเข้าปากหมา" ทั้ง ๆ ที่ชัยชนะแห่งความชอบธรรมนั้นอยู่ตรงหน้า สามารถจะดึงอำนาจกลับมาสู่มือของประชาชนผู้รักชาติ แต่วันนี้กลับถูกประกายจ้าสีขาวของบุคคลเพียงคนเดียว คือ นายกมาร์ก จนทำให้ทุกคนตาพร่าลาย มองไม่เห็นภัยอันตรายที่แฝงตัวอยู่ สภาพการณ์ในวันนี้ช่างไม่ต่างจากเหตุกาณ์ที่คนไทยเคยบ้าทรราชหน้าเหลี่ยม ที่คิดว่า จะเป็นอัศวินมากู้ชาติ คนไทยเราช่างคลั่งไคล้ตัวบุคคลเสียจนมองข้ามหลักการ นายกมาร์กอาจไม่ใช่คนสกปรกเหมือนไอ้เหลี่ยม แต่กำลังเพียงคนเดียว ย่อมไม่สามารถจะฉุดชาติให้พลิกจากร้ายกลายเป็นดีได้แน่นอน ช่างตลกสิ้นดี ที่เหล่าผู้รักชาติต่างออกไปตากแดด กรำฝน ทนต่อความเจ็บกาย เจ็บใจ เพื่อหวังจะช่วยกู้ชาติ บ้้านเมือง แต่ในที่สุดอำนาจก็กลับเข้าสู้มือของนักการเมืองน้ำเน่าพวกเดิมโดยที่ไม่ต้อ งออกแรง

2. เหล่าพันธมิตรเคยฉุกคิดกันบ้างไหมว่า ในขณะที่พวกท่านออกแรงต่อสู้เพื่อชิงบ้านชิงเมือง ชิงอำนาจจากพวกทรราช นักการเมืองที่วันนี้ท่านต่างปลาบปลื้มดีใจ ทำไมเขาถึงไม่ออกมาแสดงพลังอะไรกับท่าน เพราะเขาอ่านเกมนี้ออกว่า ในที่สุดพวกทรราชจะต้องถูกศาลตัดสินให้หมดอำนาจทางการเมืองไป เขาถึงไม่ออกมาร่วมเรียกร้องอะไรกับท่าน เพียงนั่งเฉย ๆ รอเป็นตาอยู่ที่จะเข้ามาเสวยอำนาจต่อไป และนี่เป็นเกมที่นักการเมืองเป็นผู้กำหนด เหล่าพันธมิตรเป็นเพียงตัวช่วย และถึงวันนี้นักการเมืองกลุ่มเดิม ก๊วนเดิมก็กลับเข้ามามีอำนาจได้เหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนสี เปลี่ยนเสื้อ ถึงกลับทำให้ท่านหลงลืมกันไปหมด

3. มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกว่า คนในบ้านเมืองนี้จมอยู่ในวังวนอุบาทก์มานานจนเคยชิน แต่วันหนึ่งวังวนนี้มันมีกำลังแรงขึ้นและดูดผู้คนให้จมลงสู่ความมืดมิดอย่าง รวดเร็ว คนส่วนหนึ่งเริ่มหายใจไม่ออก จึงร้องบอกกัน จนคนส่วนใหญ่เริ่มตื่นตัวและต่างช่วยกันต่อสู้ตะเกียกตะกายกันสุดความสามารถ และในที่สุดก็สามารถผ่านพ้นกันขึ้นมาหายใจได้ แต่แทนที่จะว่ายออกมาและปีนขึ้นไปให้พ้นจากวังวนนี้ให้ไกลที่สุด เพื่อความปลอดภัย แต่กลับมีคนบางคนร้องบอกว่า "แค่นี้ก็พอแล้ว" และทุกคนก็เหมือนจะกลับไปสูู่้ความเคยชินอย่างเดิม ต่างบอกต่อ ๆ กันอื้ออึงไปว่า "พอแล้ว ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว" ส่วนคนที่มีสติปัญญามากหน่อยก็พยายามร้องเตือนสติว่า "แค่นี้ ยังมีอันตรายรออยู่ เพราะในที่สุดก็จะกลับไปเหมือนอย่างเดิม" แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครฟัง

4. บางคนที่บอกว่า "ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว จะให้ดีบริสุทธิ์ผุดผ่องคงรอชาติหน้า" นั่น คงเป็นพวกที่มีแนวคิดว่า โลกนี้ไม่มีสีขาว ไม่มีสีดำ มีแต่สีเทา ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่ถูกต้องกับโลกของความเป็นจริง แต่คงลืมไปว่า ในโลกหรือประเทศที่พัฒนาแม้ไม่มีสีขาว แต่เขาก็พยายามจะแยกสีดำออกจากสีขาว โลกของเขาจึงเป็น "สีเทาขาว" แต่ในโลกของคนที่ความคิดไม่พัฒนาจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม คือ พยายามจะเอาสีดำเข้ามาปนกับสีขาว จึงทำให้โลกของคนกลุ่มนี้จึงเป็น "สีเทาดำ" ที่พร้อมจะเป็นสีดำสนิทอยู่เสมอเมื่อเหตุ-ปัจจัยและตัวบุคคลถึงพร้อม เหมือนอย่างที่ประเทศเราเผชิญอยู่ และความคิดที่เหมือนยอมสยบต่อความชั่ว "ดีได้แค่นี้ ก็ดีแล้ว" บ้านเมืองถึงยังย่ำอยู่กับที่ และดูจะถอยหลังไปเหมือนอย่างเดิม ช่างไม่ต่างจากแนวคิดของฝ่ายตรงข้ามกับพันธมิตร ที่คิดกันว่า "โกงไม่เป็นไร ใคร ๆ ก็โกงกันทั้งนั้น" เมื่อวันก่อนฝ่ายพันธมิตรเองไม่ใช่หรือ ที่ออกมาต่อสู้กับความคิดชั่วแบบนี้ แต่ถึงวันนี้กลับซึมซับความคิดนี้โดยไม่รู้สึกตัว กลับยอมก้มหัวยอมรับความดีผสมกับความชั่ว กลายเป็นความลงตัวไปแล้ว

5. คนบางคนกำลังปลาบปลื้มต่อภาพสีขาวสว่างตา โดยยกพระบรมราโชวาทมาบอกว่า คงทำให้ทุกคนเป็นคนดีไม่ได้ แต่ทำให้คนดีมีอำนาจมาปกครองคนไม่ดี ในการยกเอาพระบรมราโชวาทมาอ้างนั้น คงจะต้องศึกษาพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านอย่างละเอียดคำต่อคำ คงต้องขออัญเชิญมาให้อ่านกันอีกครั้ง “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
ทุกคำ ที่พระองค์ท่านตรัสนั้นถูกต้องทั้งเหตุผลในทางโลกและทางธรรม และเป็นเรื่องของคุณธรรมความดีทั้งสิ้น ไม่ใช่ขาวปนดำ ดีปนชั่วอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้แน่นอน คนไทยที่รักชาติลองตอบคำถามตัวเองหน่อยซิว่า การที่ท่านส่งเสริมให้นายมาร์กเป็น นายก ฯ โดยที่ต้องไปกราบกรานเฒ่าบรรหาร ยี่ห้อยเนวิน หรือนายเสนาะ มาเป็นทัพหลังสนับสนุนนั้น คนกลุ่มนี้เป็นคนดีตรงไหน นี่ยังไม่พูดถึงคนในพรรค ปชป. เองแบบนายเทพเทือก ทุกท่านต่างลืมกันง่ายว่า คนพวกนี้ทำอะไรบ้าง ในขณะที่ท่านต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และเพียงนายมาร์กคนเดียวจะควบคุมคนไม่ดีเหล่านี้ ไม่ให้มีอำนาจได้หรือ ก็ในเมื่อตัวเองยังต้องกราบกรานขอเสียงสนับสนุนจากเขา จะมีปัญญาอะไรไปควบคุมคนพวกนี้ได้ มีแต่จะเป็นหนี้บุญคุณคนชั่ว บ้านเมืองนี้จึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ตอบแทน ทุกวันนี้ก็ยังคิดกันไม่ออกให้ลองไปคิดกันดูว่า เมื่อถึงเวลาที่คนชั่วทวงบุญคุณ แผ่นดินนี้จะเป็นอย่างไร

6. พันธมิตรบางคนก็ออกมาพูดอย่างน่ากลัว น่าเลื่อมใสว่า เราจะคอยตรวจสอบรัฐบาลนี้ ถ้าทำไม่ดีเราจะออกมาเดินขบวนขับไล่กันอีก เคยคิดกันบ้างไหมว่า การเดินขบวนเพื่อต่อสู้ความชอบธรรม ไม่ใช่เดินขบวนพาเหรด ไม่ใช่การมาดูคอนเสิร์ท ทุกอย่างมันต้องมียุทธศาสตร์ มียุทธวิธี ไม่อย่างนั้นก็มีแต่ต้องแพ้ มีแต่ต้องบาดเจ็บ และเสียเลือดเนื้อ และการเดินขบวนทุกครั้งย่อมมีผู้ที่เดือดร้อนจะอ้างว่า เพื่อชาติกันบ่อย ๆ คงไม่ถูกและยังมีต้นทุนของประเทศชาติที่ต้องสูญเสียไปอีก และเคยถามตัวเองไหมว่า ทำไมการเดินขบวนถึงต้องไปหยุดอยู่ที่การยึดทำเนียบ และในที่สุดต้องยึดสนามบิน นั่นเพราะฝ่ายตรงข้ามอาศัยความได้เปรียบที่มีอำนาจอยู่ในมือ และอาศัยความหน้าด้านอำมหิต จนฝ่ายพันธมิตรเองต้องสร้างความกดดันเพื่อให้เกิดความเดือดร้อนในคนหมู่มาก แต่การทำเช่นนี้ยิ่งนานวันความชอบธรรมของพันธมิตรก็ยิ่งหมดไปด้วย โชคยังดีที่การต่อสู้ในครั้งนั้นจบลงด้วยน้ำมือของศาลรัฐธรรมนูญ จึงทำให้พันธมิตรถอยได้อย่างสง่างาม

ช่างน่าเสียดายการต่อสู้ของเหล่ าพันธมิตร ที่อุตส่าห์ร่วมสู้กันมา ที่ต้องบาดเจ็บ ล้มตาย แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นสิ่งเดิม ๆ ความมุ่งมั่นที่มีกลับปล่อยให้ถอยหลัง และความได้เปรียบอย่างวันที่ผ่านมา คงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นง่าย ๆ นับจากนี้ไปขอให้ดูกันต่อไป คงไม่นานวันจะมีการยุบสภา เมื่อถึงวันนั้นท่านจะเห็นนักการเมืองหน้าเก่า กลุ่มเดิมที่เคยปู้ยี้ปู้ยำชาติ เดินเข้าสภาอย่างสง่างามเหมือนเดิม และถ้าไอ้ยี่ห้อยไม่โชคร้ายโดนคดีกล้ายางเสียก่อน ท่านคงได้มันเป็น นายก ฯ แน่นอน และการที่จะมีนายก ฯ ชื่อเฉลิม ก็คงไม่ใช่เรื่องโกหกแน่นอน เพราะคนและเหตุ ปัจจัยทุกอย่างยังพร้อมและรอเวลาเหมือนเดิม ประชาธิปปัตย์จะได้เฉพาะภาคใต้และ กทม. บางส่วน ที่เหลือเกือบทั้งประเทศยังเป็นกลุ่มนักการเมืองเดิม ส่วนผสมก็ยังคงเป็นอย่างนี้เหมือนเดิม เพียงแต่ละครตัวใหม่ จะไม่ใช่ไอ้หน้าเหลี่ยม แต่จะเป็นพวกไอ้ยี่ห้อย

7. ส่วนท่านที่ถามหา “ทางออก” ทางออกนะมันมี แต่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่ไม่ได้จะมองหาทางออก เพราะเพียงแต่ละสายตาออกจากเส้นทางที่เดินวนกันอยู่อย่างเดิม ก็น่าจะเห็นทางออกแล้ว แต่ดูทุกคนสมัครใจที่จะเดินอยู่ในเส้นทางเดิม และที่น่าเศร้าคือ ทางออกนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่าย ๆ ต้องอาศัยโอกาส เพราะมีคนชั่วจำนวนมากที่ได้ประโยชน์จากเส้นทางเดิม จะไม่ให้ท่านออกจากเส้นทางนี้ง่าย ๆ แน่ และในที่สุดสักวันก็จะต้องกลับมาต่อสู้กันใหม่ “ถ้าบ้านเมืองนี้ยังโชคดีที่คนดียังพอมีแรงเหลืออยู่” 
ใต้บาทพระนเรศวร


--

    คุณอภิสิทธิ์ เป็นทางเลือกที่นุ่มนวลที่สุด
ดังนั้นทหารที่ไม่อยากปฏิวัติเลยต้องเลือกที่จะหนุน ปชป
โ ดยมีอุบายเอาเนวินมาเป็นพวกเพื่อสยบการเคลื่อนไหวของเสื้อแดง ขาดกลุ่มเนวินไป กลุ่มเสื้อแดงมีแต่จะอ่อนแรงลง อีกอย่างดูจาก รมว. ต่างประเทศ ได้ท่านทูตกษิต ซึ่งเป็น พธม เต็มตัวมาคลุกฝุ่นกับพวกเราตลอดไม่เคยทอดทิ้ง ดังนั้น คาดหวังว่าเรื่องทักสิน เรื่องเขาพระวิหารจะได้รับการดูแลอย่างแน่นอน

ส่วนหน้าที่ตรวจสอบ และตักเตือน รัฐบาลมาร์ค ก้ต้องเป็นของ พธม นี่แหละครับ

ผ มขอชื่นชม พธม ที่มีจุดยืนที่มั่นคง การทวงถามความยุติธรรมต้องมีต่อไป อย่าได้ลดละ เพียงแต่ในทางปฏิบัติอาจจะไม่เกิดผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย ต้องทำใจ

มองกโลบายของพวกทหาร ผมมองว่าเขาต้องการให้ ปชป เป็นรัฐบาลซักพัก เพื่อสลายกำลัง เพื่อสลายความนิยมของทักสินก่อน

สรุปว่า พธม ต้องย้ำจุดยืนต่อไปอย่างเข้มแข็ง เฝ้าระวังอย่างแข็งขัน แต่ต้องใจเย็นๆ
ลูกจีนแซ่ลิ้ม

--

    คุณ สุรวิชช์ น่าจะเสนอทางออกแบบเป็นรูปธรรม บน สถานะการณ์ปัจจุบันมากกว่า การ comment ที่อ่าน แล้วเออ ใช่มั้ง แต่แล้วทางออกล่ะ และหลายๆจุดเราก็ยังไม่เห็นด้วยกับ ณ สุรวิชช์ เพราะเราคิดว่า คุณสุรวิชช์ มองจากจุดยืนที่มองจาก พธม.ออกไป แต่คุณอภิสิทธิ์ มองจากมุมสูงที่ต้องมองเห็นทั้ง พธม นปช ปชช ฯลฯ

ความเห็นของเรา..
ต อนชุมนุม ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่ได้ฟังการปราศรัย โดยเฉพาะทุกวันจะต้องรอฟังรอลุ้นเอา ว่าวันไหนคุณสุริยะใส จะขึ้นปราศรัย และทุกครั้งไม่เคยผิดหวัง.. คุณสุริยะใส จะสรุปวันที่ผ่านมาของการต่อสู้ และทิศทางที่จะไปชัดเจน ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู ข้อได้เปรียป เสียเปรียบ โทนเสียงน่าฟัง ลำดับความคิดเป็นระบบ...ทำให้เรารู้สถานะการต่อสู้ตลอดเวลา

ห ลังจากการชุมนุมจบลง ยังคงติดตามการสนทนาทางการเมืองของ ของคุณสุริยะใส และผู้ปราศรัยคนอื่นๆ เช่นเคย แต่ความรู้สึกหลังจากฟัง คุณสุริยะใส หลายๆครั้งเปลี่ยนไป มีทั้ง ประหลาดใจ แปลกใจ ไม่เข้าใจ บางทีไม่เห็นด้วย และบางครั้งผิดหวัง เช่น
- การโยนหินถามทางเรื่องการตั้งพรรคการเมือง (จะโดยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม) อาจจะพูดเพื่อให้ พธม.ให้ข้อเสนอแนะ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร.. เพราะตลอดเวลาของการเข้าร่วมชุมนุม เรากลัวเรื่องการตั้งพรรคการเมืองของพธม มากที่สุด กลัวยิ่งกว่ากลัวแพ้เสียอีก เพราะนั่นหมายถึงอุดมการณ์ของการเมืองภาคปชช กำลังเปลี่ยน
- การวิจารณ์ ทิศทางการเมืองปัจจุบันภายใต้การนำของปชป แบบไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการยอมรับความเป็นจริง โน่นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่เอา ทำให้รู้สึกอึดอัด ว่าแล้วทาง ออกบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เพราะขณะที่พูดถึง การเมืองใหม่ ก็เห็นแต่ผลลัพธ์ ประโยชน์ ข้อดี ของมัน แต่ก็ยังไม่เห็นวิธีการ (How to) ให้ได้มา หลักการ และ การเมืองใหม่จะเกิดอย่างไรก็ยังไม่เห็นภาพ และยิ่งถ้าไม่หาแนวร่วมอย่างรัฐบาล (ซึ่งถือว่าเป็นรัฐบาลที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ที่จะสร้างการเมืองใหม่ เพราะคุณอภิสิทธิ์ก็เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีจุดยืนต้องการปฎิรูปการเมืองเช่นกัน)
- การต่อสู้ของพวกเรา การเสียชีวิต เสียเลือดเนื้อ เสียอวัยวะของพี่น้องของเรา เราไม่คิดว่าสูญเปล่า เพราะเราได้จุดไฟของความตื่นตัว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง มีความตื่นตัวอย่างผู้รู้ ของประชาชนจำนวนมากที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์...แต่เราไม่คิดที่จะทว งบุญคุณต่อ ปชป.ว่าเพราะเราถึงมีคุณ (แม้ว่าความจริงดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม) เรากลับคิดว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด.. ปชป ก็ต้องทำหน้าที่ในสภาในฐานะนักการเมืองที่ต้องทำงานให้ปชช และประเทศชาติ..ถึงแม้ปชป ที่ถือว่าเป็นพรรคการเมืองดีที่สุดขณะนี้เข้ามาบริหารเราก็จะใช้การเมืองภาค ปชช ตรวจสอบต่อไป.. ให้โอกาส ให้ความร่วมมือ แต่ตรวจสอบอย่างเข้มข้นและสร้างสรรค์
- ถ้ามีข้อเสนออะไรก็ต้องคุยกันกับรัฐบาล แต่ไม่ใช่ยื่นข้อเสนอแบบต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งเหมือนกับติดกับรูปแบบ การชุมนุมประท้วง อยากให้มองภาพว่าเรามีจุดยืนแต่จุดยืนและข้อเรียกร้องจะทำอย่างไรให้บรรลุขณ ะที่บ้านเมืองก็เดินไปได้ อย่างน้อยรัฐบาลชุดนี้ก็มี ปชป ที่พยายามเข้ามาแก้ปัญหาทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้น

ทั้งหมดคือความคิดเห็นของเรา ที่มีต่อ พธม vs ปชป
พธม.

--

    พี่น้องพันธมิตรส่วนใหญ่อยากได้ "การเมืองใหม่" ทันทีให้สมกับความเหนื่อยยากที่ผ่านมา

แต่สถานการณ์ปัจจุบันเห็นได้ชัดว่าความสำคัญลำดับแรกสุดคือ "โค่นล้มระบอบทักษิณ"

ผ มมองว่าการที่ ปชป. ได้เป็นรัฐบาลเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว ได้กุมอำนาจบริหาร นิติบัญญัติที่ระบอบทักษิณใช้เพื่อตนเองและพวกมาหลายปี

ถามหน่อยว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้จะกำจัดระบอบทักษิณยังไง ไหนจะเรื่อง NBT ตำรวจ ข้าราชการ เสื้อแดง ฯลฯ

ข ณะที่พันธมิตรต้านรัฐบาลทรราชสุดตัวเป็นสิ่งที่ดี แต่ประเทศชาติกำลังแย่ลงทุกวัน เราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทันที ส่วนการเมืองใหม่ต้องใช้เวลาอีกนาน ตอนนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยังไม่เป็นสีขาว ออกจะเทาๆ แต่ก็ยังดีกว่าเป็นดำปี๋อย่างพวกทักษิณ

พี่น้องพันธมิตรต้องอดทนไว้ก่อนครับ ทนมองพวกยี้ๆไปก่อน ผมเชื่อว่าอภิสิทธิ์รู้ว่าจะเดินเกมยังไง
ข้าแผ่นดิน

--

    คำพูดของสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่บอกว่า
"ถ้าไม่มีเขา เราก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล"
ไม่สมควรจะประกาศออกมาให้กลุ่มพวกนี้ย่ามใจ

การอ่อนข้อให้กับกลุ่มผู้มีบุญคุณของ ปชป.
ไม่ว่าจะกลุ่มเนวิน หรือ กลุ่มทุน ตั้งแต่เริ่มต้นแบบนี้
จะทำให้วางใจได้ยังไงว่า การบริหารบ้านเมืองต่อไป
จะไม่มีการเกรงใจกันในเรื่องอื่นๆ อีก

การที่กลุ่มเหล่านี้เข้ามาแล้วทำให้รัฐบาลเปลี่ยนขั้วได้
มันก็เป็นความสมัครใจของทุกฝ่ายเอง
และทุก ๆ คนก็อ้างว่าทำเพื่อชาติกันทั้งนั้น
เพราะฉนั้น ไม่สมควรที่ใครจะอ้างบุญคุณต่อใคร
และก็ไม่สมควรที่ใครจะต้องไปตอบแทนบุญคุณใคร

ถ้ารัฐบาลนี้อยู่ได้เพราะต้องตอบแทนบุญคุณของคนเลวๆ
มันก็ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลทักษิณ
ถามหน่อยว่า แล้วคุณไปล้มล้างเค้าทำไม?

ไม่ได้ห้ามที่สีขาวจะไปรวมกับสีดำ
เพราะถ้ามันไม่มีทางอื่นให้เลือก
แต่สีขาวอย่าปล่อยให้สีดำครอบงำ
และอย่าตาบอดสี มองเห็นดำกลายเป็นขาว

ถ้าทำเพื่อชาติจริง อย่าทำตัวเป็นรัฐบาลต่างตอบแทน
แบบที่ ปชป. เคยด่าคนอื่นเอาไว้ด้วยความรังเกียจ

ถ้า ปชป. เข้ามาแล้วไม่กล้าฉีกตัวเองออกจากการเมืองน้ำเน่า
เพราะกลัวอำนาจที่มีอยู่ในมือจะหลุดไป
ปชป. ก็เป็นแค่พวกนักตลบแตลง
เป็นตาอยู่ที่ยุแยงให้ตาอินกับตานาทะเลาะกัน
ตีกันจนตายทั้งคู่
แล้วก็เดินเข้ามาคว้าพุงปลาไปกิน
Navigator

--

จำหยวน ไปก่อน ถึงแม้ จะเปนรัฐบาลที่ไม่ค่อยจะหล่อเหมือน

นายก เราเจอรัฐบาลที่ขี้เหร่ หน้าด้านมาแล้ว ถึง2นายก 2รัฐบาล

มาหมาดๆเรายังทนอยู่ได้ แต่ครั้งนี้มันต่างไปจากที่ผ่านๆมา

เพราะว่า เปนความจำเปนและเพื่อให้การจัดตั้ง ครมเปนไปได้

เดินหน้าต่อไป ไม่เพียงแต่ พวกเราจะมีความคิดเห็น ติติง พรรค

ปชป นั้นรู้อยู่เต้ม อก จะทำไงได้ เพราะจำเปนต้องยืมจมุกคนอื่น

หายใจ จนกว่า ประชาชนจะเข้าใจ พรรค ปชป อย่างเช่น ภาคใต้

ที่เลือกพรรค ปชป ด้วยคะแนน เสียงท่วมท้น ปชป ยังหวังที่จะได้

คะแนนเสียงจาก ภาค อิสาน ภาคเหนือ ที่เสียไป ให้ได้กลับคืนมา

เปน พรรค ที่มี สส เสียงข้างมาก วันนั้น พี่น้อง จะได้ไม่ต้อง มา

คอยตำหนิติติง ดังเช่นที่เปนอยู่ ณ เวลานี้
รับรองว่า ดีกว่านี้ แน่นอน
ฉะนั้น ทางแก้ปัญหาการจัดตั้งรัฐบาล ของ ปชป จะโทษ ปชป 100

เปอรเซนนั้น ต้องควรจะมองภาคประชาชนด้วย ที่ท่านทำไมไม่
เลือก สส พรรค ปชป ให้ได้เสียงเยอะละ

เลือก พรรค ปชป สิ ลงคะแนนเสียงให้ ปชป ถ้า ประชาชน ยังเห็น

บุญคุณ รับเงิน ขายตัว ขายเสียงอยู่ ท่านก็จะได้ รัฐบาลอย่างที่เห็นอยู่นี่แหละ
รับเงิน พวก สส มาแล้วไปเลือกมันเข้ามาลงคะแนนเสียงให้

พรรคการเมืองที่ซื้อเสียง เราก็จะได้ สส และนักการเมือง ที่มี
ปัญหาไม่หมดสิ้น อย่างนี้แหละ

ดังนั้น เราจำเปนต้องปฏิรูปการเมืองใหม่ เริ่มจากตัวเราเอง ไม่
ขายตัว ขายเสียง รับเงิน เขามาได้ แต่อย่าไปลงคะแนนเสียงให้

ถ้าเราเห็นว่า ไม่ใช่ สส ที่จะเข้ามาทำงานให้กับประเทศชาติ
ฝาก แสดงความคิดเห็นนี้ไว้ด้วย อย่าไปติ กันและกันให้เสียเวลา
เปล่า เรามาช่วยกันแสดงความคิดเห็น ในสื่งที่สร้างสรรคกันน่าจะมีประโยชน กว่า
ทำอย่างไรเราจะได้ รัฐบาลที่ดีถูกใจเรา เริ่มต้น จากที่ไหน อะไร
เปนต้นเหตุที่เราได้รัฐบาลขี้เหร่ และจำยอม
มันต้องมีต้นเหตุ สาเหตุ และที่มาที่ไป หนทางแก้ จะต้องทำอย่าง
ไร เริ่มแก้ไขจากจุดไหนไปสู่จุดไหน

เชื่อว่าท่านนายกคนที่27 ของประเทศไทย ท่านเปนคนดี มี

คุณภาพ จากประวัติ และชาติกระกูล ท่านตั้งใจดีมาแต่ครั้งยังเปน

นักเรียน และเรียน วิชาความรู้มาเพื่อจะเข้ามาเปนนักการเมือง

สร้างชาติบ้านเมือง ซึ่งไม่เหมือน นักการเมือง คนอื่นๆที่แล้วๆมา

ฝันของท่านนายกจะไปได้แค่ไหนมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวท่าน 100

เปอรเซน แต่มันขึ้นอยู่ว่า ทุกคนร่วมมือช่วยกันพลักดัน ฝันฝ่าให้

พ้นผ่านวิกฤติ ของชาติที่รุมเร้า ไปได้ ท่านนายก จะเก่งแค่ไหน

ท่านก็ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความสามัคคีร่วมกันทุกภาคส่วน
สนับสนุนและให้กำลังใจท่าน จะติก็ติเพื่อก่อ หวังดีต่อชาติบ้านเมือง
ไม่ใช่อย่างนักการเมืองที่จะเปนฝ่ายค้านบางคน นั่นเปนได้แค่
คัดค้าน แถมต่อต้านจะขับไล่ตั้งแต่ยังไม่เปนโล้เปนพาย พวกนี้

มือไม่พาย ยังเอาเท้าราน้ำ ขัดขวางถ่วงความเจริญ อ้างแต่ว่า

เพื่อชาติ แต่ดู พฤติกรรม สส พวกจะเปนฝ่ายค้านแล้ว ที่แล้วๆมา

พวกมันก็ยกมือ สนับสนุน จนพาชาติ ย่ำแย่จะไปไม่รอด ดูสิ ยก

มือขายชาติ เสียแผ่นดินให้เขมร ยกมือ ถลุงงบประมาณ เอาเงิน

ภาษีของชาติไปใช้จ่าย เปนหมื่นเปนแสนล้าน แต่ผลออกมา

ประเทศชาติยิ่งย่ำแย่ลง มันไม่ได้เอาเงินไปบำรุงประเทศและช่วย

เหลือประชาชน จริงๆ แต่เอางบประมาณไปใช้จ่ายอะไรไม่รู้ ซึ่ง

ประชาชนไม่ได้อะไรเลย

คอยดูรัฐบาลนี้ไปก่อน อย่าลืมนะ ท่านนายกต้องรับปัญหาที่หนัก
อึ้งตลอดเวลา ท่านไม่ได้อยู่เฉยๆดีแต่ออกมาพูดผ่านสื่อสร้าง
ภาพพจน ให้ความฝัน อย่างรัฐบาลที่ล้มเหลว ชุดที่แล้วมา แล้ว
หลบไปตีกอฟ หรือบินไปชอปปิ้ง

แต่นายกคนนี้ ท่านรับเดินเข้าไปหาปัญหาเพื่อรับรู้และหาทาง

แ ก้ไข รับฟังความคิดเห็น รอบด้าน พี่น้องจะเห็นว่า ต่างจากนายก คนที่แล้วๆมา ชนิด ที่เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าคนนี้แหละที่เราหวังไว้ ฝากผีฝากไข้ พอจะ

อุ่นใจได้ เปนนายกรัฐมนตรี ที่มีบุคลิก ความรู้ ในระดับสากล ที่สามารถคุยได้กับชาวโลก

นี่คือนักการเมืองใหม่ ถึงแม้จำเปนต้องยังคลุกฝุ่นปะปนกับ รุ่น
เดิมๆอยู่ ค่อยเปนค่อยไป เราอยากเห็น ท่าน นายกบริหารบ้าน
เมืองได้ โดยไม่ถูกแรงกดดันทำให้ท่านลำบากใจ มากเกินไปนัก
ท่านนายกกำลังทำดีที่สุดแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่างๆ
ให้สามารถทำงานได้

มาร์ค1 สู้นะสู้ สู้ๆๆ

สามารถคุยได้กับชาวโลก
นี่คือนักการเมืองใหม่ ถึงแม้จำเปนต้องยังคลุกฝุ่นปะปนกับ รุ่น

เดิมๆอยู่ ค่อยเปนค่อยไป เราอยากเห็น ท่าน นายกบริหารบ้าน

เมืองได้ โดยไม่ถูกแรงกดดันทำให้ท่านลำบากใจ มากเกินไปนัก

ท่านนายกกำลังทำดีที่สุดแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่างๆ

ให้สามารถทำงานได้
เสียงจากHouston

--

    เวลานี้ ไม่มีเวลาหวานอมขนกลืนอีกต่อไป 192-193 วัน
ค งไม่สูญเปล่า กับการสูญเสียวีระชน ของพันธมิตร ภาระกิจยังมีต่อเนื่อง ความอดทน ทนแดด ทน ฝน คือคนพันธมิตร เราพอใจในวันที่ อภิสิทธิ์ เป็นนายก แต่สิ่งที่ตามมามันไม่สมหวังทั้งหมด เราใจจดใจจ่อต่ออนาคตของประเทศ เวทีพันธมิตร สลับความคิดเห็นท้วงติง มียิง มีชม
หลากหลายเป็นสีสันของอา รยะชน เป็นความคิดเห้นที่แสดงการเป็นเจ้าของประเทศ ทีออกมาจากใจ ผมบอกได้เลยผมพอใจทุกความคิดเห็น และส่วนผมก็มีอีกซีกหนึ่งของความคิดเห็นที่อยากแสดงออกสู่ธารณชนบ้าง ในลำดับต่อนี้ไป
ถามว่าผมพอใจในสถานะการณ์ที่เป้นอยู่นี้ใหม ?
ผมตอบไ ด้เลยว่าต้องพอใจเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว ผมเครียดมากๆ ในวันเวลาที่ผ่านมาที่ร่วมเป็นใจหนึ่งเดียวกับพันธมิตรและจะขออยู่คู่ตลอดนิ รันดิกาล ทุกครั้งที่เราร่วมขับไล่ทรราชย์ ยิ่งเวลายิ่งนานวันบางครั้งเราท้อ เราเกรงความล้มเหลว ในบางครั้ง ใจมันเกือบจะถอดเอาดื้อๆ แต่..บ้านเมืองของเรา..คิดครั้งใดแค้นครั้งนั้น.ยิ่งสัมผัสความรู้สึกกับการ สูญเสียของผู้อยู่แนวหน้าของพันธมิตรทีเสียชีวิตแต่ไม่เสียวิญญาญครั้งใด ยามที่เราสู้ไม่เมร้อย ความละอายจะตามมาทุกครั้งไป แค้นที่ทำอะไรมันไม่ได้ บางครั้ง . ใครก็ได้วะจัดการมันได้.ก็พอใจ ....
มาวันนี้ วันที่เราสมหวัง.ในระดับหนึ่ง และเป้นความสมหวังที่ยังไม่สมบูรณืก็ตาม ในสนามร่วมรบพันธมิตรมีทุกอนูของแนวร่วม จึงมีวันนี้ และการเปลี่ยนผ่านและการจัดตั้ง ที่เป็นตัวแทนอับชอบทำ ทีเป็นผลมาจาก ขับไล่ระบอบทักาณ รัฐบาลต้องออกไป ห้ามแก้ไขรัฐธรรมนุญ
วันนี้เราได้มาใน อีกรูปแบบ ประชาธิปัตย์ ได้ใช้กลยุทธให้โจรหักโจร แล้วต้องสำนึกในบุญคูณโจรที่ว่านั้นใหม? แล้วเราพันธมิตรนั่งมองตากันปริบๆที่รู้ว่าโจรส่วนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามันกลับ ใจจริงหรือเปล่า? ล้วนแล้วเป็นคำถามทั้งสิ้น ส่วนผมนะหรือ?..ไม่คิดซับซ้อนเลยและบอกว่าถ้าไม่มีพวกนี้เราจะมีวันเห็นทักษ ิณ มันบอกว่ามันจะสู้อีก เราได้พวกมันมาเหมือนเราได้หอกของมันมา เราโง่จนขนาดจะให้หอกมันทิ่มเราหรือ เราไม่เคยหยุดรักชาติ แล้วสัมหาอะไรกับไอ้โจรที่มันกระโดดออกมา แล้วส่งหอกให้เรา ให้มันลงทุนสู้ต่อไป เสบียงคลังให้มันขนมาทุ่มมาให้ไอ้พวกเสื้อแดงพวกนี้จะได้มีเงินและกระแสเงิน สะพัดในหมุ่คนไทยด้วยกัน
thanawat2551@gmail.com

-

    เวลาคุณสุรวิชช์วิจารณ์และให้ความเห็นรัฐบาลอภิสิทธฺ์ พวกที่เชียร์เต็มที่ก็บอกว่า ทำไมไม่เสนอทางออกหรือวิธีการให้เขา ชอบวิจารณ์อย่างเดียว ไม่เห็เสนอวิธีการด้วย

พอคุณสุริยะใส ออกมาเสนอมาตรการให้คุณอภิสิทธิ์ ก็โดนพวกแฟนคลับออกมาโวยว่ามีสิทะิ์อะไรไปกดดันเขา

อยากบอกว่าตอนนี้ให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เขาอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ของจริงหรือของปลอมเดี๋ยวก็รู้เอง

อย่ามาอ้างว่าต้องมีโควต้า เพราะคุณเคยวิจารณ์ระบบโควต้าของรัฐบาลสมชายเมื่อ 24 ก.ย 51 แค่ 3เดือนก่อนเอง

" วันนี้ผมไม่ห่วงว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ได้ แต่เป็นห่วงว่าประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ ท่าทีประนีประนอมของนายกฯ เป็นเพียงแค่การประสานประโยชน์ แต่ปัญหาพื้นฐานไม่ได้รับการแก้ไข บ้านเมืองก็แก้ไขปัญหาไม่ได้". นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการจัดโผ ครม.จนทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคพลังประชาชน, 24 กันยายน 2551

เคยเตือนแล้วว่า ถ้ารับฝากปีศาจเนวิน ระวังมันจะหัหหลังแล้วร่วมกับไอ่เหลี่ยมทรราช

ดูดร.อาทิตน์ อุไรัตน์เป็น ต.ย ที่กล้าคิดเสนอคนนอก คือ อานนัท์ ปัญยารชุนเป็นนายกฯ

คนที่อ่านไม่ละเอียด จะมาบอกว่า นายกฯต้องมาจาก สส.
ต อนนี้โปรดเกล้าแล้วให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ อำนาจอยู่ในมือคุณแล้ว เหมือนตอนดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เป็นประธานรัฐสภา มีอำนาจเสนอชื่อทูลเกล้าชื่อผู้เป็นนายกฯ

ใช้อำนาจที่ได้มาให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม ประชาชนจะนับสนุนคุณเต็มที่

แต่ถ้าแค่อยากเป็นนายกฯ โดยยอมเดินตามเทพเทือกต้อยๆ แล้วมาแสดงสปีช สวยหรู ก็ไม่มีประโยชน์
คุณก็เสื่อมเร็วเอง แล้วลากปชป.ไปด้วย

อยากเห็นคุณอยู่นานๆ
yoyo481

-

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5 มกราคม 2552 เวลา 10:24

    คงต้องติดตามดูกันต่อไปครับว่า ปชป จะเป็นอย่างไร
    จะกลายพันธุ์หรือไม่ ??

    ตอบลบ