++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ความเสียหายแสนล้าน -จริยธรรม และชีวิตคนที่ประเมินค่าไม่ได้

โดย สุวิชชา เพียราษฎร์ 30 พฤศจิกายน 2551 20:23 น.






ในการต่อสู้กับรัฐบาลทรราชม้วนเดียวจบ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตัดสินใจเคลื่อนมวลชนเข้าไปในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 เพื่อบีบให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกโดยทันที



ผ่านมาหลายวันไม่เพียงไม่ลาออก ไม่รู้สึกรู้สา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และลูกหาบในระบอบทักษิณ ใช้โอกาสนี้บิดเบือนและชักจูงให้สังคมเห็นว่า พันธมิตรฯ คือ จำเลยของสังคมที่ต้องประณาม



เขาออกทีวีพูดซ้ำไปซ้ำมาตอกย้ำว่า ค่าความเสียหายที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าไปอยู่ในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นมากมายมหาศาล



การท่องเที่ยวฉิบหาย การค้าวินาศสันตะโร และภาพลักษณ์ของประเทศตกต่ำถึงขีดสุด คำก็เสียหาย สองคำก็เสียหาย นายสมชาย เอาแต่พร่ำพูดว่า พันธมิตรฯ ต้องถอยออกจากสุวรรณภูมิ เพราะชาติเสียหายวันละแสนล้าน!



แม้ค่อนข้างจะประหลาดใจในความเก่งกาจของนายสมชายที่ประวัติไม่เคยบอกไว้เลยว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ หรือมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์อะไร นอกจากการเป็นที่ปรึกษาให้แก่ข้าราชการหญิงในกระทรวงที่เคยทำงานในอดีตเลือกซื้อตู้เย็น



คำว่า “วันละแสนล้าน” ตรวจดูกี่รอบต่อกี่รอบ นายสมชายที่พูดผ่านเอ็นบีทีจากเชียงใหม่ ถ่ายทอดสดให้ผู้ฟังทั่วประเทศที่ฟังหลายต่อหลายครั้งก็ระบุเช่นนี้จริงๆ



ถ้ายึดตามการคำนวณค่าความเสียหายวันละแสนล้านของนายสมชาย พันธมิตรฯอยู่ที่สนามบินมา 4 วันก็เสียหาย 4 แสนล้านกลมๆ!



ผู้มีสติ และมีข้อเท็จจริงอยู่ในมือย่อมทราบดีว่า นายสมชายคนนี้พูดจาน่าเชื่อถือแล้วหรือ?



แน่นอนว่า การปิดล้อมสุวรรณภูมิ หรือสนามบินดอนเมืองของพันธมิตรฯ ย่อมมีผลความเสียหายเกิดตามมา แต่คิดให้ตายก็ไม่ได้มากมายเหมือนที่นายสมชายบอกหรอก



เอาละต่อให้นับรวมความเสียหายที่การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจงใจทำตัวเอง สั่งปิดสนามบินเอง ผละงานไม่สนใจดูแลผู้โดยสาร ไม่ประชาสัมพันธ์กับนักธุรกิจ เจ้าของตู้สินค้า และการจัดการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรับผิดของพันธมิตรฯ เลยเข้ามาด้วยก็ไม่ถึง



เสียหาย ใช่ เสียหาย แต่…นี่ก็ยังน้อยกว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และลูกหาบในระบอบทักษิณ (รวมตัวคุณด้วย นายสมชาย) ทำกับประเทศนี้ มิใช่หรือ?



ระบอบทักษิณที่กัดกินประเทศด้วยข้อครหาว่าทุจริตคอร์รัปชันมากกว่าทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา ค่าความเสียหายมันเกิดขึ้นเท่าไร? นายสมชายที่เก่งเลข คำนวณออกมาหน่อยซิว่าเท่าไร?



หากคิดตัวเลขไม่ออกเพราะมันมากมายเหลือคณานับก็อนุญาตให้คำนวณเอาแค่การโกงกินที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียวก็ได้



หากคิดไม่ออกอีก ในฐานะเคยเป็นบอร์ดดูแลสุวรรณภูมิยุคที่ภรรยาตัวเองได้งานสนามบินแห่งนี้ไปครอบครองหลายหมื่นล้าน แนะนำว่า ให้ไปขอเอกสารหลักฐานจากสำนักงาน ป.ป.ช.ที่มีคดีเหล่านี้ไว้ในการพิจารณาหลายต่อหลายคดีเพื่อประกอบการคำนวณตัวเลขเผื่อจะแม่นยำขึ้น



ถึงที่สุดถ้าคิดไม่ออกจริงๆ จะด้วยไม่ต้องการอยากคิด หรือติดอยู่ในกมลสันดานว่าเป็น “ชายกระโปรง” อย่างที่มีคนตั้งฉายาให้ ไม่เป็นไรค่อยๆ คิดไป



กลับมาว่ากันในระหว่าง 4-5 วันนับแต่พันธมิตรฯ ปิดล้อมสุวรรณภูมิ หากให้เดา นายสมชาย และระบอบทักษิณคงกระหยิ่มยิ้มย่องคิดว่ากลยุทธ์พลิกวิกฤตเป็นโอกาสกลบความผิดเราไว้ให้คนอื่นเห็นความผิดพันธมิตรฯ เท่าภูเขาดำเนินการสำเร็จแล้ว!



เห็นได้จากการหยิบเรื่องตัวเลขความเสียหายมากรอกหูประกอบกับสื่อแทบทุกสื่อพากันสนใจเพียง ‘เรียลไทม์’ รายงานขยายความคำพูดของนายสมชายทุกวันเช้าค่ำมันได้ผลเกินคาด



คำให้สัมภาษณ์อย่างฉุนเฉียวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ติดค้าง คำของนักธุรกิจผู้สูญเสียผลประโยชน์ คำของนักวิชาการบางจำพวก ทำให้คนที่ไม่คิดก็คิด คนที่ไม่ได้ติดตามการชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็เกลียดพันธมิตรฯ เสียงสาปแช่ง เสียงก่นด่า ดังขรม



จากที่ตกเป็นจำเลยสังคมด้วยข้อหาต่างๆ นานา พลิกกลับมากลายเป็นว่า สังคมตราหน้าพันธมิตรฯ ว่า เป็นผู้กระทำให้บ้านเมืองนี้เสียหายวันละแสนล้านจากการปิดล้อมสุวรรณภูมิ ผิดมหันต์สมควรตาย! สมควรถูกสลาย!



ความเป็นไป ณ ขณะนี้ จะว่าน่าหดหู่ ก็น่าหดหู่!



หดหู่ตรงที่ว่า ทำไมคนไทยบางส่วนจึงปล่อยให้ตัวเลขความเสียหายวันละแสนล้าน (ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นตัวเลขเหนือจริง) ของการปิดล้อมสุวรรณภูมิหลอกหลอน ครอบงำจิตใจที่รู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี



น้อยนักที่จะตั้งคำถามกับรัฐบาลมือเปื้อนเลือด และย้อนดูวันเวลาที่ผ่านมา



อาทิ การสั่งการให้ตำรวจฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ตาย 2 คนและบาดเจ็บทุพพลภาพนับไม่ถ้วน กรรมการสิทธิมนุษยชนมีข้อสรุปแล้วว่า รัฐบาลต้องรับผิดชอบ



- การปล่อยให้คนเสื้อแดงกลุ่มรุมทำร้ายพันธมิตรฯ ที่อุดรธานีบาดเจ็บปางตาย ยกพวกจากสนามหลวงเข้ามาถล่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล และล่าสุดเหิมเกริมหนัก กระหน่ำยิงคนตายที่เชียงใหม่อย่างทารุณ ป่าเถื่อน



- การปล่อยให้อันธพาลในฝ่ายรัฐบาล ยิงระเบิดถล่มผู้ชุมพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งแล้วครั้งเล่าจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก



- การปล่อยและสนับสนุนโจรติดอาวุธสงครามปฎิบัติการคุกคามหมายเอาชีวิตต่อเอเอสทีวีหลายต่อหลายครั้งต่อเนื่อง



-กรณีที่ปล่อยให้นักโทษชายพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน บ่อนทำลายความมั่นคงต่อสถาบันที่คนไทยเคารพรักอย่างสูงสุด ทำลายความน่าเชื่อถือของศาล กระบวนการยุติธรรมของไทย



รัฐบาลที่อำมหิตต่อประชาชน ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม เทียบกับพันธมิตรฯ ปิดล้อมสุวรรณภูมิ ใครก่อความเสียหายทำลายภาพลักษณ์ของประเทศมากกว่ากัน?



ไม่ใช่แก้ต่างหรือแก้ตัวแทนพันธมิตรฯ แต่ข้อเท็จจริงมันเป็นบิดเบือนกันไม่ได้!...



เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์นี้จบลงจะพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ช้า-เร็ว เมื่อคุณธรรม-จริยธรรมที่ดีงามคืนกลับสู่สังคมไทย เวลานั้นผู้คนรุ่นลูกรุ่นหลานกลับมาพลิกประวัติศาสตร์อ่านย้อนหลังกัน เชื่อและมุ่งหวังว่า คนเหล่านั้นคงจะไม่มีใครมานั่งและตั้งคำถาม



ระหว่างค่าความเสียหายคิดเป็นตัวเลขจากการปิดล้อมสุวรรณภูมิวันละแสนล้านของพันธมิตรฯ กับจริยธรรมที่พันธมิตรฯ ต่อสู้ยิบตาทวงคืนมาจากระบอบทักษิณให้สังคมด้วยเลือดและชีวิตเทียบกันได้หรือไม่



เนื่องเพราะจริยธรรม และชีวิตผู้คนนั้นย่อมมิอาจประเมินค่าได้!







ที่มา http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000141630



ขำมาก สมชายบอกว่าการปิดกสนามบินกระทบส่งออกสินค้าเกษตร"วันละ" 30,000 ล้าน ย้ำว่าใช้คำว่า"วันละ"นะครับ อย่างนี้มิแปลว่าเราส่งออกสินค้าเกษตรปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านล้าน หรือ?? อันนั้นมันเท่ากับGDP ของประเทศไทยทั้งปีเลยนะ (โว้ย)



แล้วไอ้ส่งออกอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์และรถยนต์รวมส่วนประกอบ ซึ่งจัดเป็นสินค้าส่งออกหลักของเรา มันไม่รวมกันวันละแสนล้านหรือปีละสี่สิบล้านล้านหรือไง????



เรื่องจริงคือว่า เราส่งออกสินค้าเกษตรทุกชนิดรวมกันทั้งปี ไม่ถึง 1 ล้านล้าน ด้วยซ้ำ แถม กว่า 80-90% ของไอ้ของพวกนั้น มันต้องส่งออกทางเรือ มีแต่ควายเท่านั้นแหละที่จะส่งออกสินค้าพวกข้าวสาร ยางพารา ยางแปรรูป น้ำตาลทราย อาหารแช่แข็ง ผลไม้กระป๋อง ทางเครื่องบิน จริงไหม??? (ไปดูตัวเลขที่เว็บของกรมส่งเสริงการส่งออกได้เลย)



เพราะฉนั้น ตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรทางเครื่องบิน จริงๆแล้ว มันวันละหลักร้อยล้านเท่านั้นเอง หรือพูดง่ายๆ ที่ไอ้ ชายกระโปรงมันบอกสามหมื่นล้านต่อวันน่ะ ต้องเปลี่ยนเป็น สามหมื่นล้าน "ต่อปี" โว้ย!!!!



นี่เป็นตัวอย่างการจับโกหกแสนง่ายดายที่หมาหรือควายที่ไหนก็ทำได้ แต่พวกนปก ผู้มีปัญญาต่ำกว่าควาย และสันดานเลวกว่าหมา ไม่สามารถเข้าใจได้ เลยถูกไอ้ลูกกระแป๋งหมาสามตัวนั้นจูงไปจูงมา เชี้ยท!!!!

กรูเบื่อการร่วมชาติกับคนเลวและคนโง่จริงๆ





มันน่าตำหนิพันธมิตรที่ปิดสนามบินและสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่ถ้าเทียบกับความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลสมชายแล้ว ความผิดของพันธมิตรเทียบกันไม่ได้ และรัฐบาลสมชายนี่เองเป็นสาเหตของการสูญเสียอย่างสิ้นเชิงทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว



มีคนกรอกหูเราทุกวันว่า ประเทศไทยมีรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปีละ 3-4 แสนล้านบาท แต่การที่พันธมิตรเข้ายึดสนามบิน 4 วัน แล้วบอกว่าประเทศชาติเสียหายวันละ 1 แสนล้านบาท 4 วัน 4 แสนล้านบาท เราเสียหายวันละแสนๆ ล้านเชียวหรือ



อะไรคือความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลสมชาย ทำไมรัฐบาลสมชายคือสาเหตของการสูญเสีย



ความไม่มีประสิทธิภาในการแก้ปัญหาของรัฐบาลสมชาย คือ



เมื่อรู้ว่าพันธมิตรจะบุกเข้ายึดสนามบิน รัฐบาลต้องขวางทุกวิถีทางเพื่อป้องกันสนามบิน ในบ่ายวันแรกของการยึดสนามบินนั้น พันธมิตรก็เพียงยึดถนนทางเข้าสนามบินเท่านั้น ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้น แต่ความยุ่งยากเริ่มขึ้นแล้ว แต่พันธมิตรก็ไม่ทำอะไรที่ขัดขวางการบิน เครื่องบินยังขึ้นลงปกติ แต่ต่อมาการท่าฯ เป็นผู้ประกาศปิดสนามบินเอง จะเห็นว่าการท่าฯเป็นคนสั่งปิดสนามบินโดยไม่มีแผนการรองรับว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร



การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง วินาทีแรกที่รู้ว่าสนามบินถูกปิด รมต. คนนาคม หรือ นายกฯ ต้องสั่งการให้เครื่องบินทุกลำไปลงที่เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ หรือ อู่ตะเภา และประกาศให้สนามบินนานาชาติต่างจังหวัดเป็นหลักในการขนส่งผู้โดยสาร ถึงแม่จะไกลเพียงใด แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ผู้โดยสารตกค้าง และไม่ได้รับการดูแล จนต่อมาอีก 3 วันหลังจากนั้นจึงเริ่มคิดได้ว่าต้องไปใช้อู่ตะเภา การตัดสินใจช้าคือสิ่งที่แสดงว่ารัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพ คนทำงานไร้สมรรถภาพ ไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเป็นต้นเหตของการสูญเสียที่ตามมา



ถ้ารัฐบาลไม่ปิดสนามบิน และปล่อยให้มีเครื่องขึ้นลงได้ตามปกติ ระดมทหาร ตำรวจมาเฝ้าหน้าอาคารอย่างเข้มแข็งพร้อมอาวุธไม่ให้พวกพันธมิตรเข้ามา เพียงเท่านี้พันธมิตรก็คงทำอะไรไม่ได้ ความเสียหายต่อประเทศก็คงจะไม่เกิดขึ้น และจะทำให้นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ปกป้องนักท่องเที่ยวทุกวิถีทางไมให้เดือดร้อน



แต่รัฐบาลเองกลับเป็นฝ่ายเลือกที่จะสร้างความเดือดร้อนขึ้นเอง ไม่ป้องกัน ไม่ควบคุม ไม่รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงทำให้รัฐบาลหลายๆ ประเทศไม่พอใจการแก้ปัญหาของรัฐบาลไทย

จ๊อด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น