โดย สุนันทา อักขระกิจ 10 ตุลาคม 2553 17:44 น.
ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2554 จะยังขับเคลื่อนและขยายตัวได้ แต่อาจชะลอตัวลงบ้าง โดยมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลก และการเมืองภายในประเทศ หากไม่มีผลกระทบใดรุนแรง จากพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย เชื่อว่าปี 2554 เศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริษัท เศรณี โฮลดิ้ง จำกัด ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2554” ในงานสัมมนาเชิงวิชาการ “รุ่งหรือร่วงเศรษฐกิจไทยปี 54” ว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยในปี 2554 ยังจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกต่อไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปัญหาของสหรัฐอเมริกาและยุโรป ที่มีหนี้สาธารณะเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลทำให้การค้าและการลงทุนทั่วโลกเกิดความไม่แน่นอน
ปัจจุบันปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่มีความผันผวนรุนแรง และรวดเร็วมาก จะเห็นได้จากการที่มีเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเงินนี้จะมาเร็วไปเร็ว ดังนั้นนักลงทุนหรือผู้ประกอบการจะต้องนำเรื่องต่างๆ เหล่านี้มาประกอบในการคิด วางแผน และตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ต้องตระหนักที่จะทำให้ได้หรือเสียประโยชน์คือ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆ ทั้งในเอเชีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เนื่องจากมีความสำคัญต่อการค้า และการลงทุนของไทยมากที่สุดในปัจจุบัน โดยจะเห็นได้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2553 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ที่ไทยมีกับประเทศเหล่านี้ โดยผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น FTA ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ได้ลงนามไว้กับอาเซียน เช่น อาเซียนกับญี่ปุ่น อาเซียนกับจีน อาเซียนกับเกาหลี ฯลฯ
เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์กับประเทศเหล่านี้ เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการเพิ่มฐานะและโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2554 ดังนั้นจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปสร้างปัญหากับประเทศดังกล่าว เนื่องจากไม่เป็นประโยชน์ต่อการค้าการลงทุนของไทย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 เศรษฐกิจไทยยังจะต้องเผชิญกับมลพิษทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อไปอีก โดยมลพิษทางเศรษฐกิจมีความสำคัญต่อการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันมีอัตราส่วนประมาณร้อยละ 40 ของรายได้ประชาชาติ (GDP) ซึ่ง GDP เกิดมาจากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมประมาณร้อยละ 40 เกษตรร้อยละ 10 (ไม่รวมเกษตรแปรรูป) และบริการร้อยละ 50 ส่วนมลพิษทางการเมืองมีความสำคัญต่อการลงทุน และธุรกิจบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
ดังนั้น เศรษฐกิจไทยในปี 2554 จะถดถอยหรือก้าวหน้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
ประการแรก การแก้ปัญหา และบริหารมลภาวะที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขนาดใหญ่ (มาบตาพุด) รวมถึงปัญหาแรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่กำลังขาดแคลนถึง 2 แสนคน เนื่องจากหาแรงงานไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และสำคัญมาก
ประการที่สอง การบริหารของภาครัฐ และเอกชน ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่จะมีการตัดสินคดียุบพรรคในช่วงปลายปี 2553 แต่หากไม่มีผลกระทบอะไรที่รุนแรงมากนัก จากพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยเชื่อว่าในปี 2554 เศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 4 - 5
ประการที่สาม ความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเข้าสู่โครงสร้างใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่
- อุตสาหกรรมที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น
- เพิ่มภาคการเกษตรที่เป็นอาหาร และพลังงานทดแทน โดยมีความพยายามที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเอเชียในการผลิตเอ ทานอล จากมันสำปะหลัง
- เพิ่มภาคบริการที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจและสังคมไทย เช่น เวชกรรมสำอาง ทันตกรรมสำอาง ศัลยกรรมสำอาง ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังรวมถึงเรื่องการคมนาคมขนส่ง และการสื่อสารต่างๆ เนื่องจากที่ตั้งของประเทศไทยเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องนี้ โดยล่าสุดมีการอนุมัติงบประมาณให้การรถไฟแห่งประเทศไทยถึง 170,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบรางให้ได้มาตรฐานสากลสำหรับรองรับการขนส่งในอนาคต และการใช้เงินจำนวนดังกล่าวยังเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2554 อีกด้วย
กล่าวโดยสรุปในปี 2554 ไทยยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอีกหลายด้าน ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองภายในประเทศ ที่สำคัญจะได้เห็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจเปลี่ยนจากโครงสร้างเดิมที่พึ่งพิง อุตสาหกรรมที่สร้างปัญหา และมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรือจากธุรกิจการเกษตรเดิมที่มีประสิทธิภาพน้อย ได้แก่ การผลิตข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง ฯลฯ โดยวิถีทางธรรมชาติ หรือธุรกิจบริการที่มีมูลค่าเพิ่มไม่มากนัก ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ และบริการที่ทันสมัย
เรื่อง ต่างๆ เหล่านี้จะเป็นมิติใหม่ของเศรษฐกิจไทยที่จะเริ่มขึ้นในปี 2554 แต่จะได้รับความสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ผู้บริหารประเทศ และประชาชน ดังนั้น เมื่อเราทราบทิศทางที่แน่นอนแล้ว ใครจะมาเป็นรัฐบาลจึงไม่ใช่ปัญหา และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยน่าจะได้รับความสำเร็จในการดำเนินงานด้านต่างๆ ในปี 2554 อย่างแน่นอน
ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2537-8161 หรือที่ head@boi.go.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น