++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นิทานเซน : ใกล้พระพุทธเจ้าเข้าไปแล้ว

นิทานเซน : ใกล้พระพุทธเจ้าเข้าไปแล้ว
โดย พุทธทาสภิกขุ
เรื่องที่ ๗ ชื่อเรื่อง "ใกล้พระพุทธเจ้าเข้าไปแล้ว" นี้ลองฟังให้ดี จะได้รู้ว่า เราใกล้
พระพุทธเจ้า เข้าไปแล้ว หรือไม่ "
นักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ไปเยี่ยมธยานาจารย์คือ อาจารย์
แห่งนิกายเซ็น แห่งหนึ่ง ชื่อว่า กาซาน เพราะนิสิตคนนั้นเขาแตกฉานใน
การศึกษา เขาจึงถามอาจารย์กาซานว่า เคยอ่าน คริสเตียน ไบเบิล ไหม
ท่านอาจารย์กาซาน ซึ่งเป็นพระเถื่อนอย่างพระสมถะนี้จะเคยอ่านไบเบิลได้
อย่างไร จึงตอบว่า เปล่า ช่วยอ่านให้ฉันฟังที
นิสิตคนนั้น ก็อ่านคัมภีร์ไบเบิล ตอน Saint Mathew ไปตามลาดับ จนถึง
ประโยคที่ว่า ไม่ต้องห่วงอนาคต คือไม่ต้องห่วงวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้ มันจะเลี้ยง
ตัวมันเองได้แม้แต่ นกกระจอก ก็ไม่อดตาย ทานองนี้
ท่านอาจารย์ กาซาน ก็บอกว่า ใครที่พูดประโยคนี้ได้ฉันคิดว่า เป็นผู้รู้
แจ้งคนหนึ่งทีเดียว คือเป็น An enlighten one คนหนึ่งทีเดียว แต่นิสิตคนนั้น
ก็ยังไม่หยุดอ่าน คงอ่านต่อไป มีความว่า
"ขอเถิด แล้วจะได้จงแสวงหาเถิด แล้วจะพบ จงเคาะเข้าเถิด แล้วมันจะ
เปิดออกมา เพราะว่า ใครก็ตามที่ขอแล้ว จะต้องได้รับ ใครก็ตาม ที่แสวงหา
แล้วย่อมได้พบ และใครก็ตาม ที่เคาะเข้าแล้ว ประตูก็จะเปิดออกมา"
พอถึงตอนนี้ อาจารย์ กาซาน ก็ว่า “แหม วิเศษที่สุด ใครก็กล่าวอย่างนี้
ก็ใกล้พระพุทธเจ้าเข้าไปแล้ว”
นิทานของเขาก็จบ
นิทานเรื่องนี้จะสอนว่าอย่างไร? หมายความว่า ถ้ารู้ธรรมะจริง จะไม่เห็นว่ามีลัทธิคริส
เตียน หรือ พุทธ หรือ อะไรอื่น ในจิตใจของผู้รู้ธรรมะจริง จะไม่รู้สึกว่า มีคริสต์ มีพุทธ มี
อิสลาม มีฮินดู มีอะไร เพราะไม่ได้ฟังชื่อเสียงเหล่านั้น ไม่ต้องเป็นนิกายอะไร ครูบาอาจารย์
สานักไหน คัมภีร์อะไร อ้างหลักฐานชนิดไหน ไม่มีจิตใจ หรือ ความรู้สึก ที่ค้านหรือ รับฟัง
ถ้อยคาเหล่านั้น จะฟังแต่เนื้อหาของธรรมะนั้น และก็เนื้อหาของธรรมะสูง ก็รู้ได้ว่า มันเป็น
อย่างไร สูง ต่า ก็รู้ว่า สูงต่า อย่างที่ว่า เคาะเข้าเถิด จะเปิดออกมานี้ มันก็เหมือนอย่างที่เรา
พูดว่า ถ้าปฏิบัติให้ถูก มันก็จะง่าย ง่ายที่สุด ในการที่จะบรรลุนิพพาน
เดี๋ยวนี้ ไปนอนหลับสบายกันเสียหมด ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ก็ได้ไม่มีใครเคาะ ไม่มีใคร
แสวงหา หรือ ไม่มีใครขวนขวาย นั่นเอง ถ้าฟังกันแต่ เนื้อหาธรรมะแล้ว มันไม่มีพุทธ ไม่มีค
ริสเตียน หรือ ไม่มีเซ็น ไม่มีเถรวาท ไม่มีมหายาน อย่างนี้ ไม่มีอาการที่จะเป็นเขา เป็นเรา
เลย จิตมันว่างเสียเรื่อย มันจึงมีเขาฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้มีเราอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้
ฉะนั้น ความกระทบกันระหว่างเขากับเราไม่อาจจะเกิด ไม่มีทางจะเกิด ไม่มีพื้นฐานจะ
เกิด เห็นธรรมะเป็นพระเป็นเจ้า เห็นพระเป็นเจ้าเป็นธรรมะไปเสียเลย เหมือนอย่างว่า พระ
เป็นเจ้าของฝ่ายที่ถือศาสนาพระเป็นเจ้านั้น มีการสร้าง มีการทาลาย มีการให้รางวัล มีการ
ทาอะไร ทุกอย่างตามหน้าที่ของพระผู้เป็นเจ้า เราก็มีสิ่งที่ทาหน้าที่อย่างนั้น ครบทุกอย่าง
Page 2
เหมือนกัน แต่เราไปเรียกว่าธรรม เหมือนกับความหมายของคาว่า ธรรมะ ที่อธิบายแล้วใน
การบรรยายครั้งที่ ๑ นั้น ไม่มีอะไรนอกจาก ธรรมะ แล้วความโง่ ความหลง คือ อวิชชา
ต่างหาก ที่ไปสมมติให้ว่า เป็นชื่อนั้น ชื่อนี้ อย่างนั้น อย่างนี้ พวกนั้น พวกนี้ จนมีเรา มีเขา
จริยธรรมทั้งหมดของธรรมชาติทั้งหมดนั้นมีเรื่องเดียว แนวเดียว สายเดียว
ขอให้สนใจ ในความจริงข้อนี้เถอะว่า จริยธรรมทั้งหมดของโลกนี้หรือของโลกอื่นด้วยก็
ได้ย่อมมีแนวเดียว และสายเดียว และตรงเป็นอันเดียวกัน ไม่ต้องพูดกันว่าของประเทศนั้น
ประเทศนี้ ศาสนานั้น ศาสนานี้ ในโลกเดียวกันนี้ ถึงแม้ว่า สิ่งที่เป็นจริยธรรมจะมีหลายรูป
หรือหลายเหลี่ยม ดังที่กล่าวมาแล้ว แต่วันแรกนั้น ก็ยังเป็นอันเดียว แนวเดียว สายเดียวกัน
อยู่นั่นเอง มีแต่ว่า ระบบไหน ใกล้จุดปลายทาง หรือยังเท่านั้น แต่เรื่องต้องเป็นเรื่องเดียวกัน
หมด ขึ้นชื่อว่า ธรรมะแล้ว ต้องเป็นเรื่องเดียวกันหมด แต่ว่าอันไหน หรือ ที่ใครกล่าวนั้นมัน
ใกล้จุดปลายทางเข้าไปหรือยัง ฉะนั้น เราอย่าได้รังเกียจ อย่าได้ชิงชังว่า คนนั้น คนนี้ เป็นค
ริสเตียน แล้วก็จะต้องเป็นศัตรู เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้นมาทีเดียว ถ้าถืออย่างนี้ก็แปลว่า ไม่รู้
ธรรมะ ยิ่งเป็น ครูบาอาจารย์ ด้วยแล้ว ไม่ควรจะไปรู้สึกทานองนั้นเป็นอันขาด
คัดลอกจาก http://www.dharma-gateway.com/
ผู้คัดลอกและเรียบเรียง hs6kjg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น