ผมสงสัยคำสองคำ นี้ออกเสียงคล้ายกันมาก สัมปจิตฉามิ กับ สัมปติฉามิ มีความหมายเหมือนหรือต่างกันอย่างไร จึงไปค้นหาในกูเกิ้ล
ได้คำตอบ ก็เลยนำมาแบ่งปันสหายธรรมในกรุ๊ปธรรมะสวัสดี แบ่งปันความรู้กันนะครับ และเป็นการบูชาคุณขององค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
และคุณพระรัตนตรัย ขอให้ทุกท่านเจริญธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
ธรรมะสวัสดี
เริ่มต้นด้วยคำแนะนำจากหลวงพ่อ
จบแรกหลวงพ่อกำชับให้นึกขอบารมีพระพุทธเจ้าคาถาจึงมีผล
สวด 9 จบ เป็นช้วยให้คล่องตัวราบรื่นในความเป็นอยู่
อับจนเงินตึงตัว สวดอย่างน้อย 30 จบต่อวันจะดีขึ้น
ภาวนาจนจิตเป็นสมาธิ ลาภผลก็มาเร็วตามอำนาจชาญสมาธิ
ตั้งนะโม 3 จบ
สัมปจิตฉามิ (คาถาสนองกลับ)
นาสังสิโม (คาถาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระพุทธกัสสป)
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม (คาถาเงินแสน)
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปติฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ
(บูชา 9 จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)
คำอธิบาย
หลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ ตั้งแต่ปี 2517 เป็นเวลา 4 ปีจึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่าคาถาที่ได้จากกรรมฐานเขาจะไม่บอกใคร เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2527 เวลา 23.59 น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลานและพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุงจะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี2532 จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัทและลูกหลานของหลวงพ่อมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น
คาถา "สัมปจิตฉามิ " คาถาบทนี้ พระองค์ที่ มาบอกหลวงพ่อในขณะที่หลวงพ่อพักอยู่ที่เมืองควีนส์ทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2529 เวลา 05.00 น. ก่อนนอนหลวงพ่อนอนภาวนาเป็นปกติ ตื่นขึ้นมามีอาการปากขยับไม่ได้ มือขยับไม่ได้ รู้สึกอึดอัด คล้ายเป็นอัมพาต แต่ใจสบาย พระองค์ที่ 10 ให้ภาวนา "สัมปจิตฉามิ" จึงคลายตัว คาถาบทนี้ไม่ได้ให้ใช้เฉพาะหลวงพ่อเท่านั้น อนุญาติให้พุทธบริษัทศิษยานุศิษย์และลูกหลานหลวงพ่อใช้ได้ด้วย ก่อนนอนภาวนาให้ตั้ง นะโม 3 จบ และต่อด้วย พุทธัง สรนัง คัจฉามิ ธังมัง สรนัง คัจฉามิ สังฆัง สรนัง คัจฉามิ และสวด "อิติปิโสฯ" 3 จบ จึงภาวนาเรื่อยๆไป ในขณะที่ภาวนาให้ทำใจสบายๆ ผลของคาถานี้ จะมีผลต่อผู้สั่ง ผู้รับคำสั่ง ผู้ร่วมมือ และผู้กระทำไสยศาสตร์มายังเราโดยฉับพลัน ผลพิเศษ ถ้าตั้งใจรักษาศีล 5 บริสุทธิ์ หรือตั้งใจรักษากรรมบถ 10 ได้ครบถ้วน สามารถระงับนิวรณ์ 5 ได้ ภาวนาวันละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกันจะมีผลคล้ายอภิญญา "สัมปจิตฉามิ" อ่านว่า สัม-ปะ-จิต-ฉา-มิ คาถาบทนี้ใช้ได้เฉพาะผู้ที่เป็น สัมมาทิฏฐิ เท่านั้น ไม่มีผลสำหรับผู้เป็น มิจฉาทิฏฐิ พระโมคคัลลาน์ท่านมายืนยัน ว่าคาถาบทนี้เป็นคาถาอภิญญา บอกว่าคนที่ได้อภิญญามาในชาติก่อน ถ้าใช้คาถาบทนี้ของเก่าจะรวมตัว คือว่าทำไปๆ ถ้าเข้าถึงผรณาปีติจะรู้สึกว่าตัวไม่มี เหลือแต่หน้า ต่อไปก็ไม่มีอะไรเหลือเลย หน้าก็ไม่มี ถ้าทำได้เช่นนี้บ่อยๆ ไม่ช้าก็รวมตัวจะไปไหนก็ได้ เที่ยวต่างประเทศเรื่องเล็ก ฆราวาส ทำได้ทุกอย่าง แต่พระห้ามแสดงต่อหน้าคน อย่างท่านปิณโฑลภารทวาชเป็นต้นบัญญัติ ถูกห้ามเพราะอะไร เพราะถ้าทำไปอย่างนั้น คนไม่ต้องการธรรมะ ต้องการพระแสดงปาฏิหาริย์ ถ้าขอให้พระแสดงปาฏิหาริย์ พระทำให้ คนนั้นตายแล้วเกิดใหม่ต้องไปเป็นทาสเขา 500 ชาติ ถ้าพระไม่ทำให้แล้วโกรธก็เลยลงนรก พระพุทธเจ้าจึงทรงห้าม แต่ว่าพระที่อยู่ในป่าท่านมีความจำเป็นก็ใช้ได้ แต่ต้องไม่ให้คนเห็น อย่างพระที่เข้านิโรธสมาบัติ ออกมาแล้วปั๊บร่างกายต้องการอาหารก็ต้องดู เราจะไปหาที่ไหน เห็นหน้าคนที่จะให้ปั๊บ ก็เหาะไปทันที แต่ต้องไม่ให้คนเห็น พอเห็นว่าคนจะเห็นก็ต้องลงเดิน ถ้าเหาะจริงๆ แล้วไวมากตามบาลีว่าที่พระโมคคัลลานน์ขึ้นไปดาวดึงส์ในคราวนั้น บอกว่าแค่ลัดนิ้วเดียว ความจริงไวกว่านั้น แต่ศัพย์ภาษาไทยไม่รู้จะใช้อะไร ความจริงนึกถึงก็ถึงเลย
คาถา "นาสังสิโม" หลวงพ่อให้ท่องเพิ่มเติมเมื่อปี 32
คาถา "เพ็งๆ พา หาๆ ฤาๆ" พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พ.ย. 2533 เป็นภาษาโบราณ แต่เทียบกับภาษาไทยอ่านได้อย่างนี้ เป็นคาถามหาลาภ มีผลยิ่งใหญ่มาก
ที่มาของคาถาเงินล้าน
ก่อนที่อยู่วัดท่าซุงนะฉันอยู่กระต๊อบ เงินร้อยก็หายากสำหรับเงินทำบุญ คาถาวิระทะโย ก็ทำเรื่อยๆ ไป ต่อมาท่านก็มาหา ก็บอกว่า คาถาบทนี้นะที่เขาทำพระวัดพนัญเชิงองค์แรก มีเจ้าอาวาสองค์แรกท่านไป นั่งกรรมฐาน และเสกด้วยคาถาบทนี้สามปี ท่านให้ดูตัวอย่างวัดพนัญเชิงเงินขาดไหมฉันก็ทำมาเรื่อย
มาอีกปีหนึ่ง กำลังบวงสรวง ท่านบอกว่า "คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินแสนนะ" ก็ใช้คาถาบทนั้น มาประ มาณครึ่งปี คนมาทอดกฐินผ้าป่าได้เงินเป็นแสน นี่เห็นชัดนะ
แล้วต่อมา อีกปีหนึ่ง ท่านบอกว่า "คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินล้านนะ" ให้ว่าต่อเนื่องกันไป แล้วไปลง "คาถาวิระทะโย" ต่อมาก็จริง ๆ เพราะปี 27 ก็ใช้เงินล้าน เป็นเดือน ซึ่งไอ้อย่างนี้เราก็คิดไม่ออก ต้อง ค่อย ๆ ใจเย็น ๆ
เวลาว่าไป อย่าไปว่าหวังเอาลาภ คือ ต้องภาวนาด้วยนะ ถ้าทางที่ดี เวลาภาวนากรรมฐาน พอจิตสบายน่ะ ต่อเลย เพราะเวลากรรมฐานนี่จิตเป็นฌาณใช่ไหม เอาอย่างนี้ดีกว่า เวลาฝึกมโนมยิทธิออกไปให้ได้นั้น ออกไปเดี๋ยวเดียวก็ได้ ออกไปได้นี่ จิตเป็นฌาณ 4 เข้าเขตพระนิพพาน ได้จิตสะอาด ถึงที่สุด กลับลงมา ด้วยคาถาบทนี้เลย มากน้อยก็ช่าง ให้หลับไปเลย คือ ถ้าจิตสะอาดมากผลก็เกิดเร็ว
ก็สงสัย เหมือนกันนะ เมื่อปี 26 ท่านบอกว่าปี 27 มีอะไรบ้างก็ตุน ๆ ไว้บ้างนะ 28 จะเครียดมาก การค้า ของใคร ถ้าทรงตัวได้ก็ถือว่า ดีไว้ก่อน อันนี้ท่านบอกว่า "ถ้าลูกเราจะจนก็จนไม่เท่าเขา"
ถ้าพูดถึงผล ฉันก็นั่งดูเรื่อยๆมาว่า เอ๊ะ! เงินแสนมันจะมีมาอย่างไร ภายในปีนั้นปรากฏว่า สมัยนั้นวัดต่าง ๆ เขา ยังไม่ถึงหมื่นเลย แล้วต่อมาคาถาเงินล้านก็ต้องว่าต่อ เพราะต่อไปข้างหน้าต้องใช้เงิน
พระพุทธเจ้าบอกนี่ต้องเชื่อ ต้องใจเย็นๆ ไม่ใช่ไปเร่งรัด ถ้าไปว่าแล้วคิดว่าเราต้องรวยนี่เสร็จ
แถมท้าย เคล็ดลับการท่อง
ถาม : เรื่องลดค่าเงินบาท ?
ตอบ: ไม่ต้องถามจ้ะ เอาคาถาเงินล้านไปตั้งใจท่องอย่างจริงๆ จังๆ มันฟื้นเร็ว
ถาม : ท่องวันละ ๙ จบ ?
ตอบ: รู้มั้ย ? อาตมาเคยท่องวันละ ๑,๒๐๐ จบ จำไว้ว่าถ้าอยากรวยทำแค่นั้นนะเหรอ ? เยอะๆ หน่อย ๓๐๐,๕๐๐ จบไปเลยก็ได้ ท่องไปเลย ๓ วัน ๓ คืนก็ได้ คาถาเงินล้านมีเคล็ดลับอยู่ตรงที่ว่าอย่าทำเพราะอยากได้ให้ทำ เพราะว่าเป็นของดีที่สุดครูบาอาจารย์ให้ไว้ หน้าที่ของเราก็คือรักษาสมบัติครูบาอาจารย์ด้วยการท่องบ่นภาวนาเป็นปกติ อีกข้อหนึ่ง อย่าทำเพราะอยาก ว่าไปเยอะๆ อาตมาเริ่มต้นขึ้นมา ๓๐ ต่อไป ก็ ๓๐๐ มีแต่มากขึ้น ไม่มีน้อยลง ปัจจุบันนี้นึกได้เมื่อไรว่าเมื่อนั้น
ถาม : จะดีขึ้นมั้ยครับ ?
ตอบ: ถ้าหากว่าเอาคาถาเงินล้านไปทำ ทุกอย่างมันจะดี เพราะคาถานี้เป็นเรื่องของลาภผลโดยตรง แล้วห้ามบ่นว่าเหนื่อย ถ้าหากว่าเกี่ยวกับเรื่องการงานมันมาชนิดทำกันตายไปข้างหนึ่งเลย
ถาม : หนักไปทางสวดมนต์
ตอบ: อันไหนก็ได้ ขอให้เป็นการทำความดีเท่านั้น ในเมื่อเราสวดมนต์เก่ง ก็สวดคาถาเงินล้านแทนไปเลย
ถาม : ๙ จบน้อยไป ?
ตอบ: น้อยไป น้อยมาก อาตมาเองเล่นทีหลายๆ ร้อยจบมาหลายปีแล้ว มีอยู่ ๓ ปีเต็มๆ ที่ภาวนาคาถาเงินล้านวันละ ๓๐๐ จบเป็นอย่างน้อย ภาวนาไป ชักลูกประคำไปจน ๒ ข้างด้านเป็นเม็ดเบ้อเร่อเลย ลูกประคำเส้นนั้น โดนเขาปล้นไปแล้ว เพราะว่าชักมันจนเป็นแก้วไปเลย คิดดูแล้วกัน มือถูกับไม้จนกระทั่งไม้ใสเป็นแก้วไปเลย เป็นยังไงล่ะ ? ถ้าไม่ทำจริงๆ ขนาดนั้นไปไม่รอดหรอก
ทำเพราะว่าอาตมาเชื่อครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่าอะไรก็เป็นอย่างนั้น ตลอดเวลาที่เริ่มต้น ตั้งแต่รู้จักศึกษาวิชาการที่สอนให้ ทุกอย่างเป็นไปตามนั้นหมด ในเมื่อท่านบอกว่าคาถาเงินล้านทำแล้วรวย
สมัยหลวงปู่ปาน ก็มีนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่านทำแล้วรวยเป็นหลักเป็นฐาน มาถึงรุ่นหลวงพ่อ ไม่มีใครทำจริงๆ อาตมาก็เลย...กูทำเองก็ได้ อาตมาใช้เวลาสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี เวลา ๑๓ เดือน สร้างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่างจากพื้นดินเปล่าๆ ปัจจุบันนี้ทำที ๔-๕ วัดพร้อมๆ กันโดยไม่กลัวไม่มีสตางค์ เพราะว่าคาถาบทนี้บทเดียว ไปทำเถอะ
ถาม : งานขาดทุน สับสน?
ตอบ: ไม่ต้องสับสนอะไรทั้งนั้น ถ้าเรามาถึงจุดนี้แล้ว โยมมีสมเด็จคำข้าวหรือสมเด็จหางหมาก สมัยหลวงพ่อไหม ? ถ้าหากว่าไม่มีไปหามาแล้วใช้ควบคาถาเงินล้าน ทุกอย่างจะคล่องหมด ขอให้ทำจริงๆ เท่านั้น ทุกอย่างจะคล่องตัวหมด
เคยภาวนาแล้วอยากจะรู้ ว่า ในแต่ละวัน ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาภาวนาคาถาเงินล้าน ภาวนาช้าๆ สติจับตามอยู่ตลอดทุกคำ ประเภทที่เรียกว่าเน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ จะดูว่าได้เท่าไร ปรากฏว่าตั้งแต่ตี ๓ ยัน ๑ ทุ่มของแต่ละวัน จะได้ประมาณ ๑,๒๐๐ จบ จะมีเวลาหยุดกินข้าว ตีซะว่า ๒ มื้อ ๑ ชั่วโมงแล้วกัน ตี ๓ ถึง ๑ ทุ่มทำอยู่ทุกวัน ทำอยู่ประมาณ ๓ เดือนเต็มๆ ทำจนกระทั่งคำนวณได้ว่าแต่ละวันจะได้ประมาณ แต่ถ้าท่องเร่งๆ ได้เยอะกว่านั้นเยอะ แต่นี่ประเภทเอาคุณภาพกันเลย ทำให้มันจริงๆ ซะที อาตมาเอาต้นทุน ๓๐๐ นี่ล่อซะ ๓ ปีเต็มๆ เสร็จแล้ว ๑,๒๐๐ จบนี่เล่นอยู่ประมาณ ๓ เดือน แล้วหลังจากนั้นมาเปลี่ยนเป็นนึกได้เมื่อไรก็ว่าเมื่อนั้น ไอ้เรื่องนับจบเลิกนับแล้ว
สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนธันวาคม ๒๕๔๕(ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น