++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นิทานเซ็น : นักหมากรุกผู้แสวงหา

นิทานเซ็น : นักหมากรุกผู้แสวงหา
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ได้รับความผิดหวังอย่างหนักในชีวิต จึงไปที่วัดซึ่งตั้งอยู่ในที่เปลี่ยวแห่ง
หนึ่ง และกล่าวกับสมภารว่า
“กระผมรู้สึกเบื่อหน่ายต่อชีวิต จึงปรารถนาจะแสวงหาการรู้แจ้ง เพื่อให้หลุดพ้นจากความ
ทรมานนี้ แต่กระผมไม่มีความสามารถที่จะปฏิบัติสิ่งใดติดต่อกันเป็นเวลานาน กระผมไม่อาจใช้เวลา
นั่งสมาธิได้นานเป็นปีๆ หรือศึกษาเล่าเรียน และอดออมจากสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ กระผมคงกลับไปเลว
อย่างเก่าอีก และถูกชักนากลับไปยังโลกอีกแน่ๆ..........ถึงแม้กระผมจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เจ็บปวด
คนอย่างกระผมนี้จะพอมีหนทางสั้นๆ เพื่อเข้าถึงพระธรรมได้ไหมขอรับ”
สมภารตอบว่า
“มีสิ ถ้าโยมตั้งใจจริง บอกอาตมาหน่อยว่า โยมศึกษาอะไรมาบ้าง โยมได้ตั้งสมาธิในสิ่งใด
มากที่สุดในชีวิตของโยม”
“กระผมไม่ได้ศึกษา หรือตั้งสมาธิเรื่องใดหรอกขอรับ ครอบครัวของกระผมร่ารวย กระผมจึง
ไม่ต้องทางาน กระผมคิดว่า สิ่งที่กระผมสนใจมากที่สุดก็คือ หมากรุก กระผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่ใน
การเล่นหมากรุก เท่านั้นขอรับ” ชายหนุ่มตอบ
สมภารนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบอกลูกศิษย์ว่า
“จงไปตามตัวพระมาหาอาตมาที่นี่ บอกให้นาเอากระดานหมากรุก และตัวหมากรุกมาด้วย”
พระเดินถือกระดานหมากรุกมาวางลง สมภารจัดวางตัวหมากรุก และบอกให้ลูกศิษย์หยิบ
ดาบมาให้
สมภารชูดาบให้พระและชายหนุ่มดู พลางพูดว่า
“พระรูปนี้ได้ให้คามั่นสัญญาว่า จะเชื่อฟังอาตมา ในฐานะที่เป็นสมภารเจ้าวัด บัดนี้ อาตมา
ขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตามคาสัญญา ท่านจงเล่นหมากรุกกับชายหนุ่มคนนี้ ถ้าท่านเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
อาตมาจะตัดศีรษะของท่านด้วยดาบเล่มนี้ แต่อาตมาสัญญากับท่านว่า ท่านจะได้ไปเกิดใหม่ใน
สรวงสวรรค์ แต่ถ้าท่านเป็นฝ่ายชนะ อาตมาจะตัดศีรษะของชายหนุ่มคนนี้ เพราะชายหนุ่มพยายาม
อยู่อย่างเดียวคือการเล่นหมากรุกเท่านั้น ถ้าเขาเล่นแพ้เขาก็ควรสูญเสียศีรษะของเขาด้วย”
พระกับชายหนุ่มมองหน้าสมภาร และเห็นว่า สมภารมีทีท่าจิงจังในคาพูด......ถ้าใครเป็น
ฝ่ายแพ้คนนั้นจะต้องถูกตัดศีรษะด้วยดาบ
พระกับชายหนุ่มเริ่มต้นเล่นหมากรุกแข่งขันกัน
เมื่อเริ่มเล่น ชายหนุ่มรู้สึกว่า เหงื่อของเขาไหลย้อย หยดลงไปจนถึงปลายเท้า ขณะที่เขา
เล่นเพื่อเอาชีวิตรอด
กระดานหมากรุกกลายเป็นโลกทั้งโลกสาหรับเขา ชายหนุ่มมุ่งสมาธิอยู่ที่กระดานหมากรุก
เท่านั้น
ในช่วงแรก ชายหนุ่มทาท่าว่าจะสู้ไม่ได้แต่เมื่อพระเดินแต้มเพลี่ยงพล้า ชายหนุ่มจึงฉวย
โอกาสรุกอย่างหนักหน่วง
ขณะที่คู่ต่อสู้เขาเสียที ชายหนุ่มก็ลอบมองดูหน้าพระ เขาเห็นใบหน้าซึ่งแสดงความฉลาด
และจริงใจ มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาของความสมถะและพากเพียร แล้วเขาก็นึกถึงชีวิตอันไร้ค่าของ
ตนเอง
ชายหนุ่มรู้สึกเมตตาสงสารพระอย่างสุดซึ้ง เขาจึงจงใจแสร้งเดินหมากรุกให้ตัวเองเป็นฝ่าย
เพลี่ยงพล้า......ซ้าแล้วซ้าอีก จนเขาเสียเปรียบ และไม่อาจป้องกันตัวเองได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น สมภารก็ชะโงกหน้ามาพลิกกระดานหมากรุกล้มคว่า คู่แข่งขันทั้งสองต่างนิ่งงงงัน
สมภารพูดว่า
Page 2
“ตกลงว่า ไม่มีใครแพ้ใครชนะ ไม่ต้องมีใครเสียศีรษะ ต้องการเพียงสองอย่างเท่านั้น คือ
สมาธิที่มุ่งมั่น และความเมตตาสงสาร.......” สมภารหันไปทางชายหนุ่มและบอกเขาว่า
“วันนี้โยมก็ได้เรียนรู้ทั้งสองอย่างนี้แล้ว โยมตั้งสมาธิมุ่งมั่นในการเล่นหมากรุก แต่ในสมาธิ
นั้นเอง โยมเกิดเมตตาสงสาร และยอมอุทิศชีวิตของตัวเอง เอาละ.....โยมจงอยู่ที่วัดนี้สักสอง-สาม
เดือน เพื่อติดตามการฝึกจิตวิญญาณต่อไป แล้วการรู้แจ้งก็จะเป็นผลแน่ๆ”
ชายหนุ่มปฏิบัติตามที่สมภารบอก และได้รับสิ่งที่เขาปรารถนา
คัดลอกจาก http://www.dharma-gateway.com/
ผู้คัดลอกและเรียบเรียง hs6kjg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น