++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

เปิดตำรา"น้ำอบไทย มสด." ของขวัญแทนใจ ต้อนรับสงกรานต์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    

   
เวียนบรรจบมาเป็นทุกปี สำหรับเทศกาลคลายร้อน ใน “วันปีใหม่ไทย” หรือที่ใครต่อใครเรียกกันติดปากว่า เทศกาลวันสงกรานต์ ทั้งนี้ สถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม รั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ถือโอกาสดีจัดทำของขวัญสุดพิเศษ เพื่อต้อนรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ ซึ่งนั้นก็คือ “น้ำปรุง หรือ น้ำอบไทย” เพื่อใช้ในการรดน้ำดำหัวขอพรจากญาติผู้ใหญ่ ซึ่งในปีนี้ได้คิดค้นสูตรใหม่ กลิ่นหอมชื่นใจ ด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกุหลาบ มะลิ กระดังงา ลีลาวดี
      
       รศ.ดร.ชวนี ทองโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตกล่าวว่า ทุกๆปี เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ สถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มสด. ได้นำน้ำอบไทย ขึ้นถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งในปีนี้พิเศษกว่าทุกปี เพราะได้แต่งเติมกลิ่นของน้ำอบไทยให้หอมด้วยกลิ่นดอกไม้ไทย
      
       " การปรุงแต่ง น้ำอบไทยถือว่า ตำรับชาววังของคนไทยในสมัยก่อน เพราะขั้นตอนกรรมาวิธีการทำขั้นทำมาจากไม้หอม น้ำลอยดอกไม้ และเทียนหอม แต่ปัจจุบันได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่หลักสูตรใหม่ แต่ยังคงความเป็นไทยอยู่
       ปัจจุบัน นี้น้ำอบไทยเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ใช้ของฝากข องขวัญในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ หลายคนนำกลับไปเป็นของขวัญกลับบ้าน เพื่อไหว้ผู้ใหญ่ที่นับถือ หรือทำพิธีรดน้ำดำหัว และขอพรจากผู้ใหญ่
      
       สำหรับปีนี้มสด. ได้จัดสูตรน้ำอบที่แต่งเติมด้วยกลิ่นดอกไม้ให้หลากหลายมากขึ้น พร้อมด้วยแพ็คเก็ตรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่เน้นความเป็นไทยด้วยการสานตะกร้าชลอม ขนาดเล็ก ขยาดย่อมเยา”
      
       ด้าน บุษกร เข่งเจริญ วิทยากรประจำสถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม เผยสูตรถึงหลักสูตรการปรุงน้ำอบไทยสวนดุสิต โดยเริ่มต้นด้วยการ เตรียมส่วนผสม ๓ ส่วนด้วยกัน คือ เครื่องต้ม เครื่องร่ำ และเครื่องปรุง
      
       “เครื่อง ต้ม ประกอบด้วย จันทน์เทศ ใบเตย ชะลูด เครื่องร่ำ ประกอบด้วย กำยานป่น จันทน์เทศป่น ผิวมะกรูดป่น น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง พิมเสน น้ำมันจันทน์ และเครื่องปรุง ประกอบด้วยแป้งหิน ชะมดเช็ด พิมเสน และหัวน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ไทย เช่น กุหลาบ มะลิ กระดังงา ลีลาวดี ลำเจียก
       หลัง จากต้มน้ำให้เดือดแล้วจึงใส่จันทน์เทศสับกับชะลูด จากนั้นต้มต่อ ๑๕ นาที แล้วยกลงกรองด้วยผ้าขาวบางทิ้งไว้ให้เย็น ต่อไปเป็นขั้นตอนการอบควันเทียน ๓-๕ ครั้ง ครั้งละ ๑๕-๒๐ นาที ต่อด้วยขั้นตอนการอบร่ำ โดยนำน้ำที่เย็นแล้วมาอบร่ำ แล้วนำเครื่องอบร่ำทั้งหมดผสมรวมกันใส่กำยานป่น จันทน์เทศป่น ผิวมะกรูดป่น น้ำตาลทรายขาว น้ำตาล
      
       ขั้น ตอนการปรุงกลิ่น เมื่ออบควันเทียนเสร็จแล้วให้นำพิมเสนบดละเอียด ผสมกับแป้งหินบดให้เข้ากันจนเนียน ใส่ชะมดเช็ดและหยดหัวน้ำหอมกลิ่นต่างๆลงไป และดอกไม้หอมบดให้เข้ากัน ตักน้ำอบที่พักไว้ ใส่ส่วนผสมดังกล่าวแล้วกวนให้เข้ากันแล้วกรองด้วยผ้าขาวบางกวนให้เข้ากัน แล้วตักแบ่งใส่ขวด”
      
       ส่วนเคล็ดลับของการปรุงน้ำอบไทยสูตรสวนดุสิต อยู่ที่การดูแลความสะอาดในทุกๆขั้นตอน เพราะถ้าไม่สะอาดน้ำอบไทยจะเก็บไว้ได้ไม่นาน และจะมีกลิ่นเหม็น เมื่อนำไปประพรมก็จะแพ้เป็นผื่นคัน และทางเราก็มีขั้นตอนในการอบกำยานและควันเทียน ซึ่งในขั้นตอนนี้จะช่วยให้ไม่เกิดการแพ้ และน้ำอบก็จะไม่เสียเก็บได้เป็นปี ยิ่งนานวันกลิ่นจะยิ่งหอม และกลิ่นที่ได้รับความนิยม คือ มะลิและกุหลาบ นอกจากนั้นยังมีอีก ๔ กลิ่น คือ จันท์กะพ้อ โมก กระดังงา ราชาวดี ชมมะนาด
      
       **สนใจสอบถามรายละเอียดและขั้นตอนการปรุงน้ำอบไทยได้ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 02-2445100 หรือ 02-2445351-2

http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000039707

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น