++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อภิสิทธิ์กับประชา : ใครจะพาชาติล่มจม

โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ     14 ธันวาคม 2551 18:24 น.
ท่านผู้อ่านที่เคารพ บ่ายวันอาทิตย์นี้ผมกลับจากงานประชุมเพลิงน้องติ๊ก หรือ ศศิธร เชยโสภณ การ์ดอาสาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เสียชีวิตหลังจากพันธมิตรฯ เลิกชุมนุม เพราะอุบัติเหตุในการช่วยขนของ
      
        ถึงบ้านเมื่อเวลา 15 น.พอดี นึกถึงคำสัญญากับผู้จัดการว่าจะต้องเขียนเรื่องการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ อเลือกนายกรัฐมนตรีในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2551 คือประมาณ 15 ชั่วโมงนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ผมเริ่มรู้สึกตัวว่าทั้งผมและท่านผู้อ่านจะต้องพากันตกเป็นเหยื่อของระบบทั้ งหลายที่ครอบงำเราอยู่แน่นหนา
      
        ทุกวันนี้สุขภาพและภารกิจมันไม่เอื้ออำนวยให้เวลากับผมอย่างเพียงพอที่จะทำอ ะไรๆ ให้ปลอดโปร่งได้ผลดังตั้งใจเลย รวมทั้งเรื่องที่ผมอยากร่วมทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านให้แจ่มแจ้งว่า เราจะช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองไทยได้หรือไม่ ถ้าได้ จะทำอย่างไร ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไร มีอะไรเป็นอุปสรรค และมีอะไรเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้สำเร็จได้บ้าง
      
        ขณะนี้ คนไทยจำนวนไม่น้อยถอดใจ และปลงล่วงหน้าแล้วว่าการเมืองน้ำเน่าและวิกฤตการเมืองไทย ไม่มีทางแก้ได้ เว้นเสียแต่ว่าพระสยามเทวาธิราชและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านเมืองทั้งหลายจ ะพากันลงมาช่วย
      
        ซึ่งความหวังเหล่านี้เป็นความหวังที่ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ ขัดกับหลักของพระพุทธศาสนา และขัดกับความเป็นจริงในทางการเมือง
      
        แปลว่าอย่างไร ก็แปลว่าหากฝากความฝันไว้ลมๆ แล้งๆ อย่างนี้ ประเทศชาติล่มจมอย่างที่ในหลวงทรงปริวิตกแน่ๆ
      
        ถ้าอย่างนั้นจะหันไปพึ่งใครดี จะพึ่งในหลวงได้หรือไม่
      
        มีคำถามเป็นชุดๆ มาสู่ผมดังต่อไปนี้
      
        ถาม พรุ่งนี้จะเปิดประชุมสภาฯ ได้หรือไม่
      
        ตอบ ทำไมจะเปิดไม่ได้ ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมแล้ว ส่วนจะเปิดได้จริงๆ หรือไม่เพราะอาจจะมีม็อบสีแดงไปขัดขวางเหมือนกับที่ม็อบสีเหลืองเคยทำมาแล้ว ใครจะรู้ นอกจากทักษิณกับหัวหน้าเสื้อแดงเท่านั้น หรือไม่เปิดแล้วก็อาจจะประชุมไม่ได้เพราะขาดองค์ประชุมเหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่พรรคพลังประชาชนเองล่มสภาฯ เพราะต่อรองผลประโยชน์กันไม่ลงตัว กับทั้งครั้งนี้ประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ทั้งสอง อาจถูกคัดค้านว่าขาดคุณสมบัติ เพราะอาจถูกตีความว่าผู้แทนสัดส่วนหมดสภาพไปพร้อมพรรค และผู้แทนเขตจะต้องเข้าพรรคให้ถูกต้องครบถ้วนตามขบวนการในกฎหมายประกอบรัฐธร รมนูญว่าด้วยพรรคเสียก่อน จะทำลับๆ ล่อๆ จนบัดนี้ใครอยู่พรรคไหนเท่าไร ก็ไม่มีใครยืนยันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองหรือ กกต.
      
        ดังนั้นถึงเปิดได้ ทุกอย่างก็อาจจะเป็นโมฆะหมด ยังไม่รู้ว่าใครจะตัดสินว่าอะไรเป็นยังไงให้เป็นข้อยุติได้ ไม่รู้จะเร่งรีบเอาอนาคตของชาติไปเสี่ยงกับหายนะและความไม่แน่นอนทำไม เพื่อใคร
      
        ถาม ถ้าเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วเกิดเป็นโมฆะ (1) ใครจะรับผิดชอบ (2) ทำไมจะต้องเร่งนักหนาให้ในหลวงทรงเปิดสภาฯ (3) ในหลวงทรงทราบหรือไม่ว่าเปิดแล้วจะยุ่ง แล้วทรงลงพระนามทำไม
      
        ตอบ (1) ไม่ทราบ (2) ฝ่ายสภาฯ และพรรคการเมืองเร่งกันเอง เพราะต้องการชิงอำนาจรัฐ ตั้งรัฐบาล ต้องชิงไหวชิงพริบกัน ใครได้เปรียบก็อยากเปิดก่อน เกรงหมากพลิกถ้าปล่อยให้ช้า (3) ไม่ทราบว่าทรงทราบหรือไม่ ทราบแต่ว่าพระองค์เคยตรัสกับคณะองคมนตรีว่า ส่งอะไรมาก็จะเซ็น เพราะหน้าที่ตรวจสอบว่าอะไรถูกต้องหรือไม่ เป็นของผู้ที่ส่งเรื่องขึ้นมา มิใช่ของในหลวง เพราะฉะนั้น หากไม่พากันตรวจสอบจะผลักภาระให้แต่ในหลวง อย่าพากันน้อยใจหรือไปโกรธท่าน ต้องโทษคนที่รีบส่งขึ้นมา
      
        ถาม ได้ยินอ้างกันว่าเบื้องบนเร่งอยากให้มีรัฐบาล จะได้มีนายกรัฐมนตรีไว้คอยรับนายกฯ จีน จะได้รีบประชุมอาเซียน จะได้เลิกขัดแย้งกันเสียที
      
        ตอบ บ้านเมืองเราไม่มีรัฐมนตรีประจำราชสำนัก หรือ Lord Chancellor อย่างอังกฤษ แถมยังไม่มี Privy Council ขนาดใหญ่ที่เข้มแข็งและทำงานเป็นระบบเหมือนเขาอีก เวลาพระเจ้าอยู่หัวถูกอ้างหรือแม้กระทั่งถูกโจมตีอย่างเสียหาย จึงไม่มีใครทำอะไรได้ ใครอยากอ้างอะไรก็อ้าง และไม่มีใครรู้ว่าความจริงคืออะไร คนที่มีสติสัมปชัญญะและรับผิดชอบจะต้องยึดหลักและตัดสินใจด้วยกฎหมาย มิใช่ด้วยข่าวลือหรือการแอบอ้างเบื้องบน
      
        ถาม นอกจากนั้นครั้งนี้ ก็มีข่าวลืออีกว่า เบื้องบนสั่งกองทัพให้ไปเปลี่ยนขั้วให้สำเร็จ ถ้าไม่สำเร็จก็จะต้องปฏิวัติยึดอำนาจเพื่อรักษาบ้านเมือง
      
        ตอบ คำลือนั้นเป็นเรื่องเหลวไหล มิบังควร และยิ่งถ้าหากออกไปจากองทัพหรือผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ก็จะยิ่งเสียหายหนัก น่าสังเกตว่าคำลือนี้สอดคล้องกับบทความและข่าวในสื่อต่างประเทศทั่วโลกที่โจ มตีพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นต้นตอของการปฏิวัติและเผด็จการทหาร ซึ่งไม่มีมูลความจริงอย่างสิ้นเชิง ข่าวนี้และการเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับข่าวเกิดขึ้นอย่างมีระบบได้อย่างไร สมควรจะต้องติดตาม และถอนรากถอนโคนให้สิ้น น่าสังเกตว่าเทปของอดีตนายกฯ ทักษิณก็กล่าวหากองทัพอย่างหนัก แต่มิได้พูดถึงพระเจ้าอยู่หัว
      
        ถาม คิดว่าพรุ่งนี้จะเลือกนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ อภิสิทธิ์กับพล.ต.อ.ประชา ใครจะดีกว่ากัน
      
        ตอบ รู้จักและรับได้ทั้งคู่ ใครก็ได้ที่มาตามครรลองรัฐธรรมนูญและกระบวนการการเมืองประชาธิปไตยที่ถูกต้อ ง แต่คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากใครก็ตามได้ตำแหน่งมาโดยซ่อนเร้นกระทำผิดกฎหมายและไร้ศีลธรรมจรรยา แสดงละครหลอกและตบตาประชาชน ก็จะพาตนเอง พรรค และประเทศชาติไปสู่หายนะทั้งคู่ น่าห่วงมากๆ
      
        ถาม ทำไมจึงห่วงถึงปานนั้น พันธมิตรฯ บอกหรือ
      
        ตอบ เดียงสาและพรรษาการเมืองพันธมิตรฯ อ่อนกว่าผมถึงครึ่งศตวรรษ ห้าสิบปีของการเป็นนักเรียนการเมืองไทยทำให้ผมมีประสบการณ์และข้อมูลพอที่จะ ทราบว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นการแบ่งอำนาจรัฐ ฝ่ายที่ครองอำนาจรัฐอยู่ก็ได้มาด้วยการปล้นฉ้อฉลและทำลายกฎหมาย ฝ่ายที่ต้องการแย่งชิงก็ต้องการใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง เพราะฉะนั้นเกมชิงอำนาจรัฐครั้งนี้ ต้องชิงไหวชิงพริบกันเป็นวินาที ปัจจัยหลักคือการทุ่มเงินเข้าสู้กัน การผสมโรงและตามน้ำด้วยอำนาจกองทัพนั้นมีอย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ และกองทัพที่ด้อยความรู้ทางการเมือง ตกเป็นเหยื่อของการแอบอ้างและผลประโยชน์ทางยศตำแหน่งของตนเองและรุ่นพี่รุ่น น้อง ก็จะทำให้กองทัพและประเทศชาติหวนกลับเข้าไปสู่วงจรอุบาทว์และหรือวัฏจักรน้ำ เน่าอีกครั้งหนึ่งน่าเสียดาย
      
        ถาม ข้อมูลหรือเหตุผลอะไรที่ทำให้แน่ใจปานนั้น
      
        ตอบ มีแต่ยังไม่บอก เป็นหน้าที่ของสื่อ นักวิชาการ และคนที่รักบ้านเมืองจะต้องพากันไปค้นคว้าและพิสูจน์เอาเอง อย่าเชื่อข้ออ้างของใครคนเดียวเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงแดง คนใกล้ชิดเนวิน คิงส์เพาเวอร์ อภิมหาบริษัท เตรียมทหาร 6 เตรียมทหาร 10 ต้องเอาพวกนี้มาเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์จับโกหกและตรวจสอบอวิชชา มานะ ตัณหาและมิจฉาทิฐิดูก่อน ว่าใครบริสุทธิ์จริงหรือไม่
      
        ถาม น่าสงสารประเทศไทย
      
        ตอบ อย่าสงสารเลย ประเทศไทยน่าอิจฉาต่างหาก มีทุกอย่างดีๆ และมีสิ่งที่คนอื่นเขาไม่มี หากประเทศไทยมีของศักดิ์สิทธิ์ และชาติไทยเคยทำบุญมากกว่าบาปในชาติก่อนและชาตินี้ ถึงวันจันทร์นี้จะเหมือนกับตกนรกหมกไหม้ แต่ในที่สุดถ้าสังคมไทยพากันเจริญสติ ก็จะหาทางออกได้เสมอ เพราะชาติไทยเป็นชาติที่แก้ปัญหาได้ด้วยปัญญาเสมอมา มิใช่ด้วยอำนาจหรือเงิน

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000146986


----
    รักและเคารพ อ. ปราโมทย์ นาครทรรพมาก ๆ ครับ รู้สึกศรัทธามากยิ่งขึ้นกับความเป็นพันธมิตรของตัวผมเองและพ่อ แม่ พี่ น้อง หลานๆ ทุกคนที่มีส่วนร่วมกับ 193 วันแห่งการต่อสู้ จนทุกวันนี้ยังเฝ้าคิดหวนถึงวันวานเหล่านั้นได้ดีอยู่ ทุกการเคลื่อนไหวของ พธม. ชอบอ่านและติดตามบทความทุกชิ้นของท่านอาจารย์ เพราะต้องยอมรับว่าท่านอาจารย์นั้นเป็นปูชนียบุคคลผู้ควรค่าแก่ได้ได้รับการ กราบไหว้ และถือเอาเป็นเยี่ยง และอย่าง โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อชาติบ้านเมือง....
ห ลายครั้งหลายคราที่ผมต้องตอบคำถามและอธิบายถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ นานา สารพัดที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ของ พธม. ให้กับเพื่อน ๆ ซึ่งพวกเราทุกคนล้วนมีการศึกษาที่ดี ด้วย International Program ผ่านการใช้ชีวิตมาแล้วในเมืองนอกซึ่งเป็นเมืองที่ Clean Democracy อย่างอเมริกา แต่กระนั้น บางครั้งการที่ต้องอธิบายทั้งกับเพื่อนต่างชาติเองก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เท่ากับการที่ต้องพูดภาษาไทย กับเพื่อน ๆ คนไทยด้วยกันเอง ซึ่งทำให้สะท้อนใจว่า เหตุการณ์เกิดในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองแท้ ๆ เพื่อน ๆ หลายคนกลับไม่ได้ให้ความสนใจ หรือแม้กระทั่งจะสงสัยว่าทำไม ผู้เสียสละอันยิ่งใหญ่อย่างพ่อแม่พี่น้อง หรือแม้กระทั่งน้องบอล จะต้องมาตากแดด ลม ฝน หนาว ครบทุกฤดูขนาดนี้ ไม่แม้กระทั่งจะติดตามข่าวสาร หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ผิดกับเพื่อน ๆ ต่างชาติที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะเข้าใจดีเรื่องของการเคลื่อนไหวทางการเมือง แม้กระทั้งการปิดสนามบินซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งหลายเมืองใหญ่ ๆ บนโลกใบนี้ การนี้ใคร่ขออนุญาตยกเอาบทความที่ท่านอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพ ได้กรุณาเขียนในคอลัมน์ Opinion: Letters to the Editor ของ นสพ The Nation หน้า 7A เพื่อเป็นการตบหน้าเพื่อน ๆ ของผมหรือไม่ก็คนไทยส่วนใหญ่อีกหลายคนที่ชอบพูดว่า "อายชาวต่างชาติ" ที่เห็น PAD ทำแบบนั้นแบบนี้โดยเฉพาะการปิดสนามบินแห่งชาติทั้งสองแห่ง เป็นการฉาดเพียงเบา ๆ ให้ได้รู้สึกถึงอะไรคือสาระสำคัญไปกว่านั้น ข้อความมีดังนี้.........

"THE NATION Saturday, December 6, 2008 7A
LETTERS TO THE EDITOR

The West should look in its own backyard first

Re: 'Envoys chide Thailand for airport blockades', 2B, December 5

Please forward my compliments to those youthful envoys.
I have lived long enough in the US and Europe to learn the true meaning of Western hypocrisy both in words and in actions. I have lived through several airport closures there.
I recall the shutdown of numerous "international" airports in the US during the Reagan years due to an air-traffic controllers strike, which also resulted in a sympathy strike in Canada. I also suffered several total airport, bus and train strikes in the UK, Italy and France. The reasons behind those were failure in negotiations on union wage disputes, a petty and selfish case in a Thai's view.
The People's Alliance for Democracy has had a loftier cause, to safeguard our country from the enemies of democracy who usurped powers via rigged elections. They have destroyed our constitution, human rights and lives, plundered our treasury, ignored our laws and every moral fibre in our society.
The PAD did not close the airports. They made it clear from the start that they only wanted to chase out the illegitimate Somchai Wongsawat government. Airports of Thailand could have continued passenger and cargo flights 24 hours a day since the runways and the air traffic control towers were not touched and two full days could have been set apart between the Suvarnabhumi and Don Mueang demonstrations.
It was only through the government's actions and black propaganda to discredit PAD that those diplomats have raised their voices without looking at the experience and records of their own countries. Indeed we have learned about democratic protests and airport seizures in the West, but ours was more civilised.
It is their turn to come and learn how the PAD managed a peaceful and civilised political protest for 193 days, including the behaviour at the two airports, without burning a single chair or dirtying a toilet seat, let alone breaking doors and windows, turning cars and coaches upside down in flames as I had seen with my own eyes several times over in countries of Europe and America.
It is not prudent for diplomats to easily condemn whereas it is more natural for them to condone evil governments for their national interests.
PRAMOTE NAKORNTHAB
NONG KHAI........."

บ างทีก็หวังเล็ก ๆ ว่าเพื่อน ๆ(เด็กนอก) ของผม จะรู้จักท่านอาจาย์บ้าง จะได้รู้ว่า พธม. เรามีใครร่วมเดินไปด้วย อย่ามัวแต่อายฝรั่งกุ๊ยแถวข้าวสาร นานา สีลม พัทยา และที่อื่น ๆ อีกทุกที่ในเมืองไทย เพราะพวกมันไม่มา ประเทศไทยก็พัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไปได้ด้วยพระบารมีของพ่อหลวงแม่หลวงของปวงช นชาวไทย......

เย็นศิระ เพราะพระบริบาล
PAD Anta

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น