++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง คนไม่ดีแพ้ภัยตัวเอง

ความ พยายามของคนไม่ดีที่จะกระทำการใด ๆ อันเป็นภัยกับประเทศไทยและคนไทยทั้งประเทศ ย่อมมีอันเป็นไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอมา เพราะประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราช มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวาอาลักษณ์ทั้งหลาย ตลอดจนอดีตพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ปกปักษ์รักษาคุ้มครอง ดังนั้น คนไม่ดีคนคิดชั่วต่อแผ่นดินย่อมแพ้ภัยตัวเองและถึงกาลวิบัติในที่สุด เพียงแต่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ที่กฏแห่งกรรมการกระทำของแต่ละบุคคล

ดัง เช่นที่ประชาชนคนไทยได้เห็นความวิบัติอย่างต่อเนื่องของขบวนการผู้ก่อการแดง ตัวการใหญ่ที่บงการทำร้ายทำลายประเทศไทย ต้องมีอันเป็นไปไม่มีแผ่นดินจะอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องระเหเร่ร่อนเป็นสัมภเวสีอยู่ในต่างแดน และบรรดาบริวารลิ่วล้อทั้งหลายก็ต้องมีอันเป็นไปติดคุกติดตะรางรอรับโทษ ทัณฑ์ที่ก่อกรรมทำเข็ญจากการเผาบ้านเผาเมือง และเข่นฆ่าทหาร และประชาชน ในเหตุการณ์ปี 2552 และ 2553 ที่ขบวนการผู้ก่อการร้ายแดงทั้งหัวแถวและปลายแถวได้ก่อขึ้น

จนกระ ทั้งเหตุการณ์ล้าสุด กรรมติดจรวด และเป็นบุญของประเทศที่ขบวนการผู้ก่อการร้ายแดงก่อวินาศกรรมวางระเบิดป่วน บ้านป่วนเมืองหลาย ๆ จุดต้องมีอันเป็นไปแพ้ภัยตัวเอง ด้วยการถูกระเบิดที่ประกอบขึ้นกับมือของตัวเอง ซึ่งระเบิดมีอนุภาพร้ายแรงทำร้ายทำลายร่างกายแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี อันเป็นกรรมหนักที่เห็นทันตาอย่างแท้จริง เพราะได้มีการวางระเบิดที่จุดต่าง ๆ ก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้ง

หรือ กรณีพวกกลุ่มคนเสื้อดำสิบกว่าคนที่ถูกจับในรีสอร์ทภาคเหนือ ก็เช่นเดียวกันที่มีเป้าหมายมุ่งร้ายทำลายชาติบ้านเมืองต้องแพ้ภัยตัวเอง เพราะอยู่ ๆ ก็มีสิ่งบันดาลใจให้คนเสื้อดำที่ร่วมขบวนการออกมาเปิดเผยว่าเป็นกองกำลังฝึก อาวุธจากชายแดนกัมพูชา โดยทยอยเดินทางไปร่วมตัวกันเพื่อเตรียมก่อการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่เป็น ผลดีต่อบ้านเมือง จึงเป็นที่มาของการเข้าไปจับกุมบุคคลเหล่านี้ในรีสอร์ท โดยจับกุมได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่ายังจับไม่ได้ทั้งหมด

ขบวนการทั้ง สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ต้องถือว่าเป็นการแพ้ภัยตัวเองของขบวนการทำร้ายทำลายประเทศชาติ และสถาบัน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ความอาฆาตแค้นของคนบางคนและความพยายมที่จะล้างแค้นด้วยจิตใจที่โหดอำมหิต นั้น ในช่วงนี้จะออกมาในลักษณะก่อวินาศกรรมป่วนบ้านป่วนเมือง และลอบสังหารบุคคลสำคัญของประเทศ

และภาพที่ออกมาเห็นได้ชัดเจนว่า ขบวนการแก้แค้นจองล้างจองผลาญได้มีการกระทำอย่างเป็นระบบ โดยคนกลุ่มหนึ่งเตรียมการก่อนาศกรรมต้องแพ้ภัยตังเองด้วยการถูกระเบิดตายคา ที่ในห้องพัก ก่อนที่จะก่อวินาศกรรมวางระเบิดสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ในครั้งต่อ ๆ ไป และคนกลุ่มหนึ่งที่สันนิษฐานว่าเตรียมการลอบสังหารบุคคลสำคัญของประเทศต้อง แพ้ภัยตัวเองถูกจับกุมได้ ก่อนที่จะก่อเหตุร้ายขึ้นในบ้านเมือง

แต่ ที่ยังหลงเหลืออยู่คือ บรรดาคนแก่อีกหลาย ๆ คนที่กระสันใฝ่ฝันอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีจนตัวสั่น ทั้ง ๆ ที่มีบทเรียนหลาย ๆ ครั้ง ที่คนแก่ถูกหลอกใช้ แต่ก็ยังยอมให้หลอก และเป็นเรื่องที่แปลก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยนี้ยากเย็นแสนเข็ญ แต่คนแก่หลาย ๆ คนก็ยังอยากจะได้ชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเคยเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทย แม้จะต้องเสียคนตอนแก่ก็ยอม นับว่าเป็นเรื่องแปลก

เวรกรรมของบ้าน เมืองจะยังไม่สิ้นสุด ถ้าหากว่าประเทศไทยยังมีนักการเมืองเลว ๆ ชั่ว ๆ ยึดบ้านครองเมืองเช่นทุกวันนี้ และต้องถือว่านักการเมืองเหล่านี้โดยแท้ที่จะทำร้ายทำลายประเทศชาติอย่างต่อ เนื่อง ดังเช่น เมื่อมีการปฏิวัติวันที่ 19 กย. 2549 คนทั้งประเทศมีความหวังที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเมื่อมีการกำจัด นักการเมืองชั่ว ๆ คนหนี่งให้พ้นจากวิถีทางการเมืองประเทศไทย แต่ผลสุดท้าย ก็มีนักการเมืองเลว ๆ อีกคนหนึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีรวบรวมนักการเมืองกลุ่มต่าง ๆ กลับไปจับมือสนับสนุนให้นอมินีจของคนชั่ว ได้ย้อนกลับมายึดครองอำนาจสร้างความวิบัติหายนะแก่ประเทศ และสุดท้ายจบลงที่เผาบ้านเผาเมือง เข่นฆ่าทหาร ประชาชน อันเป็นที่มาของขบวนการผู้ก่อการร้ายแดง ที่มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้มสถาบัน เต็มแผ่นดินอยู่ในขณะนี้

และ คนเลว ๆ คนนั้น กับ คนชั่ว ๆ คนนั้น ณ ขณะนี้ก็ยังไม่คิดสำนึกผิดที่จะหยุดทำร้ายทำลายประเทศชาติ เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว จึงคาดหวังว่าสักวันหนึ่ง พระสยามเทวาธิราช และศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จะลงโทษลงทัณฑ์คนเหล่านี้ต้องมีอันเป็นไปแพ้ภัยตัวเองและถึงกาลวิบัติในที่ สุด

ประชาชน
7 ตุลาคม 2553
.................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น