สุรินทร์ - ชาวเมือง ช้างเหยื่อ “แชร์ลูกโซ่สุนัข” ร่วม 20 ราย เรียกร้อง ตร.เร่งลากคอเท้าแชร์สองผัวเมียยัดคุกหลังฉ้อโกงเชิดเงินกว่า 30 ล้านหนีลอยนวล แต่คดีไม่คืบหน้า เผยหลอกชวนนำเงินมาร่วมลงทุนขายสุนัขพันธุ์สวยงาม สุดท้ายเป็นเพียงหมาลมก่อนปิดร้านหนี หวั่นประชาชนตกเป็นเหยื่อถูกตุ๋นอีกจำนวนมาก
วันนี้ (6 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองสุรินทร์ น.ส.นัฐ ปภัสร์ จารัตน์พรกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 517 บ.ตรวจระบอบพัฒนา ม.19 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พร้อมด้วย น.ส.วิไลรัตน์ ศรีทองคำ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 ม.8 บ.ม่วงมนต์ ต.หนองบัว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ และเพื่อนผู้เสียหายรวม 5 ราย จากจำนวนเกือบ 20 ราย ได้นำภาพถ่ายและหมายจับ นายเติมพงษ์ โสมเกษตรินทร์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 637 ม.2 ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และน.ส.ธนกมล ทองคำบุตร อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 240 ม.5 ต.ซำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 2 ฉบับ เลขที่ จ.81 /2553 และ และจ. 82/2553 ลงวันที่ 1 ก.ค.2553 ออกโดยศาลจังหวัดสุรินทร์ ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
ทั้งนี้ พ.ต.ท.บุญรอด เจริญยิ่ง พนักงานสอบสวนเป็นผู้ร้องต่อศาลขอหมายจับดังกล่าว มาร้องเรียกับสื่อมวลชน เพื่อให้ช่วยนำเสนอข่าวเตือนประชาชนและเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคมได้ระวังภัย จากสองผู้ต้องหาสามีภรรยาดังกล่าว
น.ส.นัฐ ปภัสร์ จารัตน์พรกุล อาชีพค้าขายหนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า นายเติมพงษ์ โสมเกษตรินทร์ และ น.ส.ธนกมล ทองคำบุตร 2 ผู้ต้องหาเป็นสามีภรรยากัน มีอาชีพขายสุนัขพันธุ์สวยงามตามตลาดนัดต่างๆ และตนได้รู้จักมานานกว่า 5 ปีแล้ว ในระยะหลังช่วงต้นปีที่ผ่านมาทั้ง 2 คนมาชักชวนให้ร่วมลงทุนขายสุนัขพันธุ์สวยงามด้วยกัน
พร้อมอ้างว่ามีออเดอร์สั่งซื้อสุนัขจาก ฟาร์มสุนัข อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งบางสายพันธุ์ต้องสั่งมาจากสวนจตุจักร กรุงเทพฯ แต่เงินลงทุนไม่พอจึงได้ชักชวนร่วมลงทุน เช่นอ้างว่า มีออเดอร์สุนัขมา 10 ตัว ก็จะให้ลงทุน 5 ตัว หรือคนละครึ่ง ตกตัวละประมาณ 4 พัน และ 4 วันต่อมา ก็โอนเงินทุนและกำไรให้มาก่อนตัวละ 600 บาท
จากนั้นก็ชักชวนลงทุนอีกเพิ่มเป็น 10 ตัว 20 ตัว จนถึง 100 ตัว ต่อมาอ้างว่าสุนัขเต็มสต๊อก 100 ตัว ให้เปิดสต็อกใหม่ ต้องเริ่มต้นลงทุนที่ 25 ตัวๆ ละ 4 พันบาทอีก หลังจาก 4 วันเคยเคลียร์เงินกำไร 1 ครั้ง ก็ขอเลื่อนเป็น 10 วัน จากนั้นขยับ เพิ่มเป็น 50 ตัว 100 ตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับทั้ง 2 คนเปิดร้านขายสุนัข ชื่อ “ร้านกังฟู” ตรงข้ามสนามกีฬาศรีณรงค์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ตนจึงเชื่อใจกล้ากู้หนี้ยืมสิน และนำเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตออกมาร่วมลงทุนมากขึ้น
อีกทั้งพอได้เงินกำไรกลับมา 1 หมื่นบาท เขาก็จะมีอุบายว่ามีการเปิดสต๊อกเพิ่ม พูดชักชวนให้เชื่อใจและลงทุนเพิ่ม เป็น 2-3 หมื่นบาท ประมาณว่าหลังจากให้เงินมา 1 หมื่นบาทก็จะหาทางให้โอนเงินกลับไปในวันนั้นเลยทำทีว่าให้ลงทุนเพิ่ม ตนก็เชื่อใจเนื่องจากแรกๆ เห็นกำไรและเม็ดเงินดี ซึ่งตนไม่รู้ว่าเป็นแชร์ คิดว่าลงทุนแค่ 2-3 คนที่รู้จักกัน และมารู้ตัวอีกทีเมื่อสายไปแล้ว เนื่องจากติดต่อทั้ง 2 คนไม่ได้ ในที่สุดต้องตามไปดูที่ร้านพบว่าร้านปิด
ในช่วง เวลาเดียวกันยังพบคนที่เข้าไปตามหาทั้ง 2 คนที่ร้านอีกหลายคน จึงได้สอบถามต่างคนจึงทราบว่าถูกหลอกในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ซึ่งแต่ละคนถูกหลอกในเวลาไล่เลี่ยกันตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.2552 จนถึงประมาณ เดือน มิ.ย.2553 จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.2553 โดยมีผู้เสียหายเกือบ 20 คนทั้ง จ.สุรินทร์ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 30 ล้านบาท เฉพาะตนมีสุนัขพันธุ์สวยงามในสต๊อกถึง 800 ตัว มูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท แต่ไม่เคยเห็นสุนัขและคอกสุนัขของตัวเองเลย สุดท้ายเป็นเพียงแค่สุนัขลมเท่านั้น
หลายคนถูกหลอกเป็นเงินมูลค่าตั้งแต่หลักแสนบาท จนถึงหลักล้านบาท โดยเฉพาะนางเบญจลักษณ์ จำปามูล เป็นครูโรงเรียนบ้านรุณ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ถูกหลอกเป็นมูลค่าถึง 10 ล้านบาท ยังไม่รวมเพื่อนครูอีกหลายคน โดยต่างคนก็ต่างหมดตัวและเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะต้องกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน
“ล่าสุดคดียังไม่คืบหน้า จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมตัวคนร้ายทั้ง 2 คนมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเกรงว่าจะไปหลอกหลอกประชาชนคนอื่นๆ อีก ซึ่งพวกเราเชื่อว่ายังคงมีคนอื่นที่ถูกหลอกและยังไม่รู้ตัวอีกจำนวนมาก จึงฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคมได้ระวังบุคคลทั้ง 2 คนนี้ด้วย หรือหากมีบุคคลที่มีลักษณะในการหลอกลวงลักษณะนี้ก็อย่าไปหลงเชื่อเด็ดขาด” น.ส.นัฐปภัสร์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น