++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วิธีดัดหลังม็อบเติมเงิน

โดย บัณรส บัวคลี่ 11 กรกฎาคม 2551 13:28 น.

คำประกาศผ่านสื่ออย่างแข็งขันว่า “ไม่ปอด ไม่ถอย ไม่ยุบ ไม่ออก” นั้นเป็นแค่คำปลอบประโลม ใคร ๆ ก็รู้ว่ารัฐบาลอยู่ในภาวะปริ่มน้ำจะจมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วยคดีความเก่าใหม่
      
       ชะตาขาด .. นับถอยหลังอีกไม่นานแล้ว
      
       ภาวะของคนใกล้ตาย ย่อมมีสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ดิ้นเฮือกสุดท้าย มีข้อเสนอจะแก้รัฐธรรมนูญอีกรอบเพราะเขาถือว่าแม้ในสนามอื่น ๆ จะพ่ายแพ้เสียเปรียบ แต่ทว่าในสมรภูมิสภาผู้แทนราษฎร เขายังกุมความได้เปรียบอยู่เต็มประตู
      
       อีกสมรภูมิหนึ่ง คือ การใช้มวลชนออกทำการ อย่างกรณีม็อบป่วนฝ่ายตรงกันข้าม ดั่งที่เห็นได้ทั่วไปทั้งที่ อุดรธานี เชียงใหม่ หรือที่ สกลนคร หรืออาจจะได้เห็นการระดมม็อบหนุนเสื้อแดงชาวรากหญ้าเรือนหมื่นออกมาให้เห็นเ ป็นขวัญตาในเร็ววัน
      
       ใครจะเรียกว่าม็อบอะไรก็แล้ว แต่สำหรับผมชอบคำว่า “ม็อบเติมเงิน” ที่สุด ...เห็นภาพพจน์ได้ชัดเจน ใครหนอเป็นคนต้นคิดขอชมเชยมา ณ ที่นี้
      
       กล่าวได้ว่าสิ่งที่เป็นปัญหาของการเคลื่อนไหวของพันธมิตรระยะที่ผ่าน มาก็คือ มวลชนฝ่ายตรงกันข้ามที่จัดกำลังมาปะทะ มากดดัน ข่มขู่ คุกคาม และทำร้าย อย่างเช่นกรณี สกลนคร คุณมาลีรัตน์ แก้วก่า และ คุณหรั่ง ร็อคเครสต้า ก็เจอก้อนหินขว้างมาแล้วเมื่อคืนพฤหัสฯ
      
       เรามาร่วมหาทางแก้ปัญหานี้กันเถอะ
      
       คอลัมน์นี้เคยพูดถึง แนวคิดของคุณสนธิ เรื่อง Open Source ก็คือ การระดมความเห็นหลากหลายมาต่อยอด เติมเต็มซึ่งกันและกัน ซึ่งที่สุดก็ชัดเจนว่า คุณสนธิ ได้ประกาศการเมืองใหม่พร้อมกับโยนข้อปัญหาให้ประชาชนร่วมกันขบคิดต่อยอด นั่นคือแนวทางแบบ Open Source นั่นเอง
      
       ผมจึงขอเดินตามรอยแนวทางที่คุณสนธิได้เสนอ ด้วยการนำเสนอความเห็นของพันธมิตรเชียงใหม่ที่วางแนวทางรับมือม็อบอันธพาลมา เล่าสู่พี่น้อง ขอความเห็นเพิ่มเติม ต่อยอด เพื่อจะนำไปปรับปรุง นอกจากนั้นก็เพื่อเป็นข้อมูลให้กับเพื่อนพันธมิตรที่กำลังทำกิจกรรมการเมือง ภาคพลเมืองในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย
      
       พันธมิตรเชียงใหม่ กำหนดจัดงานเสวนาวิชาการ อนาคตการเมืองไทยหลังกรณีปราสาทพระวิหารตั้งแต่ 11.00 น. วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคมนี้ โดยมีท่านทูต กษิต ภิรมย์, ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ , คุณ พิเชษฐ์ พัฒนโชติ คุณหรั่ง ร็อคเครสต้า และคุณสุนทรี เวชานนท์ ร่วมเวที
      
       เดิมนั้นกำหนดจัดที่โรงแรมเชียงใหม่กรีนเลค เขาก็ขอยกเลิก พอมาขอที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ ก็ถูกกลุ่มเสื้อแดงไปกดดันเจ้าหน้าที่โรงแรม เขาเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อแขกเหรื่อขอยกเลิกอีกรอบ
      
       แต่อย่างไรก็ตาม เวลานี้ทราบว่ามีการแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว แต่จะประกาศสถานที่จัดงานที่ชัดเจนในเช้าวันเสาร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดิม
      
       ข้อปัญหาที่พันธมิตรเชียงใหม่ขบคิดคือ การส่งมวลชนจัดตั้งมาป่วน แบบที่เคยทำกับเวทีปราศรัยประชาธิปัตย์ หรือที่ อุดรฯ สกลนคร จึงได้มีแนวทางแก้ปัญหา โดยยึดหลักข้อกฎหมายเป็นที่พึ่ง และอาศัยอำนาจของเทคโนโลยีการสื่อสาร มาช่วย
      
       หนึ่ง – จัดในสถานที่ปิด ในทางกฎหมายถือว่าเป็นเจ้าของสิทธิในสถานที่ หากมีใครบุกรุก เข้ามาป่วน ผู้จัดมีอำนาจโดยชอบที่จะขับไล่ หรือ ดำเนินการใด ๆ ซึ่งได้เปรียบในข้อกฎหมาย
      
       สอง – จัดในช่วงกลางวันคือตั้งแต่ 11 โมงจนถึงเย็น เพื่อให้มีแสงสว่างชัดเจน ใครมาป่วนกี่คน ใครทำอะไรบ้าง ทั้งคำพูด วาจา หรือการกระทำ จะบันทึกเทปโทรทัศน์ได้ชัดเจน เพื่อจะนำเป็นหลักฐานดำเนินการได้หากมีเหตุไม่ควรขึ้นมา โดยมีการจัดเตรียมกล้องโทรทัศน์เอาไว้ทั้งภายในที่ประชุม และภายนอก
      
       สาม – ประสานงานล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าเรามีวัตถุประสงค์เพื่อเสวนาทางวิชาการ และกังวลว่า จะมีเหตุจากกลุ่มมวลชนอีกฝ่ายหนึ่ง โดยใช้หนังสืออย่างเป็นทางการ หากมีเหตุขึ้นมา เจ้าหน้าที่จะอ้างไม่ได้ว่าไม่รับรู้
      
       สี่ – กรณีเกิดเหตุมวลชนฝ่ายตรงกันข้ามทำร้าย ทำให้เสียของ กดดันข่มขู่ ทั้งกายหรือวาจา หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการ ให้ยึดคดี “โอ๋ สืบ 6” เป็นแนวทาง เพื่อจะเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ให้บันทึกภาพการดำเนินการของม็อบเติมเงินอย่างละเอียด เพื่อจะแจ้งจับดำเนินคดีทางอาญา
      
       ห้า – ใช้มาตรการกฎหมายคดีแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินสด โดยจะเรียกหนักเบาลดหลั่นไปตามน้ำหนักของเหตุ เช่น การทำร้ายร่างกาย การทำให้เสียทรัพย์ การละเมิดสิทธิ์ การคุกคามให้เกิดความตกใจ ฯลฯ ตัวอย่างเช่น มีผู้ร่วมประชุม 500 คน หากเห็นว่าถูกคุกคามละเมิดสิทธิ์ มีการใช้กำลังคนข่มขู่ให้เกิดความตกใจดำเนินการตามสิทธิ์ที่จะฟังสัมมนาไม่ไ ด้ ทั้งเสียเงินค่ารถมาแล้ว พันธมิตรผู้มาร่วมฟังทั้ง 500 คน เป็นโจทย์ให้ทนายความฟ้องร้องค่าเสียหายคนละ 500 บาท ต่อแกนนำม็อบเติมเงิน รวมเป็นเงิน 2.5 แสนบาท หากมีผู้ก่อการหลายคน ให้แยกฟ้องเรียงตัว
      
       กรณีเช่นนี้เป็นการดัดหลังม็อบเติมเงิน ได้มาหลักร้อย แต่เสียหลักแสน
      
       หก – กรณีแกนนำฝ่ายตรงกันข้ามใช้การยุยงปลุกปั่นผ่านวิทยุชุมชน เช่นที่ อุดรฯ หรือที่เชียงใหม่ ให้อัดเทปเสียงการปลุกปั่นดังกล่าวเอาไว้ตลอด เพื่อเป็นหลักฐาน
      
       เจ็ด – พันธมิตรเชียงใหม่ มองว่า เรากำลังมองไปข้างหน้า มองไปที่การสร้างเครือข่ายพลเมืองเข้มแข็ง และมีคุณภาพ การเคลื่อนไหวใด ๆ จะเน้นไปที่ความสุภาพ เรียบร้อย เพราะยิ่งสุภาพเรียบร้อยปราศจากความรุนแรงเท่าใด ก็จะยิ่งทิ้งห่างจากม็อบอันธพาลเติมเงินมากเท่านั้น จะสามารถขยายแนวร่วมและผู้สนับสนุนไปในตัว ทั้งนี้จะพยายามขยายภาพเปรียบเทียบ ความสุภาพ กับ ความถ่อย เผยแพร่ออกสู่สาธารณะให้มากที่สุด
      
       แปด – กรณีมีการบุกรุกเข้ามาในสถานที่จัดงาน ให้ถือเป็นการบุกรุกอันเป็นสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่ง สามารถป้องกันตัวเองได้ตามแก่เหตุ และจะได้เปรียบในทางกฎหมายในทุกกรณี โดยจะต้องจัดเตรียมการ์ดป้องกันตัวเองเอาไว้จำนวนหนึ่ง
      
       เก้า – มีการประสานงานเครือข่ายผ่าน อีเมล์กรุ๊ป และ เอสเอ็มเอส. เพื่อแจ้งข่าวสารพันธมิตรที่ลงทะเบียนเอาไว้ และกำลังจะเริ่มระบบการประสานงานเครือข่ายในรูปอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้การสื่อสารระหว่างกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังป้องกันข่าวสารบิดเบือนต่าง ๆ เช่น มีผู้พยายามบิดเบือนข่าวให้ผู้รับสารเข้าใจผิด เอสเอ็มเอส. ผ่านจอ เอเอสทีวี. ก็จะได้รับรู้ข่าวสารทันการณ์
      
       สิบ - เฉพาะเวทีเชียงใหม่ครั้งนี้ จะมีทีมงานจากสภาทนายความมาร่วมสังเกตการณ์ หากมีเหตุให้ช่วยเหลือพร้อมจะดำเนินการทางกฎหมายได้ทันที
      
       เรียนไปยังเพื่อนพันธมิตรทั้งอยู่ในส่วนกลาง และ จังหวัดอื่น ๆ
      
       ที่กล่าวมาเป็นแนวทางการดำเนินการของพันธมิตรเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งทำงานได้ยากแห่งหนึ่ง จึงขอความเห็นเพิ่มเติม ต่อยอดแนวทางดำเนินการ หากมีความคิดดี ๆ เข้ามาก็จะเป็นพระคุณ รวมทั้งแนวทางนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อการทำงานของเครือข่ายพันธมิตรในแต่ละจัง หวัดไม่มากก็น้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น