++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

แพทยสภาเตรียมออกข้อบังคับผ่าตัดแปลงเพศ ตัดไข่ถูกกม. ได้

by
ส บส. ไม่ฟันธง ฟ้องหมอตัดไข่ เผยรอผลตัดสินด้านจริยธรรมของแพทยสภาก่อน ขณะที่แพทยสภาบอกสามารถทำควบคู่ได้ หากเจ้าของคลินิกประตูน้ำการแพทย์มีความผิดอาญาอีก ยิ่งเป็นผลดีให้คณะกรรมการด้านจริยธรรม ตัดสินผิดได้ง่ายขึ้น พร้อมเตรียมออกข้อบังคับผ่าตัดแปลงเพศ ตัดไข่ถูกกม. ได้ 
 
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ได้ให้ความเห็นว่าการผ่าตัดอัณฑะผู้อื่นโดยเจตนาถือเป็นความผิดตามประมวลกฎห มายอาญา เพราะอัณฑะถือเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่ายกาย แม้จะได้รับความยินยอมจากผู้ถูกกระทำก็ตาม เพราะเป็นความยินยอมที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ยกเว้นในกรณีการผ่าตัดที่ผ่านการวินิจฉัยโรค หรือเป็นการการผ่าตัดเพื่อบำบัดโรค ป้องกันโรค ซึ่งมีแพทย์ผู้เชี่ยชาญเป็นผู้รักษาให้ไม่ถือว่ามีความผิดนั้น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.วิศิษฐ์ ตั้งนภากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจากสคก. โดยคณะกรรมการสถานพยาบาลได้ร่วมประชุมและลงความเห็นว่าควรส่งหนังสือไปถามคว ามคิดเห็นจาก 2 หน่วยงานคือ สคก. และแพทยสภา เพื่อถามความเห็นในข้อขัดแย้ง ว่า การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการประกอบวิชาชีพตามหลักหรือไม่ จึงต้องรอให้ได้ข้อสรุปของทั้งสองหน่วยงานก่อน ไม่สามารถนำข้อสรุปเฉพาะของกฤษฎีกามาสรุปได้ จึงจะสามารถนำเข้าที่ประชุม คณะกรรมการสถานพยาบาล ได้ว่า จะตัดสินอย่างไรกับกรณีดังกล่าว และจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะนำเรื่องฟ้องศาลคดีอาญากับนพ.เทพ เวชวิสิฐ เจ้าของคลินิกประตูน้ำการแพทย์ ที่ได้บริการผ่าตัดอัณฑะให้กับเด็กชายอายุต่ำกว่า 18 ปี ตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นที่ถกเถียงว่า เข้าข่าย หรือ ไม่เข้าข่าย การประกอบตามวิชาชีพเวชกรรม และการตีความของ สคก. ก็ไม่ได้แย้งทีเดียว ว่าถือเป็นความผิด แต่หากมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ถือเป็นการรักษาพยาบาล และหากเป็นไปตามการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ก็ถือว่าไม่ผิด จึงต้องรอข้อสรุปของแพทยสภาที่ชัดเจนอีกครั้งว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายในลักษณะใด อย่างไรก็ตาม กองประกอบโรคศิลปะ สบส. ได้ออกคำสั่ง แจ้งให้สถานพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศระงับการให้บริการผ่าตัดลูกอัณฑะเพื่อกา รแปลงเพศโดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 2 เมษายน เป็นต้นมา ซึ่งขณะนี้ก็ถือว่า ยังมีผลบังคับใช้อยู่จนกว่าการวินิจฉัยจะสิ้นสุด ดังนั้นการกระทำระหว่างนี้ถือว่าเป็นความผิด 
 
       ด้านนพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการจริยธรรม แพทยสภา อยู่ระหว่างการดำเนินการพิจารณาความผิดของนพ.เทพ เจ้าของคลินิกประตูน้ำการแพทย์ ว่าเป็นการดำเนินการผิดหลักวิชาชีพเวชกรรมหรือไม่ โดยทางคณะกรรมการจริยธรรม จะนำความเห็นของ สคก. มาพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าคณะกรรมการจริยธรรมจะพิจารณาแล้วเสร็จเมื่อไร เพราะมีเรื่องร้องเรียนพิจารณาเป็นจำนวนมาก แต่จะเร่งให้เร็วที่สุด เพราะถือว่า สคก. ได้ช่วยพิจารณาด้านกฎหมายในเบื้องต้นแล้ว นอกจากการพิจารณาความผิดของนพ.เทพ แล้ว แพทยสภาอยู่ระหว่างการออกมาตรการป้องกันการผ่าตัดไข่ที่ผิดหลักวิชาชีพเวชกร รมด้วย โดยคณะอนุกรรมการร่างข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์การทำศัลยกรรมแปลงเพศ พ.ศ. ... อยู่ระหว่างการร่างหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการผ่าตัดลูกอัณฑะที่ถูกกฎหมายและถูกห ลักวิชาชีพเวชกรรมในอนาคตด้วย โดยจะมีการประชุมในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดประชาพิจารณาได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้ “ต่อไปหากมีผู้ต้องการผ่าตัดลูกอัณฑะทิ้งเพื่อต้องการเป็นหญิง จะสามารถรับบริการผ่าตัดได้ถูกกฎหมาย แต่จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามข้อบังคับที่ได้กำหนด เช่น ต้องผ่านการตรวจสอบด้านจิตใจว่าต้องการเป็นผู้หญิงจริงๆ จากจิตแพทย์ ต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงไม่มากกว่า 1 ปี หรือผ่านการกินฮอร์โมนเพศหญิงมานานกลายปี เป็นต้น ซึ่งข้อบังคับนี้ จะไม่ขัดกับความเห็นของสคก. ที่ระบุว่าการตัดอัณฑะมีความผิดทางอาญา เพราะข้อบังคับดังกล่าวมีรายละเอียด ข้อปฏิบัติที่เป็นหลักวิชาชีพเวชกรรมรองรับ” นายกแพทยสภากล่าว นาวาอากาศเอก(พิเศษ)นพ.อิทธิพร คณะเจริญ กรรมการแพทยสภา กล่าวว่า สบส. ไม่จำเป็นต้องรอให้แพทยสภาตัดสินว่านพ.เทพ มีความผิดด้านจริยธรรมหรือไม่ โดยสบส. สามารถยื่นฟ้องคดีอาญาได้ทันที สามารถทำควบคู่กันได้ เพราะการดำเนินการลงโทษของทั้ง 2 หน่วยงานมีแจตนารมย์ไม่ตรงกัน ซึ่งหากในทางคดีอาญานพ.เทพ มีความผิดถูกลงโทษอีก ทำให้แพทยสภานำผลคดีมาประกอบการพิจารณาได้ง่ายขึ้นด้วย
 
 
ด้านนายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย และผู้ประสานงานองค์กรอัตลักษณ์ทางเพศ กล่าวว่า หลังจากนี้ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตัดสินว่าการตัดอัณฑะเพื่อแปลงเพศ มีความผิดกฎหมายอาญา แม้ว่าจะได้รับความยินยอมแล้ว จึงต้องการให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกร มสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขที่ดูแลกองประกอบโรคศิลปะ หรือแพทยสภาที่มีหน้าที่ในการดูแลจริยธรรมของแพทย์ ออกมาแถลงข่าวให้ความรู้ด้านวิชาการเผยแพร่ถึงผลกระทบเสียให้สังคมทราบ “เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแท้ แต่หากไม่ดำเนินการให้ชัดเจน ด้วยการประกาศให้สาธารณชนทราบว่าห้ามตัดไข่เพื่อแปลงเพศ เป็นการถาวร เพราะมีผลกระทบต่อร่างกาย หรือนิ่งเฉยๆไม่ดำเนินการใด จะเดินทางมาสธ.เพื่อเข้าขอคำชี้แจงจากทั้ง 2 หน่วยงานด้วยตนเองปลายสัปดาห์หน้า”นายนที กล่าว นายนที กล่าวว่า จากข้อมูลที่เครือข่ายแจ้งให้ทราบว่า หลังจากที่ร้องเรียนเรื่องการตัดไข่กับหน่วยงานอื่นๆ ทำให้คลินิกต่างๆ หยุดการดำเนินการในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ยังเป็นห่วงคือ เมื่อดีมานด์ในตัวของเด็กยังคงต้องการผ่าตัดอยู่ แต่ซัพพลายคือคลินิกที่ถูกต้องไม่ดำเนินการแล้ว จึงห่วงว่าเด็กจะไปหาคลินิกเถื่อนดำเนินการจึงอยากให้สธ.จับตาในเรื่องนี้ด้ วย “ขณะเดียวกันที่เฝ้าระวังคลินิกเถื่อน หรือผู้แอบแฝงตัดไข่ให้เด็ก ก็ต้องให้ความรู้ เปลี่ยนทัศนคติให้ดีมานด์ในตัวเด็กเปลี่ยนแปลงไป ทราบว่ามีผลเสียต่อร่างกายอย่างไร ทั้ง เสี่ยงต่อกาเป็นโรคกระดูกพรุน อัลไซเมอร์ วัยทองก่อนวัยอันควร ฯลฯ ไม่ใช่อย่างทุกวันนี้มีแต่ว่า เป็นกะเทยต้องโตมาภายใต้กรอบสวย แล้วต้องประกวดนางงามเท่านั้น มีทางเลือกอื่นๆอีก โดยสวยที่สมอง โดยไม่ต้องเป็นนางงามและแปลงเพศก็ได้เหมือนกัน”นายนทีกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น