++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

คตส.จี้สำนึกนักการเมือง ดู “แม้ว” ติดคุก เป็นบทเรียน อย่าริโกงชาติ

“อุดม” ชี้ “ทักษิณ” ติดคุกโกงที่ดินรัชดาฯ ถือเป็นบทเรียน กระตุ้นต่อมสำนึกนักการเมือง ต้องยึดหลักธรรมาภิบาล ระบุ จำเลยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ เหตุหลักฐานและกฎหมายยุติแล้ว จี้ อัยการคดีฝ่าย ตปท.-บัวแก้ว เร่งขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นำตัวจำเลยมาดำเนินคดี ปัดผลงานชิ้นโบแดง คตส.ด้าน “แก้วสรร” พอใจ ชี้ จะเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมให้กับนักการเมือง เทียบเคียง “สมัคร” ชิมไปบ่นไป
       

      
       วันนี้ (21 ต.ค.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะอดีตประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯของ คุณหญิง พจมาน ชินวัตร กล่าวว่า การพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นไปตามข้อเ ท็จจริงของกฎหมาย ที่รับได้ เพราะถือว่าเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งมีโทษสูงสุด 3 ปี คำพิพากษาครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินคดีกับนักการเมืองคนแรกที่มีตำแหน่งสูงสุดในการบริหารงาน แต่ยังถือว่าศาลเมตตาที่ให้จำคุก 2 ปี ดังนั้น คดีนี้จะเป็นบทเรียน และกระตุ้นสำหรับนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ ว่า การมีความรู้ความสามารถเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต้องยึดหลักธรรมาภิบาล มีคุณธรรม และจริยธรรมของการเมืองที่ดีที่พึงกระทำ ไม่ใช่หวังหาผลประโยชน์เข้าตัวหรือใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์
      
       เมื่อถามว่า พอใจผลการตัดสินครั้งนี้หรือไม่ ที่ศาลยกฟ้องคุณหญิงพจมาน นายอุดม กล่าวว่า ในคำพิพากษาของศาลก็ได้ระบุชัดเจนแล้วการเป็นนักการเมืองจะต้องมีคุณธรรมและ จริยธรรม เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าเป็นคู่สัญญาของรัฐ การที่ศาลยกฟ้องคุณหญิง ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ซึ่งทุกฝ่ายสามารถที่จะเข้าใจได้ เพราะขณะนี้ถือว่า คตส.ได้ทำตามอำนาจหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนเรื่องที่ดินหลังจากยกฟ้องก็ต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม ่ว่าจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขายต้องไปตกลงกันเอง โดยเฉพาะกองทุนฟื้นฟูฯ ว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป หากฟังคำวินิจฉัยของศาลให้ดีก็จะเห็นทางออก
      
       เมื่อถามว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องดำเนินการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดีอย่างไร นายอุดม กล่าวว่า เป็นเรื่องของอัยการคดีฝ่ายต่างประเทศ และกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะต้องดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นำตัวจำเลยมาดำเนินคดี โดยคดีนี้มีอายุความ 10 หากเจอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไหนก็สามารถดำเนินการจับได้ทันที
      
       เมื่อถามว่า คดีนี้ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ คตส.หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า อย่าบอกว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ คตส.เลย เพราะ คตส.ทำตามกรอบอำนาจหน้าที่ ที่กฎหมายมอบให้ และดำเนินการเพื่อให้เกิดความชอบธรรมในสังคม ที่ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงของกฎหมาย
      
       ส่วนกรณีที่ทีมทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันเตรียมที่จะยื่นอุทธรณ์ นายอุดม กล่าวว่า การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกนักการเมือง ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดแล้ว เพราะเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย แต่ก็ยังพอมีช่องทางที่จะสามารถทำได้ เมื่อพบหลักฐานใหม่ที่จะสามารถนำมาหักล้างข้อมูลเก่าได้ แต่ถือว่าคดีนี้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายถือว่าสิ้นสุดและได้ข้อยุติแล้ว
      
       เมื่อถามว่า คตส.ได้เสนอให้ศาลยึดทรัพย์ที่เป็นที่ดินตกเป็นของแผ่นดิน แต่ศาลยกฟ้องคุณหญิงพจมาน จะมีช่องทางในการดำเนินคดีได้ต่อไปหรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า เป็นเรื่องของกองทุนฟื้นฟูฯที่จะต้องดำเนินการต่อไป คตส.ถือว่าหมดหน้าที่แล้วไม่ขอออกความเห็น
      
       ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการ คตส.กล่าวว่า ศาลได้ตัดสินครบทุกประเด็น และตนก็พอใจผลการตัดสินของศาลว่าจะเป็นมาตรฐานต่อไป และถือว่ามีประโยชน์ที่จะสามารถติดอาวุธทางความรู้ให้กับประชาชนเนื่องจากคด ีนี้มีสองความผิดตามที่ฟ้อง คือ กรณีแรกอดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลหน่วยงานรัฐ และให้ภรรยาเข้ามาซื้อที่ดินใช้อำนาจหน้าที่ในทางผิด ตรงนี้ศาลยกฟ้อง ตรงนี้จริงไม่จริงไม่รู้เพราะหลักฐานไม่ถึง
      
       กรณีที่สอง ที่ศาลลงโทษถือเป็นความผิดอีกชุดหนึ่ง คือ มีผลประโยชน์ขัดกันใน มาตรา 100 พ.ร.บ.ปปช.โดยหากจะเทียบให้เข้าใจ เช่น พระที่มีศีลห้ามร่วมกาเมกับสีกา ถือว่าผิดศีลแต่ หากศีลเอาผิดไม่ได้บางทีไปพบพระอยู่กับสีกาสองต่อสองตอนกลางคืน เราไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันหรือไม่ แต่ทางวินัยถือว่าอาบัติ
      
       “ทำนองเดียวกันกฎหมายไทยสมัยใหม่ แม้เราไม่ทราบว่าอดีตนายกฯใช้อำนาจช่วยภรรยาซื้อของจากรัฐหรือไม่ แต่กฎหมาย ป.ป.ช.ศาลใช้คำว่า จริยธรรมทางการเมือง ถือเป็นจุดที่ท่านตัดสินว่า จะสั่งการทางทุจริตหรือไม่ก็ตาม แต่กฎหมายห้ามไว้แล้ว ว่าเราเป็นนักการเมืองอย่าไปค้าขายกับรัฐ”
      
       นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ไม่ใช่ว่าจะเป็นทางปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ แต่เป็นกรณีของศีลกับวินัย การทุจริตคอรัปชั่นนั้นจับกันไม่ได้เพราะสาวไม่ถึง แต่ทางวินัยพระกับสีกาอยู่สองต่อสองตอนกลางคืนก็จะเป็นการอาบัติ แนวทางเดียวกันเมื่อนักการเมือง ภรรยานักการเมือง มาซื้อที่ดินของรัฐ ตรงนี้ก็ถือฝ่าฝืนข้อห้าม เฉพาะฉะนั้น เมื่อฝ่าฝืนก็มีโทษของ ป.ป.ช.ที่จำคุกไม่เกินสองปี โดยศาลท่านตัดสินให้จำคุกสองปี ดังนั้น จึงไม่ได้ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โกง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำผิดจริยธรรมทางการเมือง จนนำมาสู่การจำคุก 2 ปี ส่วนภรรยาก็ยกฟ้องไปไม่เกี่ยว ตรงนี้ถือว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ในแง่ที่ว่า เมื่อเป็นนักการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจ อย่ามาทำอะไรที่ผิดจริยธรรมตามที่กฎหมายห้ามไว้ ดังนั้นหากฝ่าฝืนและจะมาเถียงว่าทุจริตหรือไม่ ไม่ได้
      
       นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า คดีนี้เหมือนคดีของ นายสมัคร สุนทรเวช ที่ศาล รธน.ตัดสินว่า ขาดคุณสมบัติ ในการเป็นนายกรัฐมนตรี ที่จัดรายการชิมไปบ่นไป ตรงนี้ถือว่าเป็นทำนองเดียวกัน คุณต้องไม่ลืมว่ารายการนั้นออกอากาศสถานีของรัฐ ถือว่าเป็นเรื่องของจริยธรรม ที่กฎหมายห้ามไว้ ไม่น่าไว้ว่างใจ เหมือนกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เราไม่รู้ว่าทุจริตหรือไม่ เพราะกฎหมายมีกติกา ว่า เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว อย่าไปมีสัญญากับรัฐถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาสมัครเป็นนักการเมือง ดังนั้น นักการเมือง ก็อย่าไปทำอะไรที่หมิ่นเหม่ นักการเมืองต้องมีศีลธรรม วินัย ตรงนี้จะถือเป็นจุดของการเรียนรู้ของกฎหมายของประชาชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น