++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551

นี่เป็นบทเรียนอีกบท..ของประวัติศาสตร์.

นี่เป็นบทเรียนอีกบท..ของประวัติศาสตร์...เรื่องของอหิงสาและการใช้อารยะขัด ขืน...เราคงเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของการใช้ "อหิงสา" จากอารยบุคคลแบบ "มหาตมะ คานธี" ซึ่งได้นำวิธีการนี้ใช้กับอารยประเทศ อย่างประเทศอังกฤษ เราจึงเห็นความเป็นเอกราชของประเทศอินเดีย ที่แทบไม่เสียเลือดเนื้อเลย คนส่วนใหญ่จึงยกย่องและชื่นชมท่านมหาตมะ คานธี แต่ในขณะเดียวกันเราต้องไม่ลืมความเป็นอารยะของประเทศอังกฤษด้วย จึงทำให้วิธีอหิงสานั้นใช้ได้ผล แต่ถ้าลองคิดดูว่า ไม่ใช่ประเทศอังกฤษ แต่เป็นประเทศจีนหรือประเทศอังกฤษนั้นปกครองโดยฮิตเลอร์ หรือ อิดี้ อามิน เราคงไม่มีประวัติศาสตร์ของอหิงสาได้ชื่นชมกันแน่นอน นี่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า...ต้องระวังให้จงหนัก ว่า บุคคลที่เราจะใช้วิธีการแบบอหิงสาหรืออารยะขัดขืนนั้น...เป็นอารยะชนเช่นเดี ยวกับเราหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็อย่าได้ไว้ใจ
เ รื่องของตำรวจนั้น..มีมากมายหลายอย่างที่อยากจะให้ท่านทั้งหลายช่วยกันคิด เพราะผมเองก็นึกไม่ถึงว่า...ตำรวจวันนี้กับตำรวจทมิฬยุค 6 ตุลา 19 จะยังเหมือนกันในเรื่องของจิตสำนึกที่ต่ำกว่าความเป็นมนุษย์ ที่ใช้เรียกคน..ผู้มีจิตใจสูง ทั้ง ๆ ที่ช่วงของอดีตนายก ฯ หอกหัก ก็มีการฉายภาพตำรวจทมิฬเหล่านั้นในยุคที่นายสมัครมีอำนาจ และใช้ตำรวจเข่นฆ่าประชาชน เป็นเสมือนการเตือนสติเพื่อกระตุ้นมโนธรรมว่า.... อย่าให้เกิดขึ้นอีก แต่เหตุการณ์ 7 ตุลา กลับเหมือนย้ำบอกว่า...จิตสำนึกของคนในเครื่องแบบนี้...ยังต่ำทรามเหมือนเดิ ม...และที่หนักไปกว่านั้น ตชด. ที่ทุกวันนี้คือ เพื่อนของประชาชนและเป็นตำรวจที่รับใช้ใกล้ชิดพระราชวงศ์ทุกพระองค์มากที่สุ ด กลับมาร่วมทำร้ายและฆ่าประชาชน ที่น่าแปลกคือ ในขณะที่ในแวดวงข้าราชการอื่น ๆ ในการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วของสังคมไทยในขณะนี้ จะมีผู้กล้าออกมาเผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้อง ไม่ว่า จะเป็นสังคมที่เคร่งวินัยอย่างทหาร ก็มีคนอย่างพลเอกสะพรั่ง กัลยาณมิตร หรือคนในวงการฑูต วงการราชการ อื่น ๆ แต่เราจะไม่เคยเห็นคนในเครื่องแบบตำรวจเลย ซึ่งน่าจะมีเหตุผลอยู่ไม่มาก คือ มีวินัยเสียจนไม่กล้าขัดคำสั่ง การไม่สามารถแยกแยะความถูกผิดได้ หรือ ไม่ก็กลัวจะมีภัยต่อลาภยศตำแหน่ง ก็คงไปหาคำตอบกันเอง

มีเหตุการณ์หน ึ่งที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ผมอยากให้คนในบ้านเมืองนี้ช่วยจดจำกันไว้ เพราะอาจจะไม่ทันคิด ตอนที่นังดา ตอร์ปิโด กล่าวจาบจ้วงและดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ในใจกลางพระมหานครอย่างไม่สะทกสะท ้าน และมีคนฟังนั่งตบมืออยู่อย่างสนุกสนาน (ซึ่งผมอยากจะเชื่อว่า คนเหล่านั้นคงไม่ใช่คนไทย คงเป็นคนต่างชาติที่ถูกจ้างมานั่งฟัง มันเลยไม่รู้ว่า กำลังนั่งฟังคนต่ำช้าด่าองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) และต่อมาได้ถูกโฆษกกองทัพบกแจ้งให้จับกาลกิณีแผ่นดินคนดังกล่าว สิ่งหนึ่งที่มีคนถามว่า ทำไมตำรวจไม่จับตั้งแต่ขณะที่ปราศรัย ตำรวจบอกว่า ไม่ได้ส่งคนไปฟังเลยไม่ทราบว่า มีเรื่องดังกล่าว สิ่งนี้น่าสะดุดใจมากว่า ในวันเดียวกันมีการปราศรัยทั้งของฝ่ายพันธมิตรและ นปก. แต่ตำรวจได้ส่งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบคือ สันติบาล ไปฟังพันธมิตรปราศรัย เพื่อหาข้อมูลที่สามารถนำมาดำเนินคดีตามกฏหมาย แต่กลับไม่มีตำรวจสักคนที่ส่งไปฟัง นปก. ที่นำโดยนังดา ตอร์ปิโด กล่าวดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์อย่างสนุกสนาน วิธีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้ คงไม่มีอะไรมากไปกว่า ความไม่มีจิตสำนึกในคุณธรรมความดี....เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคทรราชครองเมืองจนถึงวันนี้.....นายตำรวจทั้งหลายควรต้ องกลับไปถามตัวเองได้แล้วว่า.... ยศและกระบี่...ของนายตำรวจทุกนายที่ได้รับพระราชทานจากน้ำพระหัตถ์ขององค์พร ะผู้เป็นกำลังของแผ่นดิน....ไม่สามารถช่วยยกระดับจิตใจของท่านได้เลยหรือ
ส ่วนทหารบางคนที่ออกมาแสดงความกล้า...บอกว่า จะยืนอยู่ข้างประชาชน...หรือที่ออกมาบอกว่า ใช้กำลังนะง่าย...แต่ถ้าไม่มีกฏหมาย ไม่มีการประกาศกฏอัยการศึกคงทำไม่ได้...ความกล้าเหล่านี้จงเก็บไว้เถิด เพราะสิ่งที่ท่านพูดนะถูกต้องแล้ว...ใช้กำลังนะง่าย...แต่ใช้ความคิดและความ กล้าหาญในสิ่งที่ถูกต้องนะยากกว่ามาก และที่สำคัญจงตอบคำถามด้วยเกียรติยศของความเป็นทหารกล้าด้วยว่า....คนไทยที่ ยิง ถูกฆ่า ที่เป็นประชาชนเพื่อนร่วมชาติของท่านนั้น ถ้ามีศัตรูต่างชาติมารุกราน มาทำร้าย ท่านในฐานะทหารกล้าคงไม่นิ่งดูดาย ย่อมต้องออกมาปกป้อง สละได้แม้ชีวิต แต่ทำไมเมื่อคนไทยด้วยกัน...ถูกฆ่าด้วยคนไทย...ท่านไม่กล้าทำอะไร...กลับปล่ อยให้คนที่ไม่มีอาวุธถูกยิง ถูกทำร้าย และถูกฆ่า....เพียงเพราะคนไทยที่สั่งฆ่าคนไทยด้วยกัน...เป็นนายเหนือหัว.... เท่านั้นหรือ ในวันข้างหน้าถ้าบ้านเมืองและราชบัลลังก์มีภัย ผมขออย่างเดียว....ขอให้ท่านมอบอาวุธให้ผม....ผมจะปกป้องคุ้มภัยให้ท่านเอง

ใ นบ้านเมืองทุกบ้านเมืองต้องมีกฏหมาย เพื่อรักษาบ้านเมืองนั้นให้สงบสุข แต่ผู้ที่ทำหน้าที่รักษากฏหมาย เป็นผู้ที่ทำลายกฏหมาย และใช้กฏหมายทำลายความสงบสุขของบ้านเมืองนี้ ถึงเวลาหรือยัง ที่ต้องแก้ไข ใครจะทำอะไรก็ต้องรีบทำ ก่อนที่บ้านเมืองนี้จะย่อยยับเพราะน้ำมือคนพาล....และนับวันจะเหิมเกริมจนไม ่กลัวอะไรอีกแล้ว

ส่วนท่านที่คิดว่า...จากเหตุการณ์นี้จะทำให้ทรราชท ักษิณสามารถใช้เป็นเหตุผลในการลี้ภัยทางการเมือง....ผมยังไม่คิดว่า เหตุกาณ์น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะประเทศอังกฤษคงไม่น่าจะโง่จนไม่รู้ว่า อะไรเป็นอะไร เพราะนักการฑูตเขาทำงานจนรู้ดีทุกอย่าง ขอให้เราดูเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ว่า คนขายชาติอย่างพระยาจักรี ยังถูกพระเจ้าบุเรงนองตัดหัว...เพราะคนที่เนรคุณได้แม้แต่แผ่นดินเกิดนั้น ...คงไม่มีคุณความดีอะไรที่แม้แต่ศัตรูจะเห็นคุณค่าควรชุบเลี้ยง กรณีทรราชทักษิณก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกัน แต่ถ้าประเทศอังกฤษสิ้นคิด จะให้ลี้ภัย คนไทยก็จงดีใจเถิด เพราะอย่างไรเสีย..คนแบบนี้อยู่ที่ไหน ก็จะสร้างความเสื่อมเสียให้ที่นั่นอยู่ดี ในเมื่อเขาอยากจะเอาของที่เราทิ้ง ของที่เป็นเสนียดแผ่นดิน เขาอยากได้ก็ให้เขาไป
คนผ่านทาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น