กลุ่มศาลาริมน้ำอยู่ริมโน้น
ล้อแสงโยนหยอกน้ำยะย้ำผิว
ผลิ ประกายลายพรมในลมพริ้ว
ทอดระนาบทาบทิวในริ้วทอ
ทอทับทิมริมเมฆเสกเสียงเสนาะ
จังหวัเคาะเคาะผ่าน สะพานหอ
หอดนตรีคลี่ เสียงก็เคียงคลอ
จังหวะเคาะ-เพราะพอ จะผลิแพลง
นักเต้นรำในสายธารจึงสานถ้อย
กระเพื่อนริ้วน้อยน้อยพอพร้อมเร่ง
ชวนไม้ดอก บอกลมพรมบรรเลง
ใบมะขามคร่ำเคร่ง มาครึกครื้น
ฟ้าถอนหายใจให้ยามบ่าย
จึงเหลือความเรียบง่ายให้เย็นรื่น
ให้สะพานสีเก่าได้ เศร้ากลืน
ใช้ขอบชานขานชื่น ชะโลมวัน
ให้ยายผู้ชราผ่าน สะพานมุ่ง
ลงเด็ดยอดผักบุ้ง ริมน้ำนั่น
ให้ศาลาเรียบง่ายมิร่ายงัน
ต้อนรับหนุ่มนักฝัน- มาผันกวี
ว่า-ทับทิม ริมเมฆเสกเสียงได้
จังหวะเพราะเคาะไหวในวิถี
คือความง่ายอันงาม แต่ตามมี
คือสันสี คือ ลีลาแห่งผ้าเย็น
ฟ้าถอนหายใจเป็นปุยเมฆ
เป็นภาพอันวิเวกให้คนเห็น
เป็นดนตรีกังสดาลกังวานเป็น
เป็นเรื่องราวลับเร้น ให้รับรู้
นักเต้นรำแห่งสายน้ำมิเหนื่อยอ่อน
ตราบสายลมสะท้อน-ยังเต้นอยู่
ชวนดอกไม้หลายดอกออกมาดู
กิ่งมะขามเอนลู่-ระบำลม
ข้าม สะพาน-ข้ามมาหาฝั่งนี้
ฝั่งหัวใจใฝ่ดี มีฝันผสม
ฝั่งดนตรีแสงตะวันสวรรค์อารมณ์
ฝั่งมนุษย์ทรุดก้ม ชมนาฏกรรม
กลุ่มศาลาริมน้ำอยู่ ริมโน้น
ล้อแสงโยนหยอกธาร มานานฉนำ
จังหวะเคาะ เลาะพรมในลมพรำ
ต้อนรับคำบางคำ ของคนจร
พจนารถ พจนาพิทักษ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น