ลมหนาวไล้ใบข้าวเขียวเรียวเป็นคลื่น
ประดุจผืนพรมระยับขยับ ไหว
กบเขียดขานเสียงสำเนียงไกล
เสนาะในคีตกานท์แห่งบ้านนา
กระยางขาวโผลงตรงทุ่งเขียว
ขายาวเรียวหย่อนพักเหนื่อย หนักหนา
งามโค้งรุ้งโค้งรอบเส้นขอบฟ้า
แสงทองทาทาบทุ่งและคุ้งคลอง
นาปีนี้ไม่มีดอกโสนน้อย
ที่พร่างพร้อยร้อยดอกเหลือง เรืองพราวผ่อง
โสนนาชอกช้ำน้ำตานอง
อยู่ในซ่องแสงสีที่กลางกรุง
เพราะความจนท้นทวีด้วยหนี้สิน
ต้องจำพรากจากถิ่นแผ่น ดินทุ่ง
ทิ้งน้ำอบร่ำประทิ่นกลิ่นน้ำปรุง
โดยมั่นมุ่งก้าวหลงถิ่นแผ่นดินกาม
สีเหลืองทองผ่องพราวปวดร้าวราน
จึงแดงฉานจากสัตว์ โฉดที่โหดห่าม
ถูกโบยบีบกลีบช้ำคนต่ำทราม
โสนงามกลีบโรยร่วงน้ำตาริน
ลมหนาวไล้ใบข้าวเขียวเป็นเกลียวคลื่น
รอวันคืน โสนนาย้อนมาถิ่น
มาแต้มสีเหลืองอร่ามงามแผ่นดิน
แต่ไร้สิ้นโสนน้อยกลับคืนมา
ลำภา มัคศรีพงษ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น