กี่ปีมาแล้วที่ข้าพเนจรไปในโลกอันผันแปรนี้เพื่อแสวงหาสิ่งที่เที่ยง แม้
สุดปลายถนนสายยาวมืดมิด มีวัดแห่งหนึ่งอยู่บนยอดเขา
ข้าย่ำขึ้นไปตามทางคดเคี้ยวผ่านป่ามืดครึ้มไปด้วยต้นสน
นางชีผู้หนึ่งออก มาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมไมตรี ถือโคมอยู่ในมือ
บัดนี้ข้ารู้แล้วว่าหัวใจร่อนเร่ของข้าจะไปสิ้นสุดลง ณ ที่ใด
บ้านเกิดแห่งดวงวิญญาณของ ข้าอยู่ที่นี่เอง
อาทิตย์ยามเช้าลอยเด่นอยู่เหนือป่าสน
เมื่อหมอกยามอรุณละลายจางไป
ที่ราบคิวชิวอันอุดมสมบูรณ์ก็ทอดตัวอยู่เบื้องหน้า
ขณะที่รำพึงถึงเวลาที่ล่วงเลยไปอย่างเงียบๆ แม่น้ำอิมาริไหลลงทะเล
ทางตะวันตกไม่หยุดหย่อน
ท้องฟ้าใสกระจ่างไร้เมฆเคลื่อนบอก เวลานิรันดร์
บัดนี้ข้ารู้แล้วว่าดวงหทัยแห่งพระเจ้าไพศาลเพียงใด
อนิจจา ความรักของพระองค์ หัตถ์ที่สรรค์สร้างสรรพสิ่งช่างทรงคุณค่าเสียนี่ กระไร
สรวงสวรรค์คือที่ประทับขององค์พระเจ้า
เหล่าผู้ขุดดินอยู่เบื้องล่างจงน้อมรับพรอันประเสริฐ
(ขอให้เรามารับใช้พระองค์ด้วยใจ อันปิติ)
เสียงนกร้องเำลงในทุ่งนาเสริมศักดิ์ศรีแห่งพระองค์
ผักกาดยางเบ่งบานเป็นการกล่าวถึงพระองค์
น้ำพุที่เอ่อล้นจากผืนดินรำพึง รำพันสัจจะอันเป็นนิรันดร์
วันนี้..ช่างเป็นชีวิตที่ไร้จุดสิ้นสุด
ขณะที่ลำแสงสุดท้ายของอาทิตย์อัสดงสัมผัสยอดกางเขนโบสถ์
ระฆังยามค่ำ ประกาศเวลาสิ้นสุดของงานในวันนี้
ข้าขอบคุณพระเจ้าสำหรับพรอันประเสริฐของพระองค์
(บัดนี้ ข้าจะได้พักอย่างสงบ)
"มาซาโนบุ ฟูกู โอกะ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น