ข้อมูลดีๆกรณีสล่ากกินแบ่ง
ทวิต โดย บัณรส บัวคลี่
___
ปรบมือดังๆ ให้กับไทยพับลิก้าที่สู้อุทธรณ์จนกองสลากต้องเปิดข้อมูลโควต้าทองคำ จนเห็นไอ้โม่งนอนกินทั้งหลายตัวจริง
เจ้ามูลนิธิสำนักงานกองสลากฯ เสือนอนกินตัวใหญ่สุดซึ่งมีฐานะเท่ากับซุปเปอร์ยี่ปั๊วน่ะ กำเนิดขึ้นเมื่อปี 2545 ในยุคทักษิณ คุ้นๆ ไหมครับ
ไม่รู้ผู้การแดงจะเก็บหลักฐานการทำงาน ของมูลนิธิซุปเปอร์เสือนอนกินได้ทันหรือเปล่า มันประจานความเน่าของกองสลากและนักการเมืองได้ชัดที่สุด
พวก 5 เสือได้กันไปคนละไม่ถึง 2 ล้านฉบับ เป็นจำเลยสังคมมาไม่รู้เท่าไหร่(แต่แค่นี้ก็รวยไม่รู้เรื่องแล้ว) ปรากฏพวก "คนใน" เอาไปมากกว่า 7 เท่า
เห็นแค่ตัวเลขก็พออนุมานได้ว่า พวกกองสลาก คนใน และเครือข่ายการเมืองที่ได้โควต้านี่แหละ ที่กินหัวคิวหวยเล่ม
สมาคมพนักงานผู้เกษียณอายุสำนักงานสลากก็มีโควต้า 2 ล้านเล่ม แค่ขายโควต้าให้ยี่ปั๊วนอนกินสบาย นี่คือสวัสดิการที่ไม่ประกาศ แต่ทำให้ราคาปลีกแพง
ทำหวยเอง กำกับเอง เอาโควต้ามากสุดไปเอง ขายเองอีกต่างหาก กำไรอยู่ไหน? #สำนักงานสลากฯ
คือพรบ.สำนักงานสลากกินแบ่งน่ะ กำหนดชัดว่าสนง.จะมีกำไรเป๊ะๆจากขายส่งเท่าไหร่ และต้องส่งเข้าคลังตามนั้น ซิกแซกไม่ได้เพราะออกหวยอย่างเดียว
แต่มายุคทักษิณ 2545 สนง.สลากฯ ไปตั้งมูลนิธิกองสลากฯ เอาโควต้าแบบเดียวกับยี่ปั๊ว ขายเองด้วย กำไรเองด้วย ส่วนเงินกำไรจะใช้ยังไงค่อยว่ากัน
เมื่อก่อนเคยรู้มาว่ามูลนิธิสนง.กองสลากก็มีโควต้าขาย แต่เข้าใจว่าได้นิดเดียว ไทยพับลิก้าเปิดออกมาถึงตกใจเพราะได้มากถึง 14 ล้านฉบับ มหาศาลนะ
14 ล้านฉบับ ต้นทุน 7.5พัน กลมๆ/เล่ม หลังจากหวยออก ยี่ปั๊วคอกวัวรวมเลขสวยประกาศรับซื้อเล่มละ 9พัน แค่ผ่านมือแค่นี้ก็กำไรเล่มละ 1.5 พันแล้ว
สรุป:ในยุคทักษิณไม่ได้แค่ออกหวยบนดิน แต่ยังตั้งมูลนิธิมาทำมาหากินขายหวยแข่งกับพ่อค้าอีกด้วย อยู่ๆไป มูลนิธินี้ได้โควต้ามากสุด แบบทิ้งห่าง
เงินกำไรจากการขายสลาก(นอนกิน)ของมูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งฯ มีฐานะเป็นเงินนอกงบประมาณ การใช้จ่ายขึ้นกับกรรมการมูลนิธิ นี่แหละคือสไตล์เขา
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก @bunnaroth
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น