:-) เรื่อง มีเพียงฉันที่ไม่ได้กินฟรี
ผู้แต่ง ภรรยาคุณเลี่ยว
(ผู้แต่งใช้อักษรจีนเพียง ๘๐๐ ตัว สามารถบรรยายถึงสภาพสังคมจีนยุคใหม่ได้อย่างสุดยอดจริงๆ)
วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ พวกเพื่อนๆ สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยม
ได้นัดชุมนุมพบปะสังสรรค์กันที่ภัตตาคารเทียนอัน
นับตั้งแต่สำเร็จการศึกษา
พวกเพื่อนเก่าได้นัดพบปะกันสม่ำเสมอ
มีแต่ฉันเท่านั้นที่ขาดการติดต่อกับพวกเพื่อน
ฉันทำงานวาดภาพผลิตภัณฑ์ในโรงงานแห่งหนึ่ง
ฉันและสามีต่างก็ช่วยกันทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัว
ด้วยรายได้ที่ไม่มากนัก ความจริงฉันตั้งใจจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยง
แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธเพื่อนๆได้ ก็เลยต้องรับปาก
สามีของฉันยุ่งอยู่กับการทบทวนบทเรียนให้ลูกชาย
ซึ่งลูกชายของเรากำลังเตรียมตัวเข้าเรียนชั้นมัธยม
เพื่ออยากให้ลูกชายได้เรียนในโรงเรียนมัธยมที่ดีมีชื่อเสียง
พักนี้สามีต้องวิ่งเต้นเข้าหาผู้บริหารโรงเรียน
ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบผลว่าสำเร็จหรือไม่
ก่อนออกจากบ้านฉันเหลือบมองดูลูกชายแล้วจึงเดินออกไป
ภัตตาคาร เทียนอัน เป็นภัตตาคารหรูชั้นหนึ่ง
เมื่อฉันเดินเข้าไปห้องที่จองไว้ พวกเพื่อนๆ มากันครบแล้ว
ทักทายฉันเกรียวกราวยังไม่ทันได้นั่งต่างก็แย่งกันยื่นนามบัตรให้ฉัน
พลิกดูนามบัตรแต่ละคนต่างก็มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นผู้จัดการ ผู้บริหาร ต่างๆ
แม้กระทั่งอาฮุยซึ่งเรียนไม่เอาใหนที่สุด
สอบได้ที่โหล่ ก็ยังได้เป็นตำรวจ เป็นผู้กำกับสถานีตำรวจ
มองดูอาหารที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ
ฉันหูตาลายไปหมด นั่งนึกสงสารตัวเองที่ผ่านๆ มาไม่เคยได้ลิ้มรสอาหารพวกนี้เลย
คำนวนในใจค่าอาหารโต๊ะนี้มีมูลค่าเท่ากับรายได้ของฉันถึง ๓ เดือนทีเดียว
อาฮุยตำรวจทำตัวเหมือนเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้
ชักชวนเพื่อนๆให้กินกันไม่หยุด และรินเหล้าแจกทุกคน
คีบอาหารให้คนโน้นคนนี้ ปากก็พูดไม่หยุดว่า "กิน พวกเรากิน มื้อนี้ผมจัดการเอง ไม่ต้องห่วง"
พรรคพวกทุกคนไม่มีไครขัดศรัทธา
ทั้งกินทั้งดื่มสนทนากันอย่างสนุกสนาน
เมื่อสมควรแก่เวลา หลังจากที่กินกันอย่าง อิ่มหนำสำราญแล้ว
ก็เป็นเวลาที่ต้องแยกย้ายกลับกัน
ฉันสังเกตุดูไม่มีไครแสดงความใจกว้างที่จะเป็นผู้เคลียร์จ่ายค่าอาหาร
ในที่สุดอาฮุยควักโทรศัพท์ออกมา
กดหมายเลขแล้วพูดว่า " เสี่ยวหลี่ คืนนี้ออกไปจับกุมกวาดล้างได้อะไรไหม
.. ..เออ ดี ดี "
ส่งมาพบผมที่ภัตตาคาร เทียนอัน สักคน ให้มาช่วยจ่ายค่าอาหารหน่อย"
พูดจบเขาก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าด้วยความภาคภูมิใจ
พวกเพื่อนก็เฮด้วยความสนุกสนาน
ต่อมาไม่ถึง ๑๕ นาที ก็มีชายวัยกลางคนผลักประตูเข้ามา
พอเห็นยอดเงินในใบเสร็จก็หน้านิ่วคิ้วขมวด
ดูเหมือนว่าเงินสดเขามีไม่พอจ่าย
เขาควักโทรศัพท์ออกมาพร้อมทั้งกดโทรพูดว่า
"คุณเลี่ยวหรือครับ ผมครูใหญ่หม่านะครับ
เรื่องลูกชายของคุณที่ฝากมาเข้าโรงเรียนมัธยมของผมนั้น
เป็นอันว่าผมตกลงรับไว้แล้วนะครับ แต่พอดีวันนี้ผมเชิญเพื่อนๆ มาเลี้ยงอาหาร
อยากขอให้คุณมาช่วยจ่ายค่าอาหารได้ใหมครับ
ผมอยู่ที่ภัตตาคารเทียนอัน ห้อง ๒๐๓ ...."
หลังจากนั้นประมาณ ๒๐ นาที มีคนมาเคาะประตู
พอประตูเปิดออกมา
ทันทีที่เห็นสามีที่ใส่แว่นสายตาหนาเตอะของฉัน คือผู้เดินเข้ามา
ฉันเป็นลมล้มฟุบลงทันที
(เรื่องสั้นนี้ได้รับรางวัลวรรณกรรมดีเด่น มากมาย ประจำปี ๒๐๐๖)
จัดเทียบเท่ากับ นักเขียนปฏิวัติ หลู่ซิ่น ทีเดียว
ผู้แต่ง ภรรยาคุณเลี่ยว
(ผู้แต่งใช้อักษรจีนเพียง ๘๐๐ ตัว สามารถบรรยายถึงสภาพสังคมจีนยุคใหม่ได้อย่างสุดยอดจริงๆ)
วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ พวกเพื่อนๆ สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยม
ได้นัดชุมนุมพบปะสังสรรค์กันที่ภัตตาคารเทียนอัน
นับตั้งแต่สำเร็จการศึกษา
พวกเพื่อนเก่าได้นัดพบปะกันสม่ำเสมอ
มีแต่ฉันเท่านั้นที่ขาดการติดต่อกับพวกเพื่อน
ฉันทำงานวาดภาพผลิตภัณฑ์ในโรงงานแห่งหนึ่ง
ฉันและสามีต่างก็ช่วยกันทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัว
ด้วยรายได้ที่ไม่มากนัก ความจริงฉันตั้งใจจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยง
แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธเพื่อนๆได้ ก็เลยต้องรับปาก
สามีของฉันยุ่งอยู่กับการทบทวนบทเรียนให้ลูกชาย
ซึ่งลูกชายของเรากำลังเตรียมตัวเข้าเรียนชั้นมัธยม
เพื่ออยากให้ลูกชายได้เรียนในโรงเรียนมัธยมที่ดีมีชื่อเสียง
พักนี้สามีต้องวิ่งเต้นเข้าหาผู้บริหารโรงเรียน
ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบผลว่าสำเร็จหรือไม่
ก่อนออกจากบ้านฉันเหลือบมองดูลูกชายแล้วจึงเดินออกไป
ภัตตาคาร เทียนอัน เป็นภัตตาคารหรูชั้นหนึ่ง
เมื่อฉันเดินเข้าไปห้องที่จองไว้ พวกเพื่อนๆ มากันครบแล้ว
ทักทายฉันเกรียวกราวยังไม่ทันได้นั่งต่างก็แย่งกันยื่นนามบัตรให้ฉัน
พลิกดูนามบัตรแต่ละคนต่างก็มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นผู้จัดการ ผู้บริหาร ต่างๆ
แม้กระทั่งอาฮุยซึ่งเรียนไม่เอาใหนที่สุด
สอบได้ที่โหล่ ก็ยังได้เป็นตำรวจ เป็นผู้กำกับสถานีตำรวจ
มองดูอาหารที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ
ฉันหูตาลายไปหมด นั่งนึกสงสารตัวเองที่ผ่านๆ มาไม่เคยได้ลิ้มรสอาหารพวกนี้เลย
คำนวนในใจค่าอาหารโต๊ะนี้มีมูลค่าเท่ากับรายได้ของฉันถึง ๓ เดือนทีเดียว
อาฮุยตำรวจทำตัวเหมือนเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้
ชักชวนเพื่อนๆให้กินกันไม่หยุด และรินเหล้าแจกทุกคน
คีบอาหารให้คนโน้นคนนี้ ปากก็พูดไม่หยุดว่า "กิน พวกเรากิน มื้อนี้ผมจัดการเอง ไม่ต้องห่วง"
พรรคพวกทุกคนไม่มีไครขัดศรัทธา
ทั้งกินทั้งดื่มสนทนากันอย่างสนุกสนาน
เมื่อสมควรแก่เวลา หลังจากที่กินกันอย่าง อิ่มหนำสำราญแล้ว
ก็เป็นเวลาที่ต้องแยกย้ายกลับกัน
ฉันสังเกตุดูไม่มีไครแสดงความใจกว้างที่จะเป็นผู้เคลียร์จ่ายค่าอาหาร
ในที่สุดอาฮุยควักโทรศัพท์ออกมา
กดหมายเลขแล้วพูดว่า " เสี่ยวหลี่ คืนนี้ออกไปจับกุมกวาดล้างได้อะไรไหม
.. ..เออ ดี ดี "
ส่งมาพบผมที่ภัตตาคาร เทียนอัน สักคน ให้มาช่วยจ่ายค่าอาหารหน่อย"
พูดจบเขาก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าด้วยความภาคภูมิใจ
พวกเพื่อนก็เฮด้วยความสนุกสนาน
ต่อมาไม่ถึง ๑๕ นาที ก็มีชายวัยกลางคนผลักประตูเข้ามา
พอเห็นยอดเงินในใบเสร็จก็หน้านิ่วคิ้วขมวด
ดูเหมือนว่าเงินสดเขามีไม่พอจ่าย
เขาควักโทรศัพท์ออกมาพร้อมทั้งกดโทรพูดว่า
"คุณเลี่ยวหรือครับ ผมครูใหญ่หม่านะครับ
เรื่องลูกชายของคุณที่ฝากมาเข้าโรงเรียนมัธยมของผมนั้น
เป็นอันว่าผมตกลงรับไว้แล้วนะครับ แต่พอดีวันนี้ผมเชิญเพื่อนๆ มาเลี้ยงอาหาร
อยากขอให้คุณมาช่วยจ่ายค่าอาหารได้ใหมครับ
ผมอยู่ที่ภัตตาคารเทียนอัน ห้อง ๒๐๓ ...."
หลังจากนั้นประมาณ ๒๐ นาที มีคนมาเคาะประตู
พอประตูเปิดออกมา
ทันทีที่เห็นสามีที่ใส่แว่นสายตาหนาเตอะของฉัน คือผู้เดินเข้ามา
ฉันเป็นลมล้มฟุบลงทันที
(เรื่องสั้นนี้ได้รับรางวัลวรรณกรรมดีเด่น มากมาย ประจำปี ๒๐๐๖)
จัดเทียบเท่ากับ นักเขียนปฏิวัติ หลู่ซิ่น ทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น