++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ในหลวง-ราชินีเสด็จฯ ผองหล้า อาลัยพระพี่นางฯ


งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เริ่มขึ้นแล้วอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ท่ามกลางเหล่าพสกนิกรชาวไทยทั่วหล้า ที่ร่วมร้อยรวมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อถวายความอาลัย และเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย


ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ


ท ั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.58 น. วันที่ 14 พ.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เข้าสู่พระ บรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี ผ่านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เหล่าทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และเครื่องทองน้อยสักการะ พระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง และกลองชนะ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงมหาชัย พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระเจ้าพี่น างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่หน้าพระแท่นราชบัลลังก์ นพปฎลมหาเศวตฉัตรแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงถวายพัดรองที่ระลึกงานออกพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แด่สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะที่จะถวายพระธรรมเทศนา และพระราชาคณะที่สวดศราทธพรต 30 รูป พระสงฆ์ที่จะสดับปกรณ์ 84 รูป เท่าพระชันษา บรรพชิตจีนและญวน 20 รูป จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรมทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย สำหรับพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวง นราธิวาสราชนครินทร์


พระพิธีธรรมสวดตลอดคืน


จากนั้น บรรพชิตจีนและญวน 20 รูป ขึ้นนั่งยังอาสนสงฆ์ สวดมาติกา จบแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงทอดผ้าไตร บรรพชิตจีนและญวน สดัปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายพระพรลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่พระแท่นมณฑลพระสวดพระอภิธรรมแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ จากนั้น พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมจนถึงเวลา 24.00 น. รุ่งขึ้นรับพระราชทานฉันและชาวพนักงานประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ ประจำยามตามราชประเพณี


พสกนิกรเฝ้ารับเสด็จเนืองแน่น


ส ่วนบรรยากาศบริเวณภายในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่ประตูวิเศษไชยศรี จนถึงประตูพิมานไชยศรี ตั้งแต่ ช่วงเช้ามีประชาชนอีกจำนวนมากมาเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการเสด็จพระราชดำเนินยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ กันเนืองแน่นหน้าบริเวณศาลาลูกขุนใน และสนามหญ้าหน้าศาลาสหทัยสมาคม ทั้งนี้สำนักพระราชวังได้เปิดเพลงพญาโศกผ่านเครื่องกระจาย เสียง และเตรียมน้ำดื่มมาให้บริการประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จด้วย


แห่จับจองที่ชมพระราชพิธีฯ


ข ณะเดียวกัน ตลอดวันที่ 14 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 05.30 น. มีประชาชนแต่งกายชุดสีดำเริ่มทยอยมาจับจองพื้นที่บริเวณโดยรอบพระเมรุ เพื่อรอเฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯ ประกอบพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล ที่พระบรมหาราชวัง โดยประชาชนได้ให้ความสนใจในการถ่ายภาพพระเมรุ ส่วนผู้ที่ไม่ได้นำกล้องมาก็ได้ใช้บริการถ่ายภาพโพลารอยด์ จากช่างภาพที่มาให้บริการภาพละ 50 บาท ขณะเดียวกันมีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากนำของที่ระลึกมาจำหน่าย อาทิ สร้อยลูกปัดแขวนพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ 20 บาท ปฏิทินภาพสมเด็จพระจ้าพี่นางเธอฯ 20-25 บาท แสตมป์ 3 ใบ 100 บาท ภาพพระเมรุ ภาพสมเด็จพระ เจ้าพี่นางเธอฯ 20 บาท เหรียญ และเข็มที่ระลึก 99 บาท กรอบรูป 25 บาท โดยมีประชาชนให้ความสนใจซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกจำนวนมาก


หอบเสื่อหมอนมานอนรอ


ส ่วนที่ริมถนนราชดำเนินใน ก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาจองพื้นที่เพื่อร่วมชมพร ะราชพิธีเชิญพระโกศออกพระเมรุ และพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ที่จะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. ส่งผลให้ฟุตปาทด้านหลังแผงเหล็กกั้น ตั้งแต่บริเวณหน้าศาลฎีกา ไปจนจดด้านหน้าศาลหลักเมือง เนืองแน่นไปด้วยประชาชน จนแทบไม่มีที่จะเดิน ทั้งนี้เหล่าพสกนิกร ที่จงรักภักดียังได้นำอาหาร น้ำ ผ้าปูพลาสติก ผ้าห่ม หมอน มาตระเตรียมไว้ เนื่องจากทั้งหมดจะนอนค้างแรมบนฟุตปาทเพื่อจองพื้นที่ชมพระราชพิธีอย่างใกล้ ชิด โดยจากการสอบถามคนที่มาส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากจังหวัดไกลๆ อาทิ นางประเทือง คนรู้ อายุ 48 ปี ชาว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เข้าจับจองพื้นที่ฟุตปาทหน้าศาลฎีกาตั้งแต่ 8 โมงเช้า เพราะตั้งใจชมพระราชพิธีและร่วมแสดงความจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้ายแบบใกล้ช ิดที่สุด ทั้งนี้ ตนตั้งใจว่าจะปักหลักนอนอยู่ที่ริมถนนไปจนถึงวันที่ 16 พ.ย. เพื่อชมริ้วขบวนพระราชพิธีอัญเชิญพระอัฐิและพระสรีรังคาร เข้าสู่พระบรมมหาราชวังด้วย ส่วนเรื่องการกินอยู่หลับนอนนั้นไม่กังวล เพราะได้เตรียมเสื้อกันหนาวมาแล้ว ขณะที่ น.ส.จิราภรณ์ โสภณ วัย 46 ปี เดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา ก็กล่าวว่า เหตุที่ตั้งใจมาค้างคืน เพราะถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะมีโอกาสชมพระราชพิธี นี้อย่างใกล้ชิด เพราะไม่มีที่ไหนในโลก ส่วนตัวมีความเคารพเทิดทูนในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และเป็นคนที่มีความรักในสถาบันมาก เคยไปร่วมเฝ้าพระอาการตั้งแต่ ยังประชวรและประทับอยู่ที่ รพ.ศิริราช เมื่อท่านสิ้นพระชนม์ ก็ไปกราบพระศพที่พระที่นั่งดุสิต


พระเทพฯ ทรงงานเกือบสว่าง


ด ้านการเตรียมเครื่องสดประกอบพระจิตกาธาน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายบุญชัย ทองเจริญบัวงาม เจ้าหน้าที่บริหารงานในพระองค์ ฐานะผู้ควบคุมและดูแลงานเครื่องสดประกอบพระจิตกาธาน ว่า เมื่อคืนวันที่ 13 พ.ย. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังเขตพระราชฐานชั้นใน ทรงร่วมร้อยตาข่ายดอกรักลายสี่ก้านสี่ดอก ด้วยฝีพระหัตถ์ ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นส่วนประดับบนยอดสุดของพระจิตกาธาน ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมร้อยจนถึงเวลา 03.00 น. วันที่ 14 พ.ย. นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีรับสั่งให้นายประสม สุขสุทธิ วัย 81 ปี หัวหน้าคณะช่างแทงหยวกจาก จ.เพชรบุรี เข้ารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลศิริราช ทันทีหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธี โดยรับไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ด้วย ทั้งนี้เครื่องสดประกอบพระจิตกาธานเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยคณะช่างทยอยนำติดตั้งบนพระจิตกาธาน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เริ่มจากแนวตาข่ายดอกไม้สด จากนั้นนำหยวกประกอบลงพระจิตกาธานจากยอดสุดลงมา

วอนอย่าเด็ดดอกไม้-ทำสกปรก


เ วลาต่อมา นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. พร้อมด้วย นายรัฐพล มีธนาถาวร นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองปลัด กทม. และเจ้าหน้าที่หน่วยงาน ของ กทม. ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักเทศกิจ ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการปรับแต่งภูมิทัศน์เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินแล ะเส้นทางริ้วขบวนพระอิสริยยศ งานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวังและสนามหลวง ภายหลังการตรวจพื้นที่ นายพงศ์ศักติฐ์ให้สัมภาษณ์ว่า การปรับแต่งภูมิทัศน์เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ตนเป็นห่วง 2 เรื่อง คือ ไม้ดอก ไม้ประดับที่สวยงาม ที่อาจจะไม่อยู่ถึงวันเสร็จสิ้นพระราชพิธี เนื่องจากประชาชนบางส่วนต้องการเอาไปประดับเป็นของส่วนตัว อยากเรียกร้องให้ประชาชนอย่าได้เด็ด หยิบ จับ แกะ หรือทำลายไม้ดอก ไม้ประดับที่ใช้ตกแต่งบริเวณพื้นที่งานพระราชพิธี ขอให้ชื่นชมด้วยตาเท่านั้น และอยากให้ประชาชนช่วยดูแลรักษาไม้ดอก ไม้ประดับด้วย อีกเรื่องคือ ปัญหาขยะที่ประชาชนทิ้งเกลื่อนกลาด อยากขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมงานพิธี อย่าทิ้งขยะ หรือเศษอาหารลงพื้น ให้ทิ้งในภาชนะที่ กทม.จัดเตรียมไว้ให้เพื่อความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย

(http://thairath.co.th/2551/hotnews/Nov/library/15/pic_6.jpg)

หนุ่มสุรินทร์โยกสามล้อมางานฯ


ใ นส่วนภูมิภาค ก็ปรากฏเรื่องราวน่าประทับใจในความอุตสาหะและการแสดงความจงรักภักดีของหนุ่ม พิการนั่งรถสามล้อโยกจากเมืองสุรินทร์ ที่ตั้งใจจะมาร่วมงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระ เจ้าพี่นางเธอฯ ที่ท้องสนามหลวง กลับมาประสบอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บ แต่ยังแข็งใจเดินทางไปร่วมงานให้ได้ โดยเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง (จุดกิตติวังน้อย) จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีรถสามล้อโยกคนพิการถูกเฉี่ยวชนและมีผู้บาดเจ็บ บริเวณจุดกลับรถ กม.ที่ 76 ถนนพหลโยธิน หมู่ 2 ต.สนับทึบ อ.วังน้อย รุดไปตรวจสอบพบรถสามล้อโยกของคนพิการเสียหลักพุ่งตกลงไปข้างทางสภาพล้อหน้าห ักงอเป็นเลขแปด ส่วนนายทองสาย บุญมา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ต.โชคนาสาม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ชายพิการขาขาดทั้ง 2 ข้าง แต่งกายชุดดำไว้ทุกข์ กระเด็นตกลงไปในพงหญ้าได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา เมื่อสอบถามนายทองสายระบุว่า ออกเดินทางจากบ้านเกิดมาตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนั่งรถสามล้อโยกคู่ชีพมาเพียงลำพัง อาศัยพักนอนตามวัดและขอข้าวชาวบ้านกินมาตลอดทาง ตั้งใจว่าจะไปถึงท้องสนามหลวง เพื่อร่วมพระราชพิธีฯให้ทันวันที่ 14-16 พ.ย.นี้ แต่จังหวะที่มาถึงจุดเกิดเหตุถูกรถ จยย.ไม่ทราบทะเบียนพุ่งตัดหน้าออกมาจากข้างทาง ชนล้อหน้าจนหักงอพุ่งตกลงไปข้างทางดังกล่าว หลังปฐมพยาบาลให้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้ช่วยกันยกรถสามล้อโยกและนายทองสายขึ้นรถ ขับไปส่งถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เมื่อเวลา 23.00 น. คืนวันเดียวกัน



ที่มา http://board.siamjung.com/index.php?action=printpage;topic=449.0


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น