เมื่อหลายวันก่อน คุณวีนัส เอี่ยมสะอาด ได้นำเรื่อง ปลาเขียวมรกต ส่งมาให้ หลายชีวิต ซึ่งดูแล้วเห็นว่า เป็นปลาสายพันธุ์ใหม่ ที่เกษตรกรไทยเพาะพันธุ์ขึ้น อีกทั้งแนวโน้มในอนาคต น่าจะเป็นปลาเศรษฐกิจ ที่ทำเงินให้กับหลายคนได้ จึงนำมาแนะนำให้รู้จักกัน
นายสุรพล บุญช่วย บ้านหนองช้าง ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี อดีตข้าราชการครู บอกว่า เริ่มเลี้ยงปลาในปี 2529 โดยขณะนั้นหวังไว้เพียงแค่มีรายได้เสริมมาเลี้ยงครอบครัว โดยปลาที่เลี้ยงไว้มีอยู่หลายชนิด อาทิ ปลาดุกพันธุ์บิ๊กอุย ปลานิล ปลาสวาย ปลายาง (ปลาเผาะ) และปลาเทโพ เมื่อเกษียณ อายุราชการจึงได้หันมาเริ่มต้นเพาะพันธุ์ปลาข้ามสายพันธุ์
...และ จากประสบการณ์ที่เลี้ยงมานานบวกการสังเกต เห็นว่าปลาเทโพและปลาเผาะต่างก็เป็นปลาเนื้ออ่อนชั้นดี แต่จะต่างกันตรงที่ปลาเทโพตัวใหญ่แต่โตช้า ส่วนปลาเผาะตัวจะเล็ก แต่โตเร็วและมีความคล่องแคล่วในการหากิน เมื่อมีเวลาว่างจึงพัฒนาสายพันธุ์ปลา โดยการนำน้ำเชื้อปลาเทโพมาผสมพันธุ์กับแม่พันธุ์ปลาเผาะ ได้เป็นผลสำเร็จ กระทั่งออกมาเป็นปลาสายพันธุ์ใหม่ จึงตั้งชื่อว่า เขียวมรกต
สำหรับวิธีการผสมพันธุ์ จะเอาน้ำเชื้อของปลาเทโพมาผสมกับปลาเผาะเพศเมีย อายุที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 3 ปี ในบ่อปูน ซึ่งตัวหนึ่งจะได้ไข่ประมาณ 100,000 ฟอง แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักแม่พันธุ์ เมื่อเวลาผ่านไป 2 วัน จะเริ่มเห็นลูกปลาเขียวมรกต การดูแลช่วงนี้จะใช้ไรแดงเลี้ยงนาน 20-30 วัน หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนมาเลี้ยงในบ่อดินต่ออีก 120-150 วัน/จะเริ่มจับได้ โดยขนาดที่ตลาดต้องการจะอยู่ที่ 2 ตัว/กก. ส่วนราคาขายอยู่ที่ กก.ละ 150 บาท
ปลาเขียวมรกต จะมีลักษณะคล้ายกับปลาสวาย แต่หัวจะโตคล้ายปลาบึก มีรูปร่างใหญ่กว่าปลาเทโพและปลาเผาะ ลำตัวด้านบนสีเขียวปนน้ำเงินคล้ายสีเขียวมรกต การเจริญเติบโตเร็ว ลูกปลา มีอัตรารอดสูง หากินเก่ง รสชาติจะคล้ายปลาเนื้ออ่อน
เขียวมรกต สามารถเลี้ยงได้ทั้งในกระชังและในบ่อดิน ซึ่งนอกจากเลี้ยงเพื่อบริโภคแล้ว ยังสามารถนำมาเลี้ยงดูเล่นเพื่อเป็นปลาสวยงามในบ้านได้อีกด้วย.
เพ็ญพิชญา เตียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น