++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทำเงินบนโลกออนไลน์ : เคล็ดเจาะตลาดวัยรุ่นจาก"dek-d.com"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

"เด็กดีดอทคอม"คือชื่อที่คุ้นหูคนเล่นอินเทอร์เน็ตชาวไทยจำนวนหลาย
ล้านคนทั่วประเทศ วันนี้เราได้รับเกียรติจากผู้บริหารบริษัท เด็กดี
อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด
เพื่อแนะแนวทางการทำอีคอมเมิร์ชสำหรับเจาะตลาดวัยรุ่นไทย
ซึ่งเรามั่นใจว่าจะเป็นการติดอาวุธที่นักล่าฝันอีคอมเมิร์ชไทยไม่ควรพลาด

***"E-Commerce สำหรับวัยรุ่นไทย ยากเกินจะเป็นไปได้?"
(บทความโดย ปกรณ์ สันติสุนทรกุล www.dek-d.com)

ในยุคที่อีคอมเมิร์ซในไทยกำลังโตวันโตคืน
ได้รับความนิยมจากสินค้าบริการต่างๆ ตั๋วเครื่องบิน ที่พักโรงแรม
สินค้ามือสองต่างๆ ฯลฯ
แต่กลับมีตลาดกลุ่มหนึ่งที่อีคอมเมิร์ซเข้าถึงได้น้อยมาก
ทั้งๆที่เป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในไทย
นั่นก็คือกลุ่มวัยทีน 13-18 ปี หรือวัยเรียน ในระดับมัธยมศึกษา
วันนี้จะมาเล่าให้ฟังจากประสบการณ์
ให้ทุกท่านมองเห็นภาพของการทำอีคอมเมิร์ซสำหรับวัยรุ่นนั้นให้ชัดเจนมากขึ้น
อาจจะดูเหมือนเรื่องง่ายๆที่ใช้คอมมอนเซ้นส์คาดเด่าได้
แต่ถ้าไม่รู้ถึงความต้องการของวัยรุ่นจริงๆอาจจะพลอยเจ็บตัวได้ง่ายๆ

สิ่งแรกที่ใครๆมักจะถาม คือ วัยรุ่นคิดจะซื้อของในอินเตอร์เน็ตไหม?

ดู เผินๆวัยรุ่นดูเหมือนเป็นพลังเงียบด้านการซื้อของในอินเตอร์เน็ตนะครับ
อัตราความต้องการบริโภคสินค้าและบริการต่างๆมีสูงไม่แพ้ผู้ใหญ่แน่นอน
หากแต่มีข้อจำกัดคือไม่สามารถหารายได้ด้วยตนเองได้

นี่ จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนสรุปว่าวัยรุ่นไม่มีกำลังซื้อ
เป็นกลุ่มที่ไม่น่าสนใจเสียเท่าไหร่ แต่แท้จริงแล้ว
วัยรุ่นบางคนขอเงินพ่อแม่ได้
บางคนเก็บสะสมค่าขนมวันละเล็กละน้อยจนมีเงินเป็นก้อนก็มี
และที่สำคัญวัยรุ่นเกือบทั้งหมดจะมีความรู้สึกว่าตัวเองโตแล้ว
และมีความต้องการในการตัดสินใจเลือกซื้อของต่างๆด้วยตนเองเหมือนที่ผู้ใหญ่
ทำได้

แล้วของอะไรที่วัยรุ่นอยากได้?

แน่นอน ชีวิตของเด็กวัยรุ่นไทยนั้นวนเวียนเกี่ยวกับข้องสถานที่และสถานการณ์ไม่กี่
อย่าง ได้แก่ บ้าน โรงเรียน สถาบันกวดวิชา และที่เที่ยวแบบวัยรุ่น
ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก สยามฯ

จากการสำรวจความต้องการของวัยรุ่น
ว่าอะไรบ้างที่วัยรุ่นต้องการในชีวิตประจำวัน
โดยไม่ได้กำหนดขอบเขตว่าจะต้องเป็นสินค้าที่จำหน่ายได้ในโลกออนไลน์เท่านั้น
เราได้พบว่า ประเภทสิ่งของเพื่อตอบสนองความต้องการของวัยรุ่นหนีไม่พ้นสามประเภทนี้
ครับ

- สิ่งที่เกี่ยวกับการเรียน หนังสือ เครื่องเขียน คอร์สเรียน
- สิ่งเพื่อความบันเทิงและพักผ่อนหย่อนใจ หนังสือ การ์ตูน ภาพยนต์
เกมส์ ละคร เพลง กีฬา
- สิ่งที่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของตัวเอง เครื่องสำอาง
เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย

เมื่อเรารู้ประเภทแล้ว ถามตรงๆเลยว่า
ถ้างั้นเอามาจัดร้านขายในอินเตอร์เน็ตเลยได้หรือไม่?

คำตอบก็คือว่าขายได้ แต่คงไม่ทุกชนิดแน่นอน

การที่วัยรุ่นจะเลือกซื้อของในอินเตอร์เน็ตจะมีวิธีการคิดที่แตกต่าง
จากวัยผู้ใหญ่อยู่บ้าง ปกติเราจะทราบกันว่า
เวลาจะขายของผ่านอินเตอร์เน็ตให้วัยผู้ใหญ่ สิ่งที่สำคัญคือ
ราคาถูกกว่าซื้อตามร้านค้า เว็บไซต์ร้านค้าดูน่าเชื่อถือ
สินค้ามีลิขสิทธิ์ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ มีการรับประกันสินค้า
มีการจัดส่งที่ดี หาซื้อยาก เช่น เป็นของสะสม ฯลฯ

สำหรับวัยรุ่นนั้น จะแตกต่างออกไป วิธีคิดจะไม่ซับซ้อนแบบผู้ใหญ่ครับ

เว็บไซต์ ที่ขายของที่ราคาถูกกว่าการไปซื้อจ่ากร้านค้า
อาจไม่สามารถรับประกันได้ว่าวัยรุ่นจะซื้อ
รวมไปถึงการที่เว็บไซต์ร้านค้าสวยงามดูน่าเชื่อถือ
การจำหน่ายสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ ต่างก็ไม่สำคัญสำหรับวัยรุ่นสักเท่าไหร่

สิ่ง ที่ผมพบเจอมาจากประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีกับวัยรุ่นนั้นจะพบว่าการตัดสินใจ
ซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตของวัยรุ่น จะอยู่ที่ความรู้สึกต่อ Product
เป็นสำคัญซึ่งมีผลมาจากด้านจิตวิทยาของวัยรุ่น
สินค้าประเภทที่ทำให้ผู้ใช้ดูดีเป็นที่ชื่นชมจากผู้อื่นทั้งการชื่นชมทางตรง
และทางอ้อม

สินค้าประเภทการชื่นชมทางตรงส่วนใหญ่เป็นการใช้สินค้าที่กำลังฮิต
อยู่ในกระแส เครื่องเขียนกิฟต์ช้อปน่ารักๆ เครื่องประดับตุ้มหู ต่างหู
รองเท้า คอนแทคเลนส์บิ๊กอาย นาฬิกาแฟชั่น เสื้อผ้าอิมพอร์ตจากเกาหลี
ยิ่งสามารถการันตีได้ว่าเป็นแบบเดียวกับที่ดาราดังใส่ใน ซีรีส์เกาหลี
ญี่ปุ่นยิ่งต้องหามาเป็นเจ้าของให้ได้

นอกจากนี้สินค้าที่สามารถสร้างการชื่นชมไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ในชีวิตจริง
แต่การขายไอเทมบนเกมส์ ชุดแต่งกายของตัวละครอวาร์ตาร์
ก็มีความเป็นไปได้ที่จะรับการตอบรับจากวัยรุ่นเช่นกัน
เพราะมีโอกาสได้รับการชื่นชมจากผู้พบเห็นได้

สำหรับสินค้าที่สร้างการชื่นชมทางอ้อม
มักเป็นการช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี เช่น
การใช้เครื่องสำอางแล้วทำให้ผิวหน้าดูดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเครื่องสำอางนั้นได้รับการพูดปากต่อปากกันในอินเตอร์
เน็ตว่าใช้แล้วได้ผลดี

สิ่งที่นักอีคอมเมิร์ซจำเป็นต้องทำนอกเหนือจากการขายสินค้าคือเรื่องของ
Emotional Feeling ของผู้ใช้ที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจชื่นชมตัวเอง
และคาดหวังว่าจะได้รับคำชื่นชมจากผู้คนรอบข้างเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
ถ้าน้องๆวัยรุ่นคนไหนได้ใช้สินค้านี้แล้ว
ทุกคนจะมองเขาหรือเธอว่าเป็นคนน่ารักคิกขุ สดใส หวานแหวว หรือ อบอุ่น
เป็นต้น

นอกจากนี้แล้วการต้องการความชื่นชมยังต่อยอดไปถึงการรวมกลุ่มของคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกัน
มีประสบการณ์ในบางสิ่งร่วมกันอีกด้วย

"สินค้าประเภทที่ผู้ซื้อปลื้มมาก"ก็ เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ
เพราะสินค้าประเภทนี้ น้องๆวัยรุ่นจะอยากได้มากๆ
และยอมที่จะซื้อแม้ว่าวิธีการชำระเงินจะยุ่งยากเพียงใด ราคาจะแพงเพียงใด
หรือจะต้องรอส่งสินค้าจะต้องรอนานเท่าไหร่ก็ยอมทน

มักจะเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับดารานักร้องศิลปิน วงที่ชื่นชอบ
ตัวละครการ์ตูนที่ตัวเองชอบมาก ในรูปแบบของพรีเมี่ยมต่างๆ CD,DVD Limited
Edition ตั๋วสำหรับการ Meet&Greet ตั๋วสำหรับชมการแสดงต่างๆ
ของดารานักร้องศิลปินที่ปลื้ม
ยิ่งหาซื้อยากเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสฮิตในอินเตอร์เน็ตมากเท่านั้น
เพราะหมดยุคแล้วสำหรับการที่จะต้องไปออกตระเวนตามที่ต่างๆเพื่อหาของที่พวก
เขาปลาบปลื้ม พวกเขาใช้เพียง Google ในการค้นหา
ค้นเจอที่ไหนที่นั่นก็จะได้ลูกค้าวัยรุ่นไป

หากลอง วิเคราะห์ดูจะพบว่าคุณสมบัติของสินค้าทั้งสองประเภท
จะพบได้ว่าวัยรุ่นให้ความใส่ใจกับ Branding สูงมาก
เพราะจะเป็นความรู้สึกและประสบการณ์ที่วัยรุ่นสัมผัสได้
และยังสามารถช่วยต่อยอดสู่ Brand Loyalty ได้อีกมากมาย

ดังนั้นหากคุณอยากขายสินค้าให้วัยรุ่นในอินเตอร์เน็ตอย่าลืมสร้างแบรนด์ให้วัยรุ่นจดจำด้วยนะครับ
สำคัญมาก

ถามว่าแล้วสินค้าที่ได้รับความชื่นชมและเป็นที่ปลาบปลื้ม
แต่เป็นสินค้าประเภทดาวน์โหลดละขายได้ไหม? คำตอบคือยากมาก

การขายสิทธิ์ในการดาวน์โหลดประเภทเพลง รูปภาพ คลิปวีดีโอ
รวมแม้กระทั่ง Mobile Download อย่าง ริงโทน เกมส์
กราฟิกบนโทรศัพท์มือถือ ล้วนเป็นสิ่งที่ขายได้ยากมากสำหรับวัยรุ่น
เพราะวัยรุ่นมีความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้หาได้ฟรีๆ ในอินเตอร์เน็ต
จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องจ่ายเงินซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ว่ากรณีใดๆ

เมื่อ คุณเลือกสินค้าที่จะทำอีคอมเมิร์ซกับลูกค้าวัยรุ่นของคุณได้แล้ว
ถือว่าคุณมีโอกาสประสบความสำเร็จขั้นหนึ่งแล้ว
ในขั้นต่อไปยังมีอุปสรรคสำคัญที่คุณยังต้องเผชิญกับปัญหา
เรื่องช่องทางการจ่ายเงินสำหรับวัยรุ่น

ปกติการเรื่องช่องทางการจ่ายเงินสำหรับผู้ใหญ่ก็ปวดหัวมากแล้ว
แต่สำหรับวัยรุ่นนั้นหนักหนายิ่งกว่าเพราะมีข้อจำกัดสูงมาก
เรามาลองพิจารณาช่องทางที่เป็นไปได้ในประเทศไทยกันดู

1 บัตรเครดิต ไม่ต้องพูดถึงครับ
วัยรุ่นอายุไม่ถึงที่จะทำบัตรเครดิตแน่นอน
หรือบางคนอาจจะมีบัตรเสริมจากผู้ปกครอง
ซึ่งจะมีสัดส่วนที่น้อยมากจนเรียกได้ว่าแทบไม่มี

2 บัตรเดบิต ดูเหมือนจะเป็นช่องทางที่เป็นไปได้นะครับ
เพราะบัตรเดบิต มันก็คือบัตร ATM นั่นเอง เด็กวัยรุ่นไม่น้อยนะครับ
ถามว่าวัยรุ่นกล้าที่ใช้เดบิตรูดไม๊ ใจก็ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ครับ
คงไม่ต่างจากผู้ใหญ่ ที่รูดปั๊บเงินหายปุ๊บ
แต่จุดสำคัญที่ต้องปวดหัวไม่แพ้กันคือ บัตรเดบิต ATM ของหลายๆธนาคาร
ไม่ได้รับอนุญาตในการรูดซื้อของบนอินเตอร์เน็ตได้เช่นเดียวกับบัตรเครดิต

3 โอนเงินเข้าบัญชี เป็นหนึ่งอย่างที่วัยรุ่นจะคุ้นเคยและไว้ใจ
เพราะจะสมัครคอร์สเรียนพิเศษหลายๆสถาบัน จะต้องใช้วิธีโอนเข้าบัญชีธนาคาร
แต่แทบทั้งหมดจะได้รับการโอนโดยผู้ปกครองเสียมากกว่า
ข้อดีที่ส่งผลมาจากความไว้ใจ
ทำให้โอกาสในการขายสินค้ากับวัยรุ่นที่ราคาสูง เกิน 500 -1000
บาทขึ้นไปเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าซื้อสินค้าราคาไม่ถึง 100 บาท
และให้ไปโอนบัญชีธนาคารก็คงดูขัดๆเล็กน้อย

4 จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ ว้าว ดูเป็นวิธีการที่น่าสนใจนะครับ
ดูเหมือนน้องๆวัยรุ่นจะมีโทรศัพท์มือถือกันเกือบทุกคนแล้ว
น่าจะแค่กดๆแล้วจ่ายได้เลยสะดวกมาก เห็นในรายการ Reality โชว์
วัยรุ่นโหวตกันกระจายเลย ครั้งละ 9 บาท 10 บาท แต่อ๊ะๆ
ถ้าลองเข้าไปสำรวจวัยรุ่นจริงๆ จะพบว่าน้องๆจำนวนมากใช้ Pre Paid กัน
และเติมเงินไว้ในเบอร์โทรศัพท์น้อยมากครับ
หาได้น้อยคนมากที่จะใช้เติมค่าโทรศัพท์ไว้เฉลี่ย 50-100 บาท
ต่อเดือนเพื่อใช้รับสายเวลาผู้ปกครองโทรมาเท่านั้น แทบไม่ได้ใช้โทรออก

นี่จึงเป็นอีกคำตอบว่าอาจจะยากหน่อย
ถ้าจะใช้ช่องทางนี้อาจจะเหมาะกับสินค้าหรือบริการที่มูลค่าต่ำๆ 20-30 บาท

5 ชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิซ
จากประสบการณ์คิดว่าเป็นช่องทางที่เด็กไว้ใจมากที่สุดแล้ว
โดยเฉพาะถ้าเป็นเคาน์เตอร์ ที่เด็กคุ้นเคยอย่างมินิมาร์ทชื่อดังต่างๆ
การจะขายสินค้า 200 บาทขึ้นไปดูไม่ใช่เรื่องยากสำหรับวัยรุ่นอีกต่อไป
ข้อเสียก็คือคุณต้องเสียค่าธรรมเนียมให้เคาน์เตอร์เซอร์วิซด้วย

6 สินค้ามาส่งที่บ้าน และชำระเงินเมื่อได้รับและตรวจสอบสินค้า
เป็นวิธีที่อยู่ระหว่างกลางกับการขายของรูปแบบเดิมๆกับอีคอมเมิร์ซ
เป็นอะไรที่ซื้อขายสะดวก แต่ก็สร้างภาระให้ผู้ขายพอสมควร

ทั้งหมดนี่เป็นเพียงเบื้องต้นที่คุณอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้หากต้องการทำอีคอมเมิร์ซสำหรับวัยรุ่น
โดยเฉพาะวัยรุ่นไทย

สิ่งที่สำคัญคือคุณจำเป็นต้องศึกษาพฤติกรรมความต้องการ
และข้อจำกัดที่แท้จริงของวัยรุ่น โดยการคลุกคลีกับวัยรุ่น

อย่า พยายามคาดเดาเองว่าสมัยคุณเป็นวัยรุ่นอยากได้แบบนั้น แบบนี้
และจึงได้ยัดเยียดระบบ รูปแบบต่างๆที่วัยรุ่นไม่ต้องการ
เพราะสุดท้ายคุณอาจจะเป็นอีกคนหนึงที่ว่า
"อีคอมเมิร์ซสำหรับวัยรุ่นเป็นเรื่องยากเกินไป"

ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ยากเลยครับ

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9520000145052

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น