++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"ร้านบ้านเคียว"จากร้านอาหารมังสวิรัติ สู่ตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยขวัญดิน ที่หลังสวน

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 12 พฤศจิกายน 2552 20:59 น.
คุณนภสรและคุณคืนสู่ดิน นาคขวัญ เจ้าของร้านบ้านเคียว
ที่ตอนนี้เป็นตัวแทนขายปุ๋ยเอเอสทีวี

ชุมพร -มาทำความรู้จักเจ้าของร้านอาหาร"บ้านเคียว"จากร้านอาหารมังสวิรัติ
ญาติธรรมสันติอโศก ที่เข้าร่วมต่อสู้กับ "
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย " ขับไล่ระบอบทักษิณจนประสบชัยชนะ
วันนี้ ผันตัวเองเป็นตัวแทนจำหน่าย " ปุ๋ยเอเอสทีวี ขวัญดิน "
เพื่อเกษตรกร ที่อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพราะเห็นว่าได้ช่วย
ASTVและเกษตรได้ใช้ของดีมีคุณภาพ

นางนภสร หรือ จ๋า นาคขวัญ วัย 40 ปี และนายคืนสู่ดิน หรือศาล
นาคขวัญ วัย 43 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของร้านอาหารมังสวิรัติ"
บ้านเคียว"ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ตั้งอยู่เลขที่ 332 / 11
ตลาดค้าส่งผลไม้อวยชัย 3 ถนนเอเชีย 41 หมู่ 4 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน
จ.ชุมพร เป็นร้านอาหารมังสวิรัติ เพียงแห่งเดียวของอ.หลังสวน
เล่าให้ฟังว่า หลังจากผ่านชีวิตมาหลากหลายรูปแบบ ทั้ง ค้าขาย
เปิดร้านอาหาร เส้นทางชีวิตมีขึ้นมีลง ทั้งอุปสรรคขวากหนาม ความสุข
ความสมหวัง ถือว่าเป็นช่วงหนึ่งของลมหายใจบนโลกใบนี้ก่อนที่จะลาจากมันไป
โดยเปิดร้านอาหารระยะหนึ่งซึ่งมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนอย่างเนื่องแน่นเป็น
ประจำทุกวัน แต่ตอนนี้ได้ผันตัวเองมาเป็นตัวแทนจำหน่ายปุ๋ย ASTV
ตราขวัญดินแล้ว

คุณนภสร เล่าย้อนวันวานให้ฟังว่าก่อนที่จะมาเป็นตัวแทนจำหน่าย "
ปุ๋ย ASTV ตราขวัญดิน เคยเปิดร้านอาหารตามสั่ง ช่วงแรกๆ
ก็ขายดีมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนจำนวนมาก
แต่วัฏจักรของร้านอาหารนั้นอยู่ได้ไม่นาน เพราะเปิดกันหลายแห่ง
มีการแข่งขันสูง ไม่นานก็ต้องปิดกิจการไป ส่วนร้านที่เปิดใหม่
ไม่นานก็เป็นเหมือนร้านอื่นๆ เช่นกัน

จากนั้นจึงหันมาเปิดเป็นร้านอาหารมังสวิรัติชื่อร้าน " บ้านเคียว
" ปรากฏว่ามีลูกค้ามังสวิรัติ กินเจ เข้ามาอุดหนุนเนืองแน่นตลอดทั้งปี
เนื่องจากเป็นร้านอาหารมังสวิรัติเพียงแห่งเดียวของอำเภอหลังสวน
ขณะเดียวกัน ครอบครัวสองสามีภรรยาก็เข้าเป็นญาติธรรมของสันติอโศก
ร่วมปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ


ร้านบ้านเคียว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ทีเป็นตัวแทนจำหน่ายปุ๋ย เอเอสทีวี ตราขวัญดิน
กระทั่งเกิดปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองจึงเข้าร่วมต่อสู้กับ "
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย " ขับไล่ระบอบทักษิณ
มาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 193 วัน

เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองคลายวิกฤติเข้าสู่ความสงบ สถานีโทรทัศน์
ASTV ได้ออกสินค้าที่มีประโยชน์ต่อวิถีชีวิตของประชาชนหลายชนิด
เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ซื้อหาสินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูก
ตนเห็นว่าในพื้นที่ของ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตร
ทั้งสวนผลไม้ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน จึงสมัครเป็นตัวแทนจำหน่าย "
ปุ๋ยอินทรีย์ เอเอสทีวี ตราขวัญดิน " เพื่อช่วยเหลือ ASTV และเกษตรกร

ช่วงที่นำปุ๋ยมาขาย แรกๆ มีลูกค้ามาซื้อครั้งละ 1- 2 กระสอบ
แต่เนื่องจากคุณภาพของปุ๋ยที่ดีจึงทำให้พูดคุยกันปากต่อปากโดยไม่มีการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น
กระทั่งปัจจุบันมีเกษตรกรมาซื้อรายละไม่ต่ำกว่า 1 ตันขึ้นไป
โดยล่าสุดได้มีร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านสั่งซื้อถึง 32 ตัน
เพราะมีเกษตรกรหันมานิยมใช้กันมากขึ้น

สำหรับเสียงสะท้อนกลับมาจากลูกค้านั้นเหมือนกัน
คือเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ปุ๋ยเคมีทั่วไปในระยะสั้นปุ๋ยเคมีให้ผลผลิต
เร็ว แต่ระยะยาวกลับสร้างปัญหาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
แต่เกษตรกรที่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ASTV ตราขวัญดินแล้ว ทำให้พืชแข็งแรง
มีเพิ่มผลผลิต ดินดี ราคาถูก ไม่ทำลายหน้าดินและไส้เดือน
ที่เป็นตัวปรับสภาพดินให้ดีขึ้น ที่สำคัญลดต้นทุนการผลิตไปกว่าเท่าตัว
โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ที่มาซื้อใช้ได้แก่ชาวสวนทั่วไป ทั้ง ลองกอง มังคุด
ปาล์มน้ำมัน เงาะ ทุเรียน ยางพารา

คุณนภสร ให้ข้อคิดทิ้งท้ายว่า
การทำธุรกิจอย่าคิดหวังกำไรเพียงอย่างเดียว ต้องค้าขายอย่างมีธรรมะ
และมีธรรมะประจำใจ การศึกษาปัจจุบันไม่ว่าจะเรียนสูงมาอย่างไร ปริญญาโท
หรือ ปริญญาเอก ไม่สามารถทำให้คนมีคุณภาพได้เลย ถ้าไม่มีธรรมะประจำใจ
ยิ่งเรียนมาสูงยิ่งเห็นแก่ตัว แข่งกันมุ่งแต่เอาชนะ เอาเปรียบผู้อื่น
และที่สำคัญมีความเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น


คุณชูชาติ อินทจร เกษตรกรที่ใช้ปุ๋ยเอเอสทีวี ตราขวัญดิน แล้วได้ผลผลิตที่ดี
ธรรมะ ทำให้คนมีคุณภาพ คนมีธรรมะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในใจ
มีความสำคัญต่อการดำรงชีพ มันไม่มีกิเลส ปัญหาก็จะไม่เกิด
หากเกิดก็สามารถแก้ปัญหาด้วยสติ ด้วยความสุขุมเยือกเย็น ให้ผ่านไปด้วยดี

"ทุกวันนี้เราคิดตลอดเวลาว่าเราจะไม่ค้าขายเพื่อหวังเพิ่มแต่กำไร
แต่เราคิดเสมอว่าเราจะค้าขายอย่างไรให้กำไรลดลง เพื่อเกษตรกรอยู่ได้
และเราอยู่ได้ ต่างก็ไม่เดือดร้อน เอื้ออาทรเข้าใจซึ่งกันและกัน "

อีกมุมหนึ่งของเกษตรกรผู้ใช้ " ปุ๋ยอินทรีย์ASTV ตราขวัญดิน
คุณลุงชูชาติ อินทจร วัย 56 ปี บอกว่าตนเองมีสวนผสมอยู่ประมาณ 15 ไร่
และสวนปาล์มอีก 5 ไร่ โดยเฉพาะสวนปาล์ม 5 ไร่ จำนวน 120 ต้น
ในพื้นที่หมู่ 4 ต.แหลมทราย อ.หลังสวน จ.ชุมพร นั้น
เมื่อก่อนตนใช้ปุ๋ยเคมีมาตลอด ช่วงแรกผลผลิตดีมาก แต่เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ
ต้นทุนกลับสูงขึ้น ผลผลิตน้อยลง ดินด้านเสีย ไส้เดือนตัวพรวนดินตาย
ต้นปาล์มเริ่มแกร็นไม่เจริญเติบโต ใบเหลือง จนตนท้อแท้สิ้นหวัง
และคิดจะเลิกอาชีพทำสวนปาล์มไปเลยทีเดียว

กระทั่งเมื่อ ASTV ผลิตปุ๋ย " ขวัญดิน " ออกมาจำหน่าย
ประกอบกับตนได้ติดตามการเคลื่อนไหวของ " พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
" อยู่ตลอดเวลา และรู้ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีคุณภาพ ไม่เอาเปรียบสังคม
จึงหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ขวัญดินที่มีราคาถูกจากร้าน " บ้านเคียว "
แค่ระยะเวลาเพียง 3 เดือน
ปาล์มมีผลลิตเพิ่มขึ้นจากที่เคยตัดได้เพียงตันกว่า
จนปัจจุบันตัดปาล์มได้ครั้งละ 3 ตัน ต้นทุนลดลง มีรายได้เพิ่ม ดินดีขึ้น
และไส้เดือนมาอาศัยใต้ดินมากขึ้น ทำให้ดินดีกลับมาร่วนซุยอีกครั้ง

คุณลุงชูชาติบอกด้วยว่า หลังจากหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์
ทำให้ได้ข้อเปรียบเทียบระหว่างการใช้ปุ๋ยเคมีเด่นชัดมากที่สุด
และหากเกษตรกรชาวสวนหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น ปัญหาต่างๆ
ก็คงลดน้อยและหมดไป ทั้งยังรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000136812

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น