++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

30 วิธีเพิ่มความสุขให้กับตัวเอง

จากหนังสือ คลีโอ โดย suphicha & sawan

ความสุขเป็นเหตุผลหนึ่งให้เรามีชีวิตอยู่ ใครๆ ก็คอยหาความสุขอยู่ตลอด
จริงๆ ความสุขไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองหรือต้องลำบากแลกอะไรเพื่อให้ได้
มาเลย ความสุขอยู่ใกล้แค่นิดเดียวเอง สร้างสรรค์อะไรให้ชีวิตอีกนิด มองโลกในแง่ดีเยอะๆ เชื่อเถอะว่าคุณหาความสุขได้ทุกนาทีของชีวิตเลยล่ะ
ลองดูวิธีน่ารักๆ เหล่านี้ของเราดูนะ

1. ทำปฏิทินของตัวเอง

เมื่อไรก็ตามที่เริ่มปีใหม่ หรือกลางปี ปลายปีจะเริ่มทำเลยก็ได้ หยิบปฏิทินขึ้นมาแล้วกำหนดวัน 7 วันลงไปในหนึ่งปี ยกให้เจ็ดวันนี้เป็นวันแห่งความสุขของคุณ คุณจะทำอะไรก็ได้ เวลาใส่ในปฏิทินลองใส่เป็นสัญลักษณ์น่ารักๆ อาจวาดเป็นรูปคนยิ้ม รูปลูกโป่ง หรือวาดรูปท้องฟ้ามีดาว แล้วพอถึงวันนั้นเมื่อไหร่คุณก็เริ่มลงมือละเลงความสุขได้เลย พาตัวเองไปกินอาหารที่ดีที่สุดสักมื้อ ชวนเพื่อนสาวออกไปต่างจังหวัดนอนดูดาวนั่งคุยกัน ที่สำคัญอย่าลืมปล่อยใจแล้วลืมทุกอย่าง วันเหล่านี้แหล่ะจะทำให้คุณตั้งหน้าตั้งตาคอย เป็นสีสันให้กับชีวิตได้นะ

2. อธิษฐานให้ตัวเองมีความสุข

ตั้งจิตอธิษฐานอะไรเนี่ยเวิร์คเสมอ แล้วทำไมเราจะไม่อธิษฐานของให้เรามีความสุขล่ะ? มีรายงานวิจัยบอกมาว่าคนไข้โรคหัวใจ 192 คน จาก 393 คนที่คอยอธิษฐานขอให้ตัวเองมีความสุข จะมีอัตราการตายน้อยกว่าคนที่ไม่อธิษฐานเลย ลองมาอธิษฐานกันดู แล้วย้ำกับตัวเองเลยนะว่า สิ่งที่คุณขอมันคือสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขจริงๆ ขออะไรก็ตามที่ทำให้คุณมีความสุข อย่าลังเลและอย่าคิดว่าสิ่งนั้นไม่สำคัญสำหรับคุณล่ะ

3. ฉันจะเชื่อใจเธอในทุกวันของฉัน

เคยดูหนังเรื่อง อี.ที. ไหม? ประโยคหนึ่งในหนังที่ฟังแล้วจับใจว่า
" ฉันจะเชื่อในเธอในทุกวันของฉัน " ฟังแล้วรู้สึกใจพองโต คิดว่าถ้ามีใครมาพูดประโยคนี้กับเราคงทำให้อิ่มขึ้นได้เยอะ แล้วลองนึกดูสิว่าถ้าคุณส่งข้อความนี้ให้คนอื่น ให้คนที่คุณรัก เขาจะรู้สึกยังไง เขาคงมีความสุข แล้วในที่สุดคุณก็จะมีความสุข ยังมีคนต้องการกำลังใจจากคุณอีกเยอะ ใครก็ตามในชีวิตคุณที่ต้องการข้อความเหล่านี้ ส่งอีเมล์หรือโทรบอกเขา
เผื่อแผ่ความสุขออกไป แล้วลองดูนะว่าคนเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร

4. ดูหนังที่ให้กำลังใจ

จากหนังสือ In The Little Book of Big Question ที่โจนาธาน โรบินสันบอกไว้ว่า จากโพลสำรวจคนหลายร้อยคนที่ดูหนังพวกนี้ ดูจบแล้วมีกำลังใจ แล้วรู้สึกมีพลังที่จะทำอะไรต่อไปได้ คุณเคยรู้สึกอย่างนี้บ้างเหรือเปล่าล่ะ? อย่างเช่นไปดูเรื่อง Frida กลับมาอาจจะอยากเป็นจิตรกรบ้าง หรือ ไปดู Billy Elliot แล้วขอไปลงคอร์สเต้นรำบ้างเถอะ ดูหนังรักๆ
แล้วเรายังรู้ว่าเรามีโอกาสได้บอกรักคนอื่นได้ดีแค่ไหน เสาร์อาทิตย์ลองหาหนังมาดูที่บ้าน อย่าลืมข้าวโพดคั่วล่ะจะได้บรรยากาศมากขึ้น



5. มีความหวังอยู่เสมอ

เชื่อไหมว่าความหวังทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ บางครั้งการไม่มีเงินติดกระเป๋าดูว่าเป็นสิ่งที่แย่แล้ว แต่ถ้าไม่มีความหวังติดตัวนั้น ช่างแย่ยิ่งกว่า ความหวังเป็นเรื่องของจิตใจคุณเองล้วนๆ ไม่มีใครสร้างขึ้นมาให้ได้ ไม่มีความหวังสำเร็จรูปที่จะมีคนรับสร้างแล้วใส่เข้ามาในตัวคุณ คุณต้องสร้างมันขึ้นมาเอง เมื่อถึงเวลาที่ชีวิตเจอเรื่องหนักๆ เต็มที่แล้ว นึกไม่ออกว่าจะมีทางแก้ไขอย่างไร ชีวิตเริ่มหมดหวังลงไปทุกวัน ให้นั่งหลับตาและสร้างภาพความสุขขึ้นมาในตัวเอง เริ่มจากค่อยๆ คิดว่ามีแสงของความหวังเข้ามาในตัวคุณ นึกถึงคนที่เรารัก นึกไปถึงเรื่องดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตเรา เป็นเรื่องที่เราแต่งขึ้นมาได้จริง สักพักก็จะรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ ค่อยกลับมาสู้ความจริงกันใหม่ แต่อย่าลืมที่จะคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี

6. เริ่มต้นเช้าวันใหม่กับเรื่องดีๆ ที่ทำเป็นประจำทุกวัน

หาบางสิ่งที่คุณชอบทำ แล้วสิ่งนั้นทำแล้วมันทำให้คุณยิ้มได้ ทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายขึ้น โชคดีจังที่ได้มีโอกาสทำอย่างนี้ทุกๆ วัน อาจเป็นเรื่องง่ายๆ เล็กๆ ก็ได้ อย่างเช่น ตื่นเช้ามาอ่านหนังสือที่ประโยคดีๆ
สอนใจสัก 2-3 ประโยค ตื่นแล้วลุกขึ้นมาเล่นเปียโน เล่นกีตาร์สักครึ่งเพลง ลุกขึ้นมาดูพระอาทิตย์สีแดงเรื่อๆ ที่ขอบฟ้า ตื่นแล้วหันมาจูบทักทายกับคนที่นอนข้างๆ สักหนึ่งครั้ง ทำอย่างนี้ทุกๆ วัน แล้วช่วงเวลานั้นล่ะ คุณจะรู้สึกดีเหลือเกินที่คุณได้ตื่นขึ้นมาทำแบบนี้อีกหนึ่งวัน จะรู้สึกว่าชีวิตนี้มีช่วงที่มีความสุขอยู่เสมอ

ทุกเช้าของฉัน ตื่นมานั่งกินกาแฟ แล้วมีหมาจ้องหน้าทุกวัน



7. เขียนจดหมายขอบคุณ

บางครั้งสิ่งดีๆ ที่มีคนทำให้ เรารู้ซึ้ง เราขอบใจ แต่ไม่ได้บอกออกไป
เก็บไว้จะมีใครได้รู้ว่าเราซาบซึ้งแค่ไหน เมื่อมีใครทำอะไรให้เรา เขียน
การ์ดขอบคุณใบเล็กๆ สักใบ บอกเขาว่าเรารู้สึกดีแค่ไหนหกับการใส่ใจของเขา อย่างเวลาที่คุณเศร้า หรือกลุ้มใจ เจ็บปวดจากอาการอกหักจะ
เป็นจะตาย มีเพื่อนคนนึงคอยอยู่ข้างๆ ไม่ได้ทำอะไร แต่มานั่งอยู่เป็นเพื่อนก็พอ แค่นั้นคุณก็รู้สึกว่าคุณไม่ได้เดียวดายแล้วใช่มั้ย อย่างนี้จะไม่บอกให้เขารู้หน่อยเหรอว่า มีค่าแค่ไหนที่มีเขาอยู่เป็นเพื่อนจะรู้สึกดีๆ ทั้งคนเขียนและคนรับจดหมายเลยทีเดียว

8. หายใจเข้าท้องลึกๆ

เวลาที่เราเครียด กังวล ไม่สบายใจ เรามักจะหายใจช่วงสั้นๆ ขาดเป็นห้วงๆ ลึกๆ เข้าไป เริ่มจากค่อยๆ หายใจเข้า ให้ลมผ่านจมูก ลงไปที่ช่องท้อง แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปาก นึกภาพไปด้วยว่าความเครียด ความกังวลนั้นมันถูกหอบออกไปกับลมหายใจที่เราปล่อยออกไป การที่เราหายใจแบบทั่วท้องจะช่วยลดความเครียดลงไปได้ถึง 63% ลองฝึกไว้เป็นประจำ ถ้ากลัวลืมให้ใช้ดินสอสีทำจุดไว้บนฝ่ามือสิ เวลาที่คุณเห็นจุดนี้ก็หายใจลึกๆ สักที ทำได้ไม่จำกัดเวลาและสถานที่เลยทีเดียว

9. อย่ายึดติดกับสิ่งที่เสียไปแล้ว

เคยได้ยินประโยคที่ว่า เมื่อประตูแห่งความสุขบานหนึ่งปิดไป ก็จะมีประตูบานอื่นเปิดอยู่เสมอ ทำไมเรายังมัวแต่นั่งมองกับประตูที่มันปิดไปแล้วอยู่ล่ะ
มันเลยทำให้เราไม่เห็นว่ามีประตูบานอื่นเปิดให้ไว้กับเรา อย่าปล่อยให้ตัวเองนั่งจมกองทุกข์อยู่หน้าประตูบานที่ปิดไปแล้วอยู่เลย อะไรที่ผ่านไปแล้วนั่นคือสิ่งที่ผ่านไป ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นความจำที่แสนหวาน หรือเป็นความผิดพลาดที่อยากแก้ไข ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่มีอยู่ในวันนั้น

10. สนใจงานศิลปะ

ความสวยงามของศิลปะ ไม่ว่าแขนงไหนทั้งนั้นจะช่วยให้คุณมีชีวิตยืนยาว มีการศึกษาที่รายงานอยู่ในหนังสือ Psychology Today ว่าคนที่เก็บข้อมูลในการศึกษาจำนวน 13,000 คนนั้น คนที่มีกิจกรรมหรือไลฟ์สไตล์ที่สนใจเกี่ยวกับศิลปะวัฒนธรรมนั้นมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตน้อยกว่าคนที่ไม่ชอบด้านนี้เลย แล้วงานศิลปะไม่ใช่แค่รูปที่มีอยู่บนแผ่นเฟรมเท่านั้น ถ้าคุณไม่ชอบงานอาร์ทที่ดูแล้วไม่เข้าใจ ก็ไปดูหนัง ฟังเพลง ดูละครเวที เล่นดนตรี มีมากมายให้ทำ รู้อย่างนี้แล้วพรุ่งนี้ชวนเพื่อนไปหาคอร์สเรียนกีตาร์กันมั้ย หรือเสาร์นี้จะไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายดีล่ะ

11. หาคำประจำใจ

อาจจะมาจากคำพูดดีๆ ของใครสักคน หรือท่อนเพลงเพราะที่ฟังแล้วได้ใจเหลือเกิน เก็บมาเป็นคำขวัญประจำใจ ถ้าเป็นคนเครียดมากๆ อยากบังคับโลกไว้ในฝ่ามือตัวเอง คงต้องนึกถึงเพลงหนึ่งที่ว่า
Whatever will be .... will be
อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิดแหล่ะ ก็ถ้ากำหนดไม่ได้ก็ต้องปล่อยมันไป
เชื่อว่าคุณต้องหาวรรคทองประจำใจได้สักหนึ่งประโยคล่ะ

12. มีกล่องความทรงจำ

หมายถึงกล่องจริงๆ นั่นแหล่ะ หากล่องสวยๆ สักใบ เก็บของที่เป็นความทรงจำดีดีไว้เสมอ ตั้งแต่ตั๋วหนังสองใบที่คุณกับเขาไปดูหนังด้วยกันครั้งแรก ต่างหูคู่เล็กๆ ที่เขาไปเที่ยวแล้วซื้อมาฝาก โปสการ์ดจากคนไกลที่รออยู่เสมอ ดอกไม้วันที่เขาให้ตอนที่บอกรักคุณ หลายอย่างอีกมากมายที่หยิบขึ้นมาคราวใดก็ยิ้มได้ทุกที เก็บมาอยู่ในกล่องนี้ เพื่อว่าเปิดมาทีไร
ภาพเก่าๆ ก็ชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดไปเมื่อวานทุกครั้งไป

13. หยุดรับข่าวสารซะบ้างเป็นบางวัน

ก็เพราะวันนี้โลกดูเหมือนจะเล็กลงกว่าเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่คนละซีกโลกก็ถูกรายงานมาให้เราได้รู้เหมือนกับมันเกิดขึ้นอยู่ข้างบ้าน ทำให้บางครั้งเราอาจจะเกิดอาการเหนื่อยล้าทางข้อมูลก็ได้ คือรับรู้เรื่องมากมายที่เกิดขึ้น
หาเวลาสักหนึ่งวันในหนึ่งอาทิตย์ หรือจะเป็นช่วงไหนในหนึ่งวัน ปิดรับข้อมูลข่าวสารทั่วไป แค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น คงไม่ทำให้คุณหมุนตามโลกไม่ทันหรอก แต่จะทำให้คุณหายเครียดและผ่อนคลายมากขึ้น วางปัญหาไฟป่าที่ยังดับไม่ได้ในอเมริกา หรือปัญหาก่อการร้ายในอิรักไว้ก่อน ชีวิตจะดีขึ้นอีกตั้งแยะ

14. เอ่ยคำชม

เริ่มตั้งแต่ชมตัวเองที่หน้ากระจก ไปชมชุดสวยๆ ของเพื่อนร่วมงาน ชมกาแฟรสอร่อยที่เลขาฯ คุณชงมาให้ หรืองานดีๆ ที่เธอทำ คำพูดดีๆ ที่มีให้กันเหมือนเติมกำลังใจให้วันนั้นเป็นวันที่มีความสุข คำเพราะๆ ของเราแลกได้กับรอยยิ้มที่กระจายไปอยู่บนหน้าคนอื่นๆ เวลาคุณเห็นแบบนี้คุณจะไม่เป็นสุขตามหรอกหรือ

15. เก็บตู้เสื้อผ้า

ไม่น่าเชื่อแต่เป็นเรื่องจริง เวลาคุณเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเจอกองผ้ารกๆ หรือเวลาเปิดออกมาต้องกระโดดออกไปตั้งหลักก่อน เพราะกองเสื้อผ้ามันล้มลงมาใส่คุณ ถ้าเก็บให้เป็นระเบียบ คุณจะไม่รู้สึกหงุดหงิดเลย ได้แต่งตัวสวยๆ ไปพร้อมกับหน้ายิ้มๆ ของตัวคุณเอง แล้วไม่ใช่แค่ตู้เสื้อผ้านะ ควรเก็บไปถึงกองหนังสือในห้อง เล่มไหนที่ไม่ได้ใช้ไปบริจาคซะ หรือรองเท้าคู่ไหนที่ไม่ใช้แล้วก็จงทิ้งไป คู่ไหนต้องซ่อมก็จัดการ ชีวิตที่มีระเบียบมากขึ้น ทำให้คุณรู้สึกสบายและมีความสุขขึ้นได้

16. ทำสมาธิเวลารับโทรศัพท์

ทำใจให้ผ่องแผ้วกันได้ง่ายๆ เวลาที่โทรศัพท์ดังขึ้นมา ดังนี้
*เมื่อโทรศัพท์ดังครั้งที่ 1 นั่งนิ่งๆ หายใจเข้าออกลึกๆ หนึ่งครั้งแล้วยิ้ม
*เสียงกริ่งครั้งที่ 2 ทำแบบครั้งแรกอีกครั้ง
*ค่อยๆ กดรับโทรศัพท์ เอ่ย " สวัสดีค่ะ " ด้วยเสียงที่แจ่มใส เรามีเวลาทำใจให้สงบ จากการหายใจ มีเวลาทำใจให้สดใสจากการที่ได้ยิ้มก่อนที่จะรับโทรศัพท์ถึง 3 กริ่ง ทำให้เวลาที่เราพูดคุยกับคนที่มา เราจะมีสติและอารมณ์ดีมากขึ้น ถ้ากลัวว่าคนที่โทรมาเขาจะไม่รอล่ะ ก็ให้คิดซะว่าถ้าเขามีธุระจริงๆ แค่ 3 กริ่งนั้นเขารอได้ล่ะ

17. อยู่กับความสำเร็จของตัวเอง

อย่าอิจกากับความสำเร็จของคนอื่น ไม่ต้องนั่งหาคำตอบว่าทำไมฉันไม่ได้อย่างเขาล่ะ ทำไมเขาถึงชนะ งานของเพื่อนทำไมชนะใจนายได้ ทำไมลูกค้าถึงไม่ซื้องานเราไปซื้อของคนอื่น ทำไมเธอสอบได้คะแนนมากกว่าฉัน ทำไม ทำไม อีกหลายทำไมที่ไม่จำเป็นต้องรู้คำตอบ จงอยู่กับตัวเอง อยู่กับความสำเร็จ และความสามารถของตัวเองขณะนั้น เราทำอะไร
เราได้แค่ไหน เรามีข้อผิดพลาดอย่างไร รู้แล้วเก็บไว้แก้ไขในคราวต่อไป
ยิ่งหันไปมองความสำเร็จของคนอื่น ใส่ใจความสำเร็จของเขา จะเหมือนเผาไฟให้กับตัวเอง

18. อยู่เงียบๆ คนเดียว

ปาสคาลเคยพูดไว้ว่า ความชั่วร้ายของมนุษย์เริ่มมาตั้งแต่ที่มนุษย์เรานั่งเฉยๆ ในห้องคนเดียวไม่ได้นั่นแหล่ะ ให้เวลาตัวเองได้พัก แยกตัวเองออกจากผู้คนสักช่วงหนึ่งของวัน อาจจะแค่ 15 นาที หรือครึ่งชั่วโมง
แล้วคุณจะรู้สึกได้ว่าคุณนิ่งขึ้น สงบขึ้น ความดันโลหิตลดลง ให้เวลาได้ทบทวนตัวเองสักช่วงหนึ่งของวัน

19. บอกรักคนที่คุณรัก

รู้สึกอย่างไรบอกไปอย่างนั้น แต่หมายถึงความรู้สึกดีๆ เท่านั้นนะ
ให้แต่สิ่งดีๆ ต่อกัน ความรักจะได้ยืนยาว รู้สึกรักก็บอกไปว่ารัก
อยากชมเขาก็ให้ชม แค่เขาทำข้าวไข่เจียวได้อร่อยก็เป็นเหตุผลการชมได้แล้ว ยิ่งถ้าเขาทำงานได้ดี ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ต้องชมเขาเอาไว้
บอกเขาว่าเราภูมิใจแค่ไหนและดีใจแค่ไหนที่ได้รักคนอย่างเขา

20. ทำแซนด์วิชทูน่า

เป็นที่รู้กันว่ากินปลาทูน่า ปลาแซลมอน และปลาอื่นๆ น่ะจะทำให้มีกรดไขมันโอเมก้า -3 มากขึ้น อันนี้ล่ะคือตัวช่วยลดความหดหู่ซึมเศร้าให้คุณได้
จากงานวิจัยของ National Institutes of Health บอกไว้ว่า โอเมก้า-3
จะมาเพิ่มเซโรโทนินในเลือดช่วยทำให้จิตใจสงบลง และรู้สึกดีขึ้น ถ้าคุณไม่ชอบกินปลาจริงๆ ก็ลองซื้อเป็นอาหารเสริมที่มีไขมันเหล่านี้ผสมอยู่ ทำแซนด์วิชทูน่าให้ตัวเองไปกินกลางวันบ้างในหนึ่งอาทิตย์ก็น่าสนุกดี

21. กินวิตามินบี

มีการศึกษามาว่าอาการซึมเศร้านั้นอาจจะมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามิน B
และคนส่วนมากในปัจจุบันก็กินวิตามิน B ไม่พอซะด้วย โดยเฉพาะบรรดาสาวๆ ที่ควบคุมน้ำหนัก เพราะฉะนั้นควรกินอาหารที่มีวิตามิน B ให้มากขึ้น
อย่างอาหารตระกูลเม็ดถั่วทั้งหลายนั่นเอ

22. โบกมือทักทายเด็กๆ

ไอเดียเล็กๆ นี้มาจาก H.Jackson Brown คนเขียนหนังสือ Life's Little
Instruction Book ทำให้เรานึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องเล็กๆ แค่นี้ เวลาที่ได้ทำ มันทำให้เรายิ้มออกมาได้จริงๆ เหมือนกัน ลองทำสิ.....เวลาเห็นรถโรงเรียน
มีเจ้าตัวเล็กๆ นั่งอยู่เต็ม โบกมือให้สักพัก คุณจะได้รับการทักทายกันมาทั้งคันรถเลย

23. เขียนจดหมายรักถึงตัวเอง

จะมีใครรักเราได้เท่ากับคนนี้บ้างนี่ คนที่เราส่องกระจกทีไรก็เห็นเขาจ้องหน้าเราอยู่ทุกครั้งไป ไม่เคยละสายตาไปจากเราเลย จากที่เคยนั่งมองตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน รอว่าเมื่อไหร่จะมีจดหมายแปลกๆ ซองสวยๆ ข้างในคำหวานๆ มาใส่แทนใบแจ้งหนี้จากบัตรเครดิตบ้าง ก็ไม่ต้องรออีกต่อไป เพราะครั้งนี้มีแน่ เขียนจดหมายรักถึงตัวเราเอง แล้วบอกว่าทำไมเราถึงรักคนนี้มากมายจัง เขามีดีอะไร เขียนบอกไปให้หมด แล้วก็ติดซองใส่แสตมป์รอรับจดหมายรักจากตัวเอง จริงๆ แล้วคุณจะรู้สึกดีตั้งแต่คุณรู้ตัวแล้วล่ะว่าตัวเองมีดีอะไร

24. เล่นกับสัตว์เลี้ยง (อันนี้ชอบมาก)

เจ้าขนปุย หรือเจ้าสี่ขา หมา แมว ปลาอะไรก็ได้ ล้วนแต่ทำให้คุณรู้สึกดีทั้งนั้นแหล่ะ ไม่อยากมีภาระ ไม่อยากเลี้ยงเอง ไม่เป็นไร มีการศึกษาที่บอกว่าแค่ได้ลูบขน ได้อุ้ม ได้วิ่งเล่น ได้เห็นรูปน่ารักๆ ของบรรดาเจ้าพวกนี้ก็ทำให้ความดันเลือดลดลงได้แล้ว เย็นนี้กลับไปเปิดยูบีซีดูเจ้าหมีแพนด้าหลินปิงสิ ดูแล้วอารมณ์ดีจะตายไป

25. อาบน้ำฝักบัว

ให้นึกว่าอากาศอยู่ในเดือนเมษายนหน้าร้อน (โห..เดี๋ยวนี้มันเป็นฤดูผสมปนเปในหนึ่งวันไปแล้วเนี่ย) แล้วเราได้อาบน้ำฝักบัวเย็นๆ เปิดน้ำให้แรงฉ่ำใจ ถ้าเครียดอยู่มีปัญหามากมายนัก ให้คิดว่าสายน้ำกำลังล้างมันออกไปจากตัวเรา พออาบเสร็จก็รู้สึกสบายตัวขึ้นจริงๆ นะ

26. มีบางสิ่งให้คุณได้ตั้งตาคอย

การที่เรามีแผนที่ต้องทำ หรือรอสิ่งที่จะเกิดขึ้น จะทำให้เรามีความกระตือรือล้น มีความหวังอยู่เสมอ เหมือนกับที่คุณรอใครสักคนที่จากไปนานกำลังจะกลับมาอีกครั้ง พอนึกความรู้สึกนั้นออกไหมว่า คุณรู้สึกอย่างไร คุณเฝ้ารอวันนั้นอย่างไร คุณตื่นเต้นแค่ไหน เราสามารถหาสิ่งที่เราตั้งตาคอยได้ในทุกวันของเรา เช่น เสาร์นี้จะพาที่บ้านไปกินข้าวริมทะเล กลางปีนี้จะลาพักร้อนไปมัลดีฟส์ หรืออาทิตย์หน้าจะไปเรียนเต้นรำแล้ว บอกแล้วว่าชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยความหวังเสมอ

27. ยืนตัวตรง

ฟังดูแล้วเหมือนชวนมาฝึกทหาร แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ดร.ไมเคิล เมอร์ซีย์ กับ มาเรียน โทรเอียนนี นักจิตวิทยา เขียนเรื่อง Spontaneuos Optimism บอกไว้ว่าถ้าคุณทำให้ศีรษะคุณตั้งตรงได้ ไหล่ หลัง หน้าอก
ก็จะตรงตามมา แล้วคุณจะรู้สึกสบายขึ้น เมื่อไรที่คุณก้มหัวลง ตัวจะห่อตาม อารมณ์ก็จะห่อเหี่ยวไปด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ตัวว่าเดินแบบซังกะตาย หัวซุนเมื่อไร รีบเชิดหน้าตั้ง คออกตรงทันที ปฏิบัติ !

28. อยู่กับกลิ่นหอมๆ

เรารู้แล้วล่ะว่ารู้สึกดีจังที่ได้กลิ่นหอมๆ แต่รู้มั้ยว่ามีการศึกษาในอังกฤษบอกว่า กลิ่นหอมยังทำให้เราแข็งแรงได้ด้วย เพราะจากกลิ่นเหม็นจากเนื้อเน่า
เป็นตัวศึกษา ทำให้ระดับภูมิคุ้มกันลดลง แต่ในขณะเดียวกันกลิ่นหอม
อย่างชอคโกแลตทำให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องจุดเทียนหอมทั้งวันหรอก เติมความหอมให้กับแต่ละวันง่ายๆ ตั้งแต่เลือกกลิ่นสบู่อาบน้ำ
กลิ่นแชมพู ฉีดน้ำหอมก่อนออกไปทำงาน ใส่ดอกไม้ไว้ที่แจกันโต๊ะทำงาน ข้างห้องนอนก็มีต้นไม้มีกลิ่นหอมที่บานตอนกลางคืนไว้สักต้น แค่นี้ก็หอมตั้งแต่เช้าจรดเย็นแล้วล่ะ

29. เซอร์ไพรส์คนรอบข้าง

สิ่งดีๆ แบบไม่คาดฝันมักจะสร้างรอยยิ้มให้กับคนที่ได้รับเสมอ ไม่ต้องรอวันเกิดหรือวันสำคัญก็สร้างความประหลาดใจให้กับคนอื่นได้เสมอ อย่างค่ำวันนี้โทรบอกให้คนรักรีบกลับบ้าน เพราะมีเรื่องด่วนอยากปรึกษา แล้วปิดไฟเตรียมอาหารค่ำใต้แสงเทียนกันสองคน แค่นี้ก็เรียกอาการอึ้งได้แล้ว หรือน้องสาวคนดีจะแบกเป้ไปเที่ยว อยากจะสนับสนุนเงินในกระเป๋าสักหน่อย ก็ใส่ซองแล้วสอดไว้ในกระเป๋าเดินทางกับพาสปอร์ต จ่าหน้าซองว่าคุณคือผู้โชคดี แค่นี้ก็เรียกเสียงกรี๊ดได้แล้ว จังงัง

30. หยุดงานแบบการเมือง

ตอนเด็กๆ เคยหยุดเรียนไปเที่ยวกับที่บ้านในวันที่คนอื่นเขาต้องไปเรียนกันมั้ยล่ะ หรือเป็นกีฬาได้สิทธิพิเศษไม่ต้องเข้าเรียนเพราะต้องซ้อมกีฬาบ้างล่ะ ตอนนั้นช่างมีความสุขจริงๆ ตอนนี้ทำงานแล้วความรู้สึกไม่ต่างกันนักหรอก คนเราชอบความพิเศษ การได้รับการยกเว้น ได้สิทธิที่ไม่เหมือนใครอยู่แล้ว ได้หยุดแบบนี้สัก 1 วัน จะกระชุ่มกระชวยขึ้นมาจริงๆ
(แบบงานไม่ทำให้คนอื่นเสียหายนะจ๊ะ)

ขอให้มีความสุขเป็นของตัวเองทุกคนค่ะ

1 ความคิดเห็น:

  1. เสร็จแล้วลองแวะเยี่ยมดาว Nibiru dyosojvp

    http://www.ainews1.com/modules.php?name=Web_Board&file=view&No=171

    ตอบลบ