++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บ้านเมืองป่นปี้เพราะมันคนเดียว

โดย อัญชะลี ไพรีรัก 25 พฤศจิกายน 2552 17:24 น.
หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง ใครทำอะไรไว้อย่านึกว่าจะไม่มีใครรู้!

วันนี้ “คุณโซเฟีย” เมียเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ชาวเกาหลีใต้ ต้องตอบคนไทยแล้วว่า มีอะไรหนักหนาถึงต้องไปกินข้าวกลางวันกับ “พจมาน” ติดๆ กัน 3 ครั้งในหนึ่งอาทิตย์ครึ่ง ทั้งที่ห้องอาหารอิตาเลียน บิสคอทติ โรงแรมโฟร์ซีซั่น และร้านอาหารกลางลานกว้างของห้างเพนนินซูล่า พลาซ่า

จะเป็นใครบางคนอยาก “ลี้ภัยการเมือง” ในอเมริกา? หรือเรื่องจัดซื้อ “เครื่องมือแพทย์?” หรืออะไร? หรือคุณโซเฟียแส่ไปเอง? หรือสามีส่งมา? ...ก็บอกออกมา...คนไทยอยากรู้ เพราะวงข้าวของโซเฟียกับพจมาน ทางการทูตถือว่า ไม่มีกฎห้าม แต่เป็นมารยาทที่เมียทูตดีๆ เขาไม่ทะเล่อทะล่าทำกัน ...ถ้าทำเฉยเสียจะถือว่า อเมริกาแทรกแซงการเมืองในบ้านเรา

ตอนนี้ที่ตื่นเต้นเร้าใจที่สุดคือ คดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทกำลังใกล้สิ้นสุด ขอให้รอพยานปากสุดท้ายคือ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ก่อนเถอะ ไอ้พวกหิวเงินอยากได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งถึงกับช่วยเขาล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า ล้มรัฐบาล สถาปนา “รัฐไทยใหม่” คงได้กระอักเลือดตายแน่

เพราะคดีนี้ต้องถูกสะสางให้เป็นเยี่ยงอย่าง และความยุติธรรมต้องมีจริงจึงเป็นที่พึ่งประชาชนได้ ถ้าเหลาะแหละถูกแทรกแซง อ่อนปวกเปียกด้วยความขลาดกลัว ประชาชนคนทำมาหากินสุจริตจะเดือดร้อน บ้านเมืองจะล่มจมยืนต่อไปไม่ได้ แถมรังแต่จะถูกประเทศเพื่อนบ้านพากันมองด้วยสายตาดูแคลน ไม่คบค้า และน่ารังเกียจ

ส่วนความคืบหน้ากรณีระเบิดเอ็ม 79 ของคุณพี่เวรตะไลหน้าไหนไม่รู้ ยิงมาตกลงที่ด้านหลังเวทีการชุมนุมของประชาชนในนาม “พลังแผ่นดิน” เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา จนมีประชาชนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บ 12 คน

ให้ปรากฏว่า พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง คนดัง รุดไปดูไบทันทีในเช้าวันรุ่งขึ้น นัยว่าเพื่อบินตามไปสมทบกับ “ทักษิณ” ที่เพิ่งออกจากพนมเปญเช่นกัน เพิ่งรู้ว่า หยดเลือดและบาดแผลคนเจ็บก็เป็นใบเสร็จได้ครือกัน

ถัดมาตอนสายๆ ของต้นสัปดาห์นี้ มีผู้ชาย 4 คนเพิ่งเดินทางกลับมาจากดูไบ หนึ่งในนั้นคือ เสธ.แดง “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” ซึ่งขึ้นเครื่องบินด้วยตั๋วชั้นผู้โดยสารราคาประหยัดที่ซื้อมาจากเอเจนซี ชื่อ Vanessa Dubai แล้วมาอัพเกรดขึ้นชั้นธุรกิจบนเครื่องโดยใครก็ไม่รู้? และตรงบริเวณนั้นเองมีคนเห็น “ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์” คนสนิททักษิณนั่งกลับมากรุงเทพฯ ด้วย

แสดงว่าเสธ.คนดังซึ่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนในตำแหน่ง “ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก” ใช้เวลาตลอดสัปดาห์หมดไปกับทักษิณ “นักโทษชาย” หนีคดี ทั้งที่ในเมืองเสียมราฐ และนครดูไบ แนวโน้มก็น่าจะมีการพบกันหลายที่ ต่างเวลา ทั้งที่ลับ และที่แจ้ง

ล่าสุดมีคนในกระทรวงกลาโหมกระซิบดังๆ ให้ได้ยินกันทั่วว่า “ขัตติยะเข้ากลาโหมวันเสาร์ตอนสายๆ พอค่ำวันอาทิตย์ระเบิดก็ลงโครมหลังเวทีพันธมิตรฯ”...เท่านี้ก็ไม่ต้องการคำ อธิบายมากไปกว่านี้อีก

แล้ว “กองทัพไทย” จะอธิบายเรื่องเสธ.แดงว่าอย่างไร ถ้าไม่ชี้แจงจะถือว่า สมรู้ร่วมคิด ...นี่กระไรปล่อยให้ “ขัตติยะ” ไปเขมร-ไปดูไบโครมๆ แต่ขุนทหารกลับนั่งมองหน้าตาเฉย

สิ่งสำคัญยิ่งที่กองทัพไทยต้องไม่ลืมที่จะพูด คือ เอ็ม 79 ทั้งหมดที่ประเคนใส่พันธมิตรฯ ลูกแล้วลูกเล่าเหล่านั้นเป็นของใคร? มาจากไหน? และ “ใครยิงเรา? ” …คนน่ะไม่ใช่หมู-หมาจะได้มาไล่ยิงกันง่ายๆ และต้องไม่ลืม...กระสุน 200 นัด และระเบิดอีก 2 ลูกรอบๆ รถคุณสนธิ เมื่อเช้าตรู่วันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา รวมถึงกรณีทหาร-ตำรวจที่ถูกออกหมายจับไปมุดหัวอยู่เสียที่ค่ายไหน? ใครคุ้มกะลาหัวอยู่?…ตอบหน่อยได้ไหม?

“ขุนทหาร” คนไหน... ใครว่างก็ได้ช่วยตอบที ไม่ใช่วันๆ ดีแต่หดหัวกันอยู่แต่ในค่าย แล้วโอ้อวดตัวเองว่าเป็น “ทหารเสือราชินี” แต่เที่ยวแขวะคนกู้บ้านกู้เมืองว่า “เจ๊กซกม่ก” แต่ตัวเองกลับล่อเมียน้อย 6 คน หากินอยู่กับทรราชทักษิณ!?! อย่านึกว่าคนเขาจะไม่รู้

ถึงเป็นเจ๊กก็รักชาติ-รักสถาบันยิ่งชีพ ดีกว่าขุนทหารประเภททองไม่รู้ร้อนบางคน งอมืองอเท้า ซุกชายกระโปรงพจมาน

ดูสิเดี๋ยวนี้ใครต่อใครก็บ่ายหน้าไปหา-ไปช่วยทักษิณ- นักโทษหนีคดีทุจริตชาติบ้านเมืองเป็นว่าเล่น

เพราะเงิน 76,000 ล้านบาทนั่นเทียว

คนดีๆ จึงกลายเป็นอัปรีย์ แล้วเสแสร้งช่วยทำให้เสมือนหนึ่งว่า ทักษิณเป็นคนดี เป็นนักประชาธิปไตย อุ้มชูศาสนา เข้าหาธรรมะ ทำงานหนักเพื่อผู้อื่น รวยแล้วไม่โกง จงรักภักดี และถูก “เทเวศร์” รังแกด้วยความริษยาอาฆาต จนต้องจำใจ “ถวายฎีกา”

แค่ฟังทักษิณโฟนอินอย่างนี้ทุกคืนๆ ทางวิทยุอินเทอร์เน็ตก็แทบจะอ้วกแตกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินผู้คนที่แห่ไปเลียแข้งเลียขาหาประโยชน์จากทักษิณ จับกลุ่มพูดกันด้วยท่วงทำนองนี้เช่นกัน จนกลายเป็นทักษิณอีกคนที่ไม่ใช่ทักษิณคนโกงชาติไป 4 แสนกว่าล้านบาทในสมัยที่ครองอำนาจเต็มกำมือในรัฐสภา และในฐานะนายกรัฐมนตรีที่นำอำนาจการเมืองไปต่อยอดผลประโยชน์ส่วนตนด้วยความ หิวกระหายและบ้าคลั่ง

ถ้อยคำไม่เกิน 140 คำต่อครั้งของเขาในทวิตเตอร์ ที่เขียนขึ้นทั้งวันทั้งคืนราวคนบ้า ช่างดูสุขุมมีชั้นเชิงหนักแน่นเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น และหลักแหลมในการจัดวางนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ไม่ใช่ทักษิณตัวจริงที่ส่งพรรคพวกไปยุ่มย่ามกับงบประมาณทุกกระทรวง ทบวง-กรม องค์กรอิสระ และละเมิดสิทธิสื่อมวลชนจนแทบจะถามหาเสรีภาพ-อิสรภาพ และ ความโปร่งใสใดๆไม่ได้แลย

โฟนอินของทักษิณที่เร่งเร้าปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงของเขา ช่างเป็นทักษิณที่เข้มแข็งทระนง ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตาย และเป็นนักประชาธิปไตยระดับ “เช กูวารา” นั่นเชียว

ต่างจากทักษิณที่เราเห็นราวมือกับตีน ที่ประกาศจะครองอำนาจ 5 สมัย 20 ปี เหมือนเผด็จการทั่วโลก จึงกวาดต้อนนักการเมืองเสือหิว ตะกละตะกลามมาเข้าคอก และโยนเศษเนื้อข้างเขียงที่เฉือนมาจากเลือดเนื้อประชาชนให้ เพื่อใช้นักการเมืองสารเลวพวกนี้ “ยกมือ” แก้กฎหมายการค้าเอาเปรียบเพื่อนฝูง แต่บริษัทเมียตัวเองได้ประโยชน์ และเวลานี้กลัวคุก กลัวตาย หนีหัวซุกหัวซุน ยามจนตรอกก็สามารถชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านได้

บทสัมภาษณ์ของเขาตามสื่อต่างประเทศ ช่างเป็นผู้ชายมีเสน่ห์ อดทน มั่งคั่ง เป็นนักเดินทางผู้มุ่งมั่น ยึดมั่นประชาธิปไตย เมียหย่า และปรารถนาดีต่อสถาบันสูงสุดของประเทศไทยทั้งปัจจุบันและอนาคต

แต่ทักษิณในความเป็นจริงที่เรากำลังเผชิญ คือคนที่นักวิชาการให้ฉายาว่า ชั่วจนเกินจินตนาการ เป็นทักษิณที่บ้าหมอดู ชอบดารา-นักร้อง ช่างโป้ปดมดเท็จ ลิ้นสองแฉก แต่ใช้ชีวิตราว “พระราชา” ย่ำยีกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้คนตายด้วยนโยบายปราบยาเสพติดจอมปลอมไปนับพันๆ คน เป็นทักษิณที่อยู่ในเหตุการณ์การทารุณโหดร้ายที่ตากใบ และกรือแซะ เป็นทักษิณที่น่าจะตอบได้ว่า “ทนายสมชาย” และ “ชิปปิ้งหมู” ตายเพราะใคร?

คำให้สัมภาษณ์ของทักษิณในต่างประเทศ ช่างบริสุทธิ์ดูดีมีสาระน่านับถือ ต่างกับทักษิณขี้โกง ฉ้อฉลคนเดียวกับที่เล่นค่าเงินจากนโยบายเฮงซวยของ “บิ๊กจิ๋ว” ท่ามกลางหายนะของคนไทยในปีต้มยำกุ้ง คนคนนี้ยังเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ลอดรูกฎหมาย เล่นแร่แปรธาตุ ตั้งบริษัทซุกหุ้น ฟอกเงินทั้งที่เกาะเคย์แมน-บริทิช เวอร์จิ้น ตั้งกองทุนโน้น ยักย้ายถ่ายเทมากองทุนนี้ และซุกหุ้นกับคนรอบข้าง หากินกับงบประมาณ แล้วหอบเงินไปฝากต่างประเทศจนพุงกาง

เหลือเชื่อที่คนมีชื่อเสียง-มีฐานะ-ชาติตระกูลและการศึกษาดีบางคน กลับหน้ามือตาบอดไร้ปัญญาแยกแยะ ไปหากินรุมทึ้งทักษิณ และพจมานมานานจนติดสุขนิยม พอไม่มีทักษิณกับเมียมาป้อนเศษข้าว-เศษน้ำก็สำแดงฤทธิ์เดช ร้องไห้กระจองอแงตีอกชกหัวจะเป็นจะตายลงไปเสียให้ได้ น่าเสียดายชาติตระกูล และการศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ล่าสุดคนกลุ่มนี้โคจรมาเจอกันในงานแต่งงานลูกผู้ดีมีอันจะกิน สดับเสียงสนทนาหลังแก้วไวน์ความว่า

“เสื้อ แดงจะมาอีกแล้ว เดี๋ยวเสื้อเหลืองก็ออกมาอีก รำคาญฉิบหาย บ้านเมืองไม่ต้องทำมาหากินกันแล้ว ทางที่ดีลงขันเก็บมันเสียทั้ง “ท” และ “ส” ดีกว่า เพราะลำพังไอ้พวกที่เหลือก็สับปะรังเคทั้งนั้น แค่นี้ก็จบไม่เห็นยาก” ...เป็นประโยคมักง่ายของพวกชอบซุกขยะใต้พรมสวย ไร้จริยธรรม-และไม่มีจิตสำนึกสาธารณะ

ปัญหาของทักษิณจะไม่บานปลาย ถ้าหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. เป็นต้นมา มีการใช้สื่อสารมวลชนทุกแขนงสื่อสารกับประชาชนไทย และมิตรประเทศทั่วโลก ถึงภัยอันตรายจากเผด็จการรัฐสภาของระบอบทักษิณจนถึงขั้นประชาชนลุกฮือขับไล่ และการรัฐประหาร สีเหลือง คือ เครื่องมือสุดท้ายที่จะงัดออกมาทำลายคนที่ได้ชื่อว่า โจรปล้นชาติ

ถ้าทำเสียแต่วันนั้นและต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ทักษิณ คนเลวของแผ่นดินจะแบ่งแยกประชาชนไม่ได้เลย

ที่ไหนได้ตั้งแต่คณะคมช. ปวกเปียกที่มีอำนาจเพียง 14 วันหลังจากถูก “เขาวานให้ล้มทักษิณ” ก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะเข็นขึ้น

ส่วนรัฐบาลสุรยุทธ์ เปรียบเสมือนวัวสันหลังหวะ จดๆ จ้องๆ ไม่กล้าฟันเพราะ ใครบางคนกลัวถูกทักษิณปากโป้งแฉว่ามีผลประโยชน์มากมายเหลือคณานับ

จนถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ มัวร่าเริงกับลาภยศที่รอมานาน ได้แต่วิ่งเล่นเหมือนเด็ก และเที่ยวมะงุมมะงาหลาบ้าใบ้ ที่สุดเลยโดนทักษิณกับพวกขี้ข้าม้าใช้รุมสกรัมเสียสะบักสะบอมไปทั้งแผง จะขาดก็แต่ “สุเทพ” และพรรคร่วมที่ได้ดิบได้ดีอ้วนหมีพีมัน

ถึงวันนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบางคนที่น่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหา ทักษิณได้ กลับนั่งนิ่งเฉย ดูทักษิณเผาไทย-ทำลายเจ้า แล้วเอาตัวรอดไปวันๆ ปล่อยให้ทักษิณกับพวกเหิมเกริมใช้สื่อทางเลือกทั้งบนดินและใต้ดินบิดเบือน ข้อมูลโจมตีประเทศไทย และให้ร้ายสถาบันสูงสุดเป็นนิจสิน

จับตาดู Voice TV ให้ดีเถิด “ต้นไม้มีพิษ ลูกไม้มีพิษ”

อย่าลืม...และถ้าเสื้อแดงบอก “ถอย” แปลว่า เสี่ยสั่งลุย เดินหน้าเต็มสูบรู้ไว้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น