++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อุปสรรคใหญ่ไม่ใช่ทักษิณ

โดย ไสว บุญมา 22 พฤศจิกายน 2552 13:56 น.
โดย…ไสว บุญมา

การเคลื่อนไหวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร สร้างปัญหาหนักหนาสาหัสให้แก่สังคมไทยในปัจจุบันและคนไทยที่สามารถแยกคนดี กับคนชั่วได้จะต้องไม่ยอมให้เขากลับมาครองอำนาจอีกยกเว้นเขาจะพิสูจน์ตัวเอง ได้จนปราศจากข้อสงสัยว่าจะไม่กลับเข้ามาเพื่อเสริมต่อพฤติกรรมจำพวกชั่วร้าย อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเอาแต่ทุ่มเทพลังงานลงไปกับการต่อต้านการเคลื่อนไหวนั้นเสียหมด ผลร้ายใหญ่หลวงจะเกิดแก่อนาคตของเมืองไทยอย่างแน่นอน

ผมมองว่าปรากฏการณ์อันเกิดจาก นช.ทักษิณเป็นอาการความป่วยของสังคมไทยที่มีต้นเหตุลึกลงไปถึงรากเหง้า ฉะนั้น แม้ นช.ทักษิณ จะหยุดกิจกรรมทุกอย่าง ณ วันนี้โดยไม่มีเงื่อนไข เมืองไทยก็ยังจะประสบกับปัญหาที่มาจากสาเหตุเดิม

นช.ทักษิณ เปรียบเสมือนเห็ดร่างแหชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อโผล่ขึ้นมาใหม่ๆ ดูเหมือนจะกินได้แม้จะมีลักษณะต่างกับเห็ดทั่วไปและส่งกลิ่นตุๆ บ้างก็ตาม เมื่อบางคนเก็บไปลองชิมดูจึงรู้ว่ามันทำให้ท้องร่วง ชาวบ้านพยายามเหยียบมันทิ้งเพราะหากปล่อยไว้มันจะเหม็นมากขึ้นต่อไปอีกหลาย วัน แต่อีกไม่นานเห็ดชนิดนั้นก็มักจะโผล่ขึ้นมาอีกเมื่ออากาศร้อนชื้นกลับคืนมา ทั้งนี้เพราะยังมีเชื้อพันธุ์ของมันร่วงหล่นอยู่บนสิ่งเน่าเปื่อยในบริเวณ นั้น ทางป้องกันมิให้มันโผล่ขึ้นมาอีกคือต้องกำจัดเชื้อพันธุ์ของมันให้หมดไป หรือไม่ก็ปรับเปลี่ยนพื้นที่จนไม่มีสิ่งเน่าเปื่อยหลงเหลือยู่ การจะกำจัดเชื้อพันธุ์ของ นช.ทักษิณ คงทำไม่ได้ตราบใดที่มันยังไม่งอกออกมาเป็นเห็ดที่เหม็นเช่นเดียวกับต้นเชื้อ ฉะนั้น ทางเดียวที่จะทำได้แต่ก็ไม่ง่ายเลยคือ กำจัดสิ่งเน่าเปื่อย

สิ่งเน่าเปื่อยทั้งหลายอาจแยกออกได้เป็นสองส่วนด้วยกัน ส่วนแรกเกี่ยวกับมาตรฐานทางด้านคุณธรรมซึ่งรวมทั้งจริยธรรมและการปฏิบัติตาม กฎเกณฑ์ของสังคม ความเน่าเปื่อยทางด้านนี้มีมาก ยกตัวอย่างเรื่องความฉ้อฉลซึ่งเป็นต้นตอแห่งการทำผิดของ นช.ทักษิณ อันที่จริงพฤติกรรมฉ้อฉลของเขาไม่ใช่ของใหม่ มันปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ครั้งเขาเริ่มมีอำนาจ แต่การบังคับใช้กฎหมายไล่เขาไม่ทัน ครั้นเมื่อการบังคับใช้กฎหมายไล่เขาทันและตัดสินให้เขาจำคุกสองปีก็ยังมีคน ไทยออกมาเคลื่อนไหวเพื่อหวังจะช่วยให้เขาพ้นผิดและกลับมาสร้างปัญหาเพิ่ม ขึ้น

ผู้ที่อยู่ในกระบวนการเคลื่อนไหวอาจแยกออกได้เป็นหลายกลุ่มซึ่งมี มาตรฐานทางด้านคุณธรรมและจริยธรรมต่ำน้อยบ้าง มากบ้างต่างกันไป กลุ่มแรกประกอบด้วยผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยแต่เคยได้ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะจากการหยิบยื่นของรัฐบาลผ่านโครงการประชานิยม กลุ่มสองเป็นพวกที่รับงานรายวันเพื่อแลกกับค่าจ้าง กลุ่มสามเป็นพวกที่มีความฉ้อฉลอยู่ในกมลสันดานโดยเฉพาะนักการเมืองจำพวกหนี งานในรัฐสภาเพื่อไปกราบเขาให้เป่ากระหม่อมถึงในต่างประเทศ

กลุ่มสี่ประกอบด้วยชนชั้นหัวหน้าที่ได้รับค่าตอบแทนในปัจจุบันและ หวังจะได้ในวันข้างหน้าถ้า นช.ทักษิณ กลับมามีอำนาจอีกครั้ง กลุ่มสุดท้ายประกอบด้วยพวกที่มีปริญญาหรูๆ ผู้สวมบทบาทนักวิชาการรวมทั้งทางด้านเศรษฐศาสตร์และกฎหมาย พวกนี้มีความระยำเป็นพิเศษเพราะเป็นเมธีบริกรซึ่งพร้อมที่จะบิดเบือนหลัก วิชาเพื่อให้ได้มาซึ่งอามิสสินจ้าง

อีกตัวอย่างหนึ่งเกี่ยวกับกระบวนการจ้องสังหารผู้ต่อต้านพฤติกรรมของ นช.ทักษิณและพวกพ้องน้องพี่ กระบวนการนี้ใช้อาวุธสงครามยิงเข้าไปในกลุ่มชนในทำเนียบรัฐบาล ร่วมกันล่าสังหารคุณสนธิ ลิ้มทองกุลเป็นการส่วนตัวและยิงระเบิดเข้าไปในหมู่ชนกลางสนามหลวงเมื่อกลาง เดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผู้อยู่ในกระบวนการล่าสังหารนี้ไม่มีคุณธรรมและความเป็นมนุษย์เหลืออยู่แม้ แต่น้อยนิด ส่วนทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรงซึ่งแสดงออกมาด้วย การยิงก๊าซน้ำตาในระยะเผาขนเข้าสู่ตัวประชาชนเมื่อเดือนตุลาคม 2551 และการละทิ้งหน้าที่เพื่อเอื้อให้คนร้ายทำผิดกฎหมายได้สะดวกแล้วปล่อยให้ลอย นวลอยู่ในสังคม

ทั้งที่ตัวอย่างที่อ้างถึงนี้มีผลร้ายใหญ่หลวง แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ดูไม่อาทรร้อนใจอะไรเลย เคยทำอะไรอย่างไรก็ทำต่อไป หรืออีกนัยหนึ่งยังดูดายและดำเนินชีวิตต่อไปตามแนวที่ขี้เหล้าเมื่อเมาแล้ว ชอบเปล่งออกมาเป็นภาษาที่ต้องขออภัยผู้อ่าน นั่นคือ “กิน เที่ยว เยี่ยว ขี้ ปี้ นอน”

ส่วนที่สองเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการทำงาน จริงอยู่โดยทั่วไปคนไทยมีการศึกษาสูงขึ้นและมีเครื่องไม้เครื่องมือดีขึ้น กว่าแต่ก่อน แต่มองในด้านการมีประสิทธิภาพเปรียบเทียบกับประเทศก้าวหน้า เราล้าหลังเพิ่มขึ้น แม้ประสิทธิภาพในการทำงานจะไม่ได้เสื่อมถอยลงก็เหมือนเสื่อมถอยเพราะตามโลก ไม่ทัน ในด้านการเมือง ตั้งแต่เปลี่ยนการปกครองมากว่า 77 ปี เรามีรัฐธรรมนูญเกือบ 20 ฉบับ จริงอยู่เรามีผู้นำรัฐบาลหลายต่อหลายคนที่มีความฉ้อฉลยังผลให้การปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยไม่ก้าวหน้า แต่ผู้นำก็ไม่ได้ฉ้อฉลเสียทุกคนไป ปัญหาใหญ่คือคนที่ไม่ฉ้อฉลก็ขาดประสิทธิภาพที่จะสร้างศรัทธาและพัฒนาให้ก้าว หน้าไปตามอุดมการณ์

ทางด้านภาคเอกชน ส่วนหนึ่งก้าวหน้าไม่น้อยกว่าย่านอื่นของโลก แต่ส่วนใหญ่ยังตกอยู่ในสภาพล้าหลัง เช่น ยังสร้างเครื่องจักรกลเบื้องต้นไม่ได้แม้จะใช้เครื่องจักรกลนั้นมานับร้อยปี ในช่วง 44 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์ทิ้งไทยห่างขึ้นในด้านการเมืองและสังคมและเกาหลีใต้ทิ้งไทยห่างขึ้น ในด้านเศรษฐกิจทั้งที่สามประเทศมีสภาพไม่ต่างกันเมื่อปี 2508 ปัญหาที่ตามมาก็คือ คนไทยไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานทัดเทียมกับเขา แต่เราพยายามบริโภคเท่าเขา คนของเราจำนวนมากจึงยากจนและเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อนักการเมืองเลวทรามนำนโยบายประชานิยมแบบเข้มข้นมาใช้ก็พร้อมจะขายจิต วิญญาณให้เขาทันที

ในช่วงนี้มีพรรคการเมืองผุดขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเป็นพรรคมาตุภูมิของหัวหน้าคณะปฏิวัติเมื่อปี 2549 เขาจะเข้ามาแก้ปัญหาอย่างไรยังไม่เป็นที่ประจักษ์เพราะพรรคไม่ได้เสนอแนวคิด ชนิดที่พรรคการเมืองควรทำ ถ้าจะให้ฟันธงคงต้องฟันว่าเขาจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นเพราะเมื่อครั้ง ยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จก็ทำอะไรไม่เป็น อันที่จริงสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่เพราะมันเกิดขึ้นทั่วไปอยู่แล้ว นั่นคือ การล้มรัฐบาลนั้นไม่ยาก แต่จะทำอะไรต่อไปให้ได้ผลตามที่ประชาชนคาดหวังนั้นยากยิ่ง ใกล้ๆ บ้านเรา มาดามอาคิโนใช้พลังประชาชนโค่นมาร์กอสได้แต่ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ห่างออกไปถึงในแอฟริกาและอเมริกากลาง หลายประเทศมีรัฐประหารเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ยังมีปัญหาหนักหนาสาหัสเช่นเดิม

พรรคมาตุภูมิมีขนาดเล็กมาก อุปสรรคเบื้องต้นของพรรคไม่ต่างกับพรรคส่วนใหญ่ทั้งในอดีตและปัจจุบัน นั่นคือ ตั้งขึ้นมาตามอัตตาของหัวหน้าพรรคมากกว่าอุดมการณ์และขาดยุทธการสำหรับแก้ ปัญหาและพัฒนาสังคม เมื่อตัวหัวหน้าพรรคมีอันเป็นไป พรรคก็ม้วนเสื่อตาม แม้พรรคแกนนำรัฐบาลปัจจุบันจะอยู่มานานถึง 60 ปี แต่ในขณะนี้ก็ยังไม่มียุทธการที่เหมาะสมสำหรับแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมอย่าง แท้จริง จึงเป็นพรรคแบบเก่าที่ยึดการทำงานแนวแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ แล้วเพิ่มการต่อต้าน นช.ทักษิณ เข้าไปในตอนนี้

พรรคการเมืองใหม่ต่างกับพรรคอื่นๆ เพราะถือกำเนิดจากการเคลื่อนไหวอย่างกว้างขวางของประชาชนที่ทนดูความชั่ว ร้ายของระบอบทักษิณต่อไปไม่ได้อีก สมาชิกในกระบวนการเคลื่อนไหวจะมองเห็นภาพของระบอบทักษิณเป็นอะไรผมไม่ทราบ แต่ผมมองว่ามันเป็นประชาธิปไตยที่ถูกขังอยู่ในคอกห้าเหลี่ยมคือ อัตตาธิปไตย ธนาธิปไตย ขโมยาธิปไตย ญาติกาธิปไตย และประชานิยมาธิปไตย

ฉะนั้นแม้ นช.ทักษิณ จะหยุดเคลื่อนไหว แต่ตราบใดที่คอกห้าเหลี่ยมนี้ยังมีมนต์ขลังขังกระบวนการประชาธิปไตยของ ไทยอยู่ โอกาสที่เราจะพัฒนาให้ก้าวหน้าอย่างราบรื่นต่อไปคงไม่มี นอกจากจะมียุทธการที่เหมาะสมสำหรับพาสังคมไทยให้แหกออกจากคอกอัปรีย์นี้ให้ ได้แล้ว กระบวนการเคลื่อนไหวและการเมืองใหม่จะต้องมียุทธการสำหรับกำจัดความเน่า เปื่อยทางด้านคุณธรรมและความล้าหลังทางด้านประสิทธิภาพพร้อมกับพัฒนาประเทศ ให้ก้าวหน้าต่อไปอีกด้วย

ภาระ ทั้งหมดนี้หนักหนาสาหัสยิ่งนัก จึงจักขอแนะนำผู้ที่อยู่ในกระบวนการเคลื่อนไหวว่า อย่าหมกมุ่นอยู่กับการต่อต้าน นช.ทักษิณจนลืมออกไปช่วยกันขายตรง นั่นคือ ชักชวนผู้ที่ยังดูดายให้ออกมาร่วมกระบวนการเพราะมันเป็นความหวังครั้งสุด ท้ายก่อนเมืองไทยจะเดินเข้าสู่จุดพลิกผันตามที่โหรทำนายว่าสำคัญยิ่งในปี 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น