++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

กรมศิลป์ เผย “พระโกศทองลงยาสีประดับพลอยทรงพระอัฐิ” พระพี่นางฯ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤศจิกายน 2551 15:20 น.
กรมศิลปากรเผยโฉมองค์พระโกศทองคำลงยาสีประดั บพลอยทรงพระอัฐิ “พระพี่นาง” น้ำหนักทอง 2 พันกรัม พร้อมฉัตร พุ่มข้าวบิณฑ์ เส้า ถ้ำศิลาบรรจุพระอัฐิทำจากหินอ่อนสีขาว ระบุดอกไม้จันทน์เพื่อถวาย “ในหลวง-พระราชินี” และพระบรมวงศ์ เพื่อใช้ถวายพระเพลิงพระศพ และฟืนประดับพระจิตกาธานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันก็เปิดตัว "วงบัวลอย" ที่จะใช้บรรเลงขณะถวายพระเพลิงพระศพ ด้าน "นอ.อาวุธ"ระบุงานจัดสร้างพระเมรุและอาคารประกอบทั้งหมดเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ ว
      
       วันนี้ (13 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กรมศิลปากร ได้มีการแถลงข่าวรายละเอียดการจัดสร้างพระโกศทองคำลงยาสีประดับพลอย ทรงพระอัฐิ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยน.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น กล่าวว่า ถือเป็นภารกิจสุดท้ายที่กรมศิลปากรได้จัดทำถวาย โดยก่อนหน้านี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าให้กรมศิลปากรจัดทำพระโกศทรงพระอัฐิ แด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งทางกรมศิลปากร ก็ได้มอบหมายให้นายนิยม กลิ่นบุปผา ผู้เชี่ยวชาญศิลปกรรม 9 กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบ
      
       ทั้งนี้ เมื่อออกแบบเสร็จสิ้นก็ได้นำแบบทูลเกล้าฯ ถวายให้ทอดพระเนตรเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย จากนั้นเมื่อมีพระบรมราชานุญาตให้สร้างได้ ก็ได้จัดสร้างขึ้น โดยเริ่มเมื่อประมาณ 4 เดือนที่แล้ว
      
       “ พระโกศทรงพระอัฐิที่ได้ทำขึ้นนี้ องค์พระโกศพร้อมฝา เป็นทองคำลงยาสีแดง อันเป็นสีวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ใช้ทองคำทั้งหมด 2,000 กรัม แต่องค์พระโกศมีน้ำหนักทั้งสิ้น 2,419.05 กรัม โดยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมามาจากส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ส่วนของเรือนเงินประดับพลอย ดอกไม้ไหวชั้นบน 8 ดอก ดอกไม้ไหวชั้นกลาง 8ดอก ดอกไม้ไหวชั้นล่าง 8 ดอก ดอกไม้เอว 16 ดอก เฟื่องพู่ระย้าปากพระโกศ 8 ชุด งานส่วนเดียวที่กรมศิลปากรต้องจัดจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะให้ร่วมทำคืองาน ฝังพลอยประดับองค์พระโกศ
      
       นอกจากองค์พระโกศแล้ว ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ คือสุวรรณฉัตร 7 ชั้น ตามพระอิสริยยศ มีพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งตามโบราณราชประเพณีนั้น ขณะที่องค์พระโกศพระอัฐิ ประดิษฐานอยู่ในพระวิมาน จะใช้ยอดพุ่มข้าวบิณฑ์ แต่หากมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล เช่นวันสงกรานต์ ซึ่งจะมีการนำพระโกศทรงพระอัฐิออกมา จะประดับยอดพระโกศทรงพระอัฐิด้วยยอดฉัตร
      
       ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ นั้น จะมี “เส้า” เป็นลักษณะแท่นสูง สำหรับไว้รองรับฝาพระโกศเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเปิดออกเพื่อบรรจุพระอัฐิ และ “ถ้ำศิลา” ที่ทำจากหินอ่อนที่ขาวนวล ที่จะทรงพระอัฐิภายในพระโกศทรงพระอัฐิทองคำ
      
       นอกจากนี้ยังมี ดอกไม้จันทน์ ที่จะทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อใช้ถวายพระเพลิงพระศพฯ โดยเป็นดอกไม้จันทน์สำหรับสองพระองค์เป็นแบบเฉพาะ ลายกนกและมีขนาดใหญ่ ส่วนของพระบรมวงศ์อื่นๆ เป็นขนาดที่ย่อมกว่าและใช้ลายใบเทศ โดยดอกไม้จันทน์บางส่วน เป็นดอกไม้จันทน์ที่ตกทอดมาตั้งแต่ครั้งสมัยงานพระราชทานเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ซึ่งเป็นไม้จันทน์ที่ดีมาก หอมมากโดยเฉพาะเวลาเผา
      
       สุดท้ายคือฟืนไม้จันทน์ประดับพระจิตกาธานจำนวน 16 ท่อน เป็นไม้จันทน์จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำมากลึงและปิดทองประดับลายบริเวณส่วนปลาย
      
       ด้านนายนิยม กลิ่นบุปผา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่างศิลปกรรม นายช่างศิลปกรรม 9 ชช. สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร อธิบายแนวคิดการออกแบบองค์พระโกศทองคำ ทรงอัฐิ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณีวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า การออกแบบยังคงแนวคิดดั้งเดิมตามพระราชพิธีพระศพแบบโบราณราชประเพณี เป็นแนวเครื่องทองใหญ่ โดยองค์พระโกศทองคำ ประกอบด้วยฐานสิงห์ มีฐานชั้นบัวเป็นฐานรองรับ ชั้นบนมีฝาครอบ ทั้งหมดจะลงยาสีแดง และเขียว แต่จะเน้นสีแดง เพราะเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ
      
       รอบตัวพระโกศชั้นบน ประดับด้วยดอกไม้ไหว 8 ดอก ชั้นกลาง 8 ดอก ชั้นล่าง 8 ดอก และดอกไม้เอวอีก 16 ดอก มีทั้งหมด 8 ชุด รวมถึงทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เฟื่องพู่ระย้าปากพระเกศ เครื่องประดับรอบพระโกศทั้งหมดจะทำด้วยเงินประดับพลอย สีขาว ส่วนฉัตรเป็นสุวรรณฉัตร 7 ชั้น ลงทองคำประดับพลอย และเส้ารับฝาพระโกศ เป็นไม้กลึงแกะสลักปิดทอง
      
       ส่วนถ้ำศิลาที่จะทรงพระอัฐิภายในพระโกศทองคำด้วยว่า ตัวถ้ำทำด้วยหินอ่อนสีขาวนวล และทีเลือกเอาหินอ่อน เพราะเป็นวัตถุตามธรรมชาติ มีความเย็น
      
       ท ั้งนี้ คณะผู้จัดทำพระโกศทองคำประกอบไปด้วยนายสมชาย ตติยวัฒนสิริ นายสายันต์ ยอดนวล นายสายัณห์ มณีสุวรรณ นายธีระชัย จันทรังสี นางอัจฉริยา บุญสุข นางวรรีย์ ดวงแก้ว นายอภิสิทธิ์ จุลพรรณ์ นายธนิตย์ แก้วนิยมและนายยงยุทธ วรรณโกวิท
       

       ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังการแถลงข่าวเผยพระโกศทองคำทรงพระอัฐิ ได้มีการสาธิตการบรรเลงเพลงของ “วงบัวลอย” ซึ่งถูกเรียกตามเพลงที่ใช้เล่นประโคมช่วงพระราชทานเพลิงคือ “เพลงบัวลอย” นั่นเอง โดย อ.ปี๊บ พวงลายทอง ห นึ่งในนักดนตรีประจำวงบัวลอยอธิบายว่า ในวงบัวลอยจะมีเครื่องดนตรี 4 ชิ้น คือ ปี่ชวา กลองแขกตัวผู้ (ให้เสียงสูง) กลองแขกตัวเมีย (ให้เสียงต่ำ) เหม่ง
      
       “วงบัวลอยนี้จะใช้เฉพาะงานศพหรืองานพระศพ และใช้กับผู้ทรงคุณแห่งแผ่นดินเท่านั้น” อ.ปี๊บกล่าวและว่าวงบัวลอยจะบรรเลงในวันที่ 15 พ.ย. เวลา16.30-22.00 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น