พลังประชาชน-ชาติไทย-มัชฌิมาฯ จำใจยื่นเอกสารชี้แจงคดียุบพรรคแล้ว หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่ยอมให้ขยายเวลาออกไปอีก รวมทั้งไม่ยอมให้กรรมการบริหารพรรคร้องสอดเป็นคู่ความที่สาม เนื่องจากไม่มีกฎหมายกำหนด และเดินหน้าถกคดีนัดแรกพรุ่งนี้ (20 พ.ย.) ทันทีพร้อมนัดพร้อมคู่ความ 26 พ.ย.
วันนี้ (19 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันครบกำหนด 15 วัน ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ให้พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย ส่งคำชี้แจง หลังจากที่ทั้ง 3 พรรคได้ขอขยายเวลา โดยพรรคพลังประชาชนได้เดินทางมาส่งคำชี้แจงเป็นพรรคแรก ซึ่งมีเอกสารจำนวน 89 หน้า ตามด้วยพรรคชาติไทย ที่มีคำชี้แจงหนาประมาณ 79 หน้า ส่วนพรรคมัชฌิมาฯได้ส่งเป็นพรรคสุดท้ายมีเนื้อหาประมาณ 55 หน้า โดยทั้ง 3 พรรคก็จะสำเนาเอกสารมาให้กับตุลาการจำนวน 9 ชุดด้วย
นายวิเชียร กลัดเจริญ ทนายความผู้รับมอบอำนาจในการว่าความคดีคำร้องขอให้ยุบพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า คำชี้แจงในการต่อสู้คดียุบพรรค เราจะชี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งที่วิ นิจฉัยตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ตัดสิทธิ์ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนนั้น เป็นคำพิพากษาที่มีผลเฉพาะตัวของ นายยงยุทธ เท่านั้น ไม่ได้มีผลผูกพันถึงคณะกรรมการบริหารพรรคทุกคน และในช่วงที่มีการกระทำความผิด นายยงยุทธ เองก็ยังไม่ได้เป็นผู้สมัคร ส.ส.อีกทั้งคำพิพากษาของศาลฎีกาไม่มีผลผูกพันกับการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรม นูญด้วย อย่างไรก็ตาม ทางพรรคก็ยังได้มีการร้องสอดของกรรมการบริหาร
ด้าน นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ทางพรรคก็ได้ชี้แจงไปทั้งหมด 5 ประเด็น แก้ข้อกล่าวหาทั้งหมดว่าพรรคไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้มีการปล่อยปละละเลยและมีการป้องกันเป็นอย่างดี พร้อมกับขอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าในวันแถลงเปิดคดีขอให้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้มีโอกาสแถลงเปิดคดีด้วยวาจา ก่อนขั้นตอนของการสอบพยาน อย่างไรก็ตาม หลักจากนี้ คงต้องรอให้ศาลสั่งว่าจะต้องยื่นรายชื่อพยานทั้ง พยานเอกสารและพยานบุคคล ขณะนี้มีพยานบุคคลอยู่ถึง 30-40 คน แล้วแต่ศาลจะพิจารณา
ส่วน นายฉัตรชัย ชูแก้ว ทนายความผู้รับมอบอำนาจของพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า หลังจากที่คณะตุลาการมีมติไม่ขยายเวลาตามที่เคยได้ร้องขอไป จึงได้นำเอกสารเท่าที่มีอยู่ยืนต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีข้อเท็จจริงรวม 13 ประเด็น ซึ่งรวมไปถึงในประเด็นที่คณะ อนุกรรมการสอบสวนของ กกต.ชุดที่มี นายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน ก็ระบุว่า ความผิดกรณีนี้ไม่เพียงพอที่จะยื่นยุบพรรค ซึ่งรวมถึงอัยการสูงสุดก็ระบุเช่นเดียวกัน จนต้องตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่าง กกต.และอัยการสูงสุด ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการร่วมนี้ต้องหาพยานหลักฐานใหม่ แต่ก็ไม่ปรากฏว่า ดำเนินการใดๆ แต่กลับยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน กรณีนี้จึงต้องขอความเป็นธรรมจากศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เมื่อเวลา 14.30 น.นายทิวา การกระสัง ทนายความกลุ่มเพื่อนเนวิน ได้นำคำร้องสอดขอเป็นคู่ความฝ่ายที่ 3 ของ นายสุทิน คลังแสง ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และคำชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำใดๆ ของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช โดยเปิดเผยว่า ตนเองเป็นรับผิดชอบเป็นทนายความของ นายนิสิต สินธุไพร นายทรงศักดิ์ ทองศรี และ นายสุทิน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกลุ่มของ นายเนวิน ซึ่งการร้องนี้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ซึ่งตามข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้กระทำได้ อย่างไรก็ตาม หากตุลาการไม่อนุญาตให้ร้องสอดเป็นคู่ความที่ 3 ก็จะยื่นรายชื่อเพื่อเป็นพยานเบิกความในคดียุบพรรคอีกครั้ง
รายงานข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า คณะตุลาการได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาคำชี้แจงของทั้ง 3 พรรคการเมืองในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.ซึ่งถือเป็นนัดแรกในการประชุมเพื่อพิจารณาคดียุบพรรค แล้วยังได้มีกำหนดนัดพร้อมคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย คือฝ่ายผู้ถูกร้องทั้ง 3 พรรค และฝ่ายผู้ร้องคืออัยการสูงสุด ในวันที่ 26 พ.ย.นี้ เพื่อกำหนดประเด็นการพิจารณาด้วย
สำหรับกระแสข่าวที่พรรคพลังประชาชนจะยื่นคำร้องขอให้ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการรัฐธรรมนูญ ถอนตัวจากการเป็นองค์คณะเนื่องจากมีอคติกับพรรคพลังประชาชนนั้น ขณะนี้ยังไม่มีคำร้องเข้ามาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีคำร้องของพรรคพลังประชาชนที่มีกรรมการบริหารพรรค ส.ส.และสมาชิกพรรค ขอร้องสอดมาเป็นคู่ความที่ 3 นั้น คณะตุลาการฯไม่อนุญาต เนื่องจากในการร้องสอดของคู่ความนั้น จะสามารถกระทำได้ในกรณีร้องสอดเป็นโจทก์ หรือเป็นจำเลยเท่านั้น ไม่มีช่องทางให้ยื่นร้องสอดมาเป็นคู่ความที่ 3 แต่อย่างใด ทั้งนี้ หากพรรคพลังประชาชนต้องการยื่นรายชื่อกรรมการบริหารพรรคมาเป็นพยานเพื่อให้ก ารว่าไม่รู้เห็นถึงการกระทำของนายยงยุทธ ก็สามารถดำเนินการได้ในฐานะพยานอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องร้องสอดแต่อย่างใด
โดย ผู้จัดการออนไลน์ | 19 พฤศจิกายน 2551 18:43 น. |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น