มัธยม 1
เสียงออดพักเที่ยงดังก้องทั้งโรงเรียน นักเรียนแต่ละห้องต่างกรูกันไปเข้าแถวรอซื้ออาหาร ผมไม่อยากไปเข้าคิวแบบใครเค้า ก็เลยเลือกที่จะนั่งเล่นหน้าระเบียงห้อง รอคนน้อย ๆ แล้วค่อยไป.. เป็นเช่นนี้ทุกวัน จนเบื่อ แต่วันนึง..โอ้ !! ไม่อยากจะเชื่อเลย โรงเรียนนี้มีนางฟ้ามาเรียนด้วยเหรอเนี่ย !!! เธอน่ารักมาก เดินผ่านหน้าระเบียงห้องเรียนผมไป หัวใจผมแทบหยุดเต้น ตั้งแต่วันนั้นมา การนั่งรอหน้าระเบียงในช่วงพักเที่ยง ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อของผมอีกต่อไป..
มัธยม 2
สิ่งที่ดีใจมากยิ่งกว่าการได้เจอเพื่อน ๆ ก็คือ ผมได้เรียนห้องเดียวกับนางฟ้าคนนั้นด้วย โห..ดีใจสุด ๆ พระเจ้าช่างมีน้ำใจกับเราจริง ๆ ตั้งแต่นี้ ผมคงได้จ้องหน้าเธอทุกครั้งที่อยากจ้อง ไม่ต้องรอเวลาพักเที่ยงเหมือนตอนมอ 1 แล้ว แต่ก็นั่นแหละนะ ผู้ชายขี้อายอย่างเรา ก็ได้แต่แอบมอง เช้ายันเย็น ทุกวัน ทุกเดือน ตลอดปี..เฮ้อ..
มัธยม 3
ผมยังคงเหมือนเดิม แอบมองนางฟ้าของผมเสมอ ๆ จะเปลี่ยนไปบ้างก็ตรงที่เธอ..สวยขึ้น น่ารักขึ้น และที่สำคัญ เธอก็เป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ ทั้งในห้องและนอกห้อง (ทำไงดี ผมชักใจคอไม่ดีแล้วสิ) เพื่อน ๆ ในกลุ่มก็เลยวางแผนด้วยการบอกต่อ ๆ กันไป ว่าผม กับเธอเป็นแฟนกัน คนอื่นจะได้ไม่มาจีบเธอ (เพื่อนมันดีจริง ๆ อิอิ ถึงแม้จะดูเป็นแผนการที่เจ้าเล่ห์ไปหน่อย แต่ก็ใช้ได้ผล และผมก็ยินดี..^_^..) แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่เคยคุยกับเธอสักที
จนใกล้จบมอต้น ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่ เดินเข้าไปคุยกับเธอ แล้วบอกเธอว่า ขอรูปเธอได้ไม๊ เพราะต่อไปต้องแยกไปเรียนกันคนละที่แล้ว พระเจ้าช่วย !! นางฟ้าของผม เธอมอบรูปให้กับผม ใหญ่กว่าที่คนอื่น ๆ ได้รับซะอีก (ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป.. เธอคงมีใจกับผมบ้างล่ะน่า ) ตั้งแต่นั้นมา ผมก็สลัดความขี้อายใจตัวทิ้งไป ตามไปส่งเธอถึงบ้านเป็นเช่นนี้เรื่อยมา.. จนเราเรียนจบมอต้น และแยกย้ายกันไปเรียนต่อ…
เวลาผ่านไปเรายังคงติดต่อส่งข่าวคราวถึงกัน ด้วยจดหมาย จากวันเป็นเดือน เป็นหลายเดือน ผ่านไปเป็นปี พัฒนาการความรักของผมที่มีต่อนางฟ้าคนนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และผมก็มั่นใจว่า ความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดที่ผมเพียงฝ่ายเดียวแล้วล่ะ ผมขอเธอเป็นแฟน.. เธอตอบตกลง จนในที่สุด เราก็คบกันเป็นแฟน โลกของเราเต็มไปด้วยความรัก และความสดใส จนผู้ใหญ่เห็นว่าเรารักกัน และไม่ได้ทำอะไรเสียหาย จึงตกลงใจให้เราหมั้นกัน….ก่อนที่เราจะเข้ามหาวิทยาลัย
………
เชียงใหม่ 2534
โชคดีจัง… เราได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เรากลายเป็นคู่รักที่ใคร ๆ ต่างก็อิจฉา เราต่างก็ตั้งใจเรียน และ ให้กำลังใจกันและกันเสมอ เธอวางตัวได้ดี และทำให้ผมมั่นใจในตัวเธอเสมอ ผมแทบจะจำไม่ได้ว่าเราเคยทะเลาะกันรึเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ผมรักเธอมากขึ้นทุกวัน เราต่างฝันที่จะมีครอบครัวด้วยกันตลอดไป
แต่แล้ว.. วันที่เจ็บปวดในชีวิตก็มาถึง เมื่อเราต่างก็ต้องไปร่วมกิจกรรมค่าย ผมต้องไปทำกิจกรรมคนละวันกับเธอ… ช่วงที่อยู่ค่าย ผมเขียนบันทึกความคิดถึง และความรักที่ผมมีต่อเธอตั้งแต่ มอ 1 จนถึง ปริญญาตรี ถึงเธอทุกวัน ตั้งใจว่า จะเอาไว้แลกกันอ่านกับเธอ พอถึงวันนั้น… วันที่เธอต้องไปกิจกรรมค่ายบ้าง ผมเอามอเตอร์ไซด์ไปส่งเธอ .. ตลอดทางที่ไปด้วยกัน ผมถ่ายทอดความในใจให้เธอฟัง ว่าผมคิดถึงเธอแค่ไหนช่วงที่ไม่ได้เจอกัน ผมบอกเธอว่า ผมเตรียมบันทึกไว้ให้เธออ่านด้วย รอเธอกลับมาค่อยมานั่งอ่านด้วยกัน แต่แล้ว….รถของเราสองคน ก็ประสบอุบัติเหตุ ทั้ง ๆ ที่เธอ ยังไม่ได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมค่าย ผมได้รับบาดเจ็บ.. แต่เธอ..เธอจากผมไป อย่างไม่มีวันกลับมาอีกเลย เธอไม่มีโอกาสกลับมาอ่านบันทึกเล่มนั้น.. เล่มที่ผมบรรจงถ่ายทอดความในใจ เพื่อมอบให้เธอคนเดียว…
มาเลย์เซีย 2547
สิบสามปีแล้วสินะ ที่เธอจากผมไป สิบสามปี.. ที่ผมรู้สึกปวดใจมาตลอด.. ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะ ………. .แต่ก็นั่นแหละนะ เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรในอดีตได้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด ก็คงจะเก็บภาพของเธอ…นางฟ้าที่สวยงามที่สุดในชีวิตผม เก็บเธอไว้ในส่วนลึกของใจ ภาพของเธอ จึงสวยงามเสมอในใจผม ทุกครั้งที่เจอปัญหา ผมจึงไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ถึงแม้จะมองไม่เห็นเธอ แต่ผมรู้ว่าเธอคงอยู่ในที่ ๆ หนึ่ง ซึ่งกำลังจ้องมอง และส่งกำลังใจมาให้ผมเสมอ… ชีวิตต้องเดินต่อไป มีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาให้ได้เจอะเจอ ผมพยายามที่จะผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาให้ได้ อย่างน้อย เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานแค่ไหน มีผู้คนผ่านเข้ามามากมายใจชีวิต ผมอยากให้เธอรู้ไว้ ว่าเธอ..ยังคงเป็นนางฟ้าที่ผมรัก และอยู่ในส่วนลึกของจิตใจผม…ตลอดเวลา และ ตลอดไป
บทสรุปของเรื่องนี้ เจ็บปวดกว่าในละครหลายเท่า เพราะในชีวิตจริง เราไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย ขอให้ทุกคนรัก และดูแล คนที่คุณรักให้ดี… อย่าลืมบอกเค้าด้วยว่า คุณรัก และ ภูมิใจแค่ไหนที่ได้มีโอกาสเกิดมารักเค้า เพราะเค้า ก็อาจจะกำลังรอฟัง คำว่ารัก..จากคุณเช่นกัน....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น