++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปีกหัก... วินทร์ เลียววาริณ



ในวันที่ 14 ธันวาคม 1931 ความฝันที่จะบินของ ดักลาส เบเดอร์ สลายลง ตั้งแต่เล็กเขาฝันที่จะบินอย่างนก มาถึงวันนี้ ปีกทั้งสองของเขาหักแล้ว

วันนั้นเขาทำการบินผาดโผนเรี่ยพื้น พลันปีกซ้ายกระแทกพื้นโลกอย่างแรง เครื่องบินเสียหลักกระแทกพื้น เขารู้สึกตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาล พบว่าตนเองขาท่อนล่างขาดทั้งสองข้าง อาชีพนักบินของเขาก็สิ้นสุดลงในวันนั้น

ดักลาส เบเดอร์ เกิดที่ลอนดอน ในปี ค.ศ.1910 พ่อเป็นทหารที่ตายในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาเรียนดี จบและบรรจุเป็นทหารอากาศ เก้าปีก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ทำงานได้เพียงปีครึ่ง ก็เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก

หลังจากขาทั้งสองถูกตัดตรงตำแหน่งเข่า เขาก็ถูกปลดประจำการ แต่การล้มเลิกบินเพียงเพราะไร้ขา ไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาแม้แต่น้อย เขายังฝันที่จะบินในเครื่องแบบอีกครั้ง

โอกาสของเขามาถึง เมื่อโลกหมุนเข้าสู่วงโคจรของสงครามโลกครั้งที่สอง เขาทำเรื่องขอเข้าประจำการอีกครั้ง กองทัพอากาศลังเล แต่ในที่สุดคนรักการบิน ก็พบตัวเองในเครื่องบินสปิตไฟร์เหนือฟ้าดินแดนศัตรู

เครื่องบินของเขาติดอักษรย่อชื่อของเขาที่ข้างลำว่า D-B (Douglas Bader) แต่คนอื่นเรียกเขาผ่านวิทยุว่า 'Dogsbody' ในการรบที่ดังเคิร์ก ดักลาส เบเดอร์ ยิงเครื่องบินเยอรมนีตกหลายลำ ไม่นานต่อมาเขาได้รับตำแหน่งคุมหน่วยบิน 242 เครื่องบินเฮอริเคน นักบินเป็นชาวแคนาดาทั้งหมด ตอนแรกลูกน้องไม่เชื่อถือหัวหน้าขาขาด แต่ไม่นานก็ยอมรับเขาในความแกร่งกร้าวไม่กลัวใคร ก่อนสิ้นฤดูร้อน 1941 เขายิงเครื่องบินเยอรมันตก 22 ลำ จนกองทัพเยอรมนีอยากรู้ว่าใครคือ นักบินจอมพิฆาตคนนี้

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1941 เป็นทีของเขาที่ถูกยิงตกบ้าง ดักลาส เบเดอร์ ถูกศัตรูจับตัวได้

เมื่อรู้ว่าจับตัว ดักลาส เบเดอร์ ได้ นายพลเยอรมันนายหนึ่งเดินทางมาดูตัวเขาทันที เมื่อเห็นขาเทียมที่หมดสภาพของเขา จึงอนุญาตให้ฝ่ายอังกฤษส่งขาเทียมมาให้ทางอากาศเป็นกรณีพิเศษ พวกอังกฤษก็ส่งขาเทียมทางร่มชูชีพมาให้

เบเดอร์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ที่นั่นด้วยความช่วยเหลือจากพยาบาลสาวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ราวกับนิยายจารกรรมรัก เขาหนีออกไปได้ แต่ไม่นานก็ถูกจับอีกหน

เล่ากันว่า ดักลาส เบเดอร์ พยายามหนีหลายครั้ง จนเยอรมันขู่จะยึดขาเทียมของเขา ท้ายสุดเขาก็ถูกส่งตัวไปขังที่คอลดิตซ์ และอยู่ในคุกนั้นจนสิ้นสงคราม พวกทหารเยอรมันดูแลนักบินขาขาดคนนี้อย่างดี เพราะนับถือฝีมือของเขา และหัวใจไม่ยอมแพ้

จังหวะชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอน อุปสรรคทางกายภาพเกิดขึ้นเรื่อย ๆ กับคนโชคร้าย เราไม่มีทางรู้ว่าในวินาทีหนึ่งวินาทีใดข้างหน้า เราจะประสบอุบัติเหตุในรูปแบบไหน และเมื่อมันเกิดขึ้นกับเรา เราจะยอมรับมัน หรือว่าจะก่นด่าโชคชะตา?

ลองนึกถึงตัวเองที่ตื่นขึ้นมาวันพรุ่งนี้ไม่มีแขน ไม่มีขา หรือกลายเป็นคนตาบอด หลายคนอาจบอกว่า "อย่าไปคิดแต่เรื่องไม่เป็นมงคลเลย ฉันทำบุญมามากแล้ว คงไม่ซวยอย่างนั้นหรอก"

แต่ทุก ๆ วันก็มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับคนซวย เนื่องจากชีวิตไม่เคยแน่นอน เราจึงควรเตรียมพร้อมเสมอ

ชีวิต คือการพลิกแพลงไปตามสภาพแวดล้อม คนกล้าหาญคือคนที่ยอมรับไพ่ไม่ดีที่ตัวเองถืออยู่ในมือ และเล่นอย่างระวัง บ่อยครั้งมันก็จบลงด้วยชัยชนะ

ดักลาส เบเดอร์ บอกว่า "อย่าไปฟังใครบอกคุณว่า คุณทำไอ้นี่ไม่ได้ ทำไอ้นั่นไม่ได้ เหลวไหลทั้งเพ ตัดสินใจให้แน่ คุณจะไม่ใช้ไม้ค้ำ แล้วไปให้สุดในทุก ๆ อย่าง ไปโรงเรียน เล่นเกมทุกอย่างที่อยากเล่น ไปทุก ๆ ที่ที่คุณอยากไป แต่อย่า...อย่าเป็นอันขาดที่ให้ใครมาบอกคุณว่า มีอะไรที่ยากเกินไปหรือเป็นไปไม่ได้"

ยากหรือง่ายอยู่ที่ใจ เป็นไปได้หรือไม่ก็อยู่ที่ใจ

(หมายเหตุ: ขาเทียมของ ดักลาส เบเดอร์ ยังเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศที่สตาฟฟอร์ด เล่ากันว่าการที่ ดักลาส เบเดอร์ ประสบความสำเร็จในการรบทางอากาศ ก็เพราะเขาไม่มีขา!

เหตุผลคือ ในการรบที่ใช้ความเร็วสูงและหักลำกลับทันที จะก่อเกิดแรงโน้มถ่วงสูงกว่าธรรมดาหลายเท่า ทำให้นักบินหมดสติได้ เพราะเลือดจากสมองถูกดึงไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ขา ในเมื่อเบเดอร์ไม่มีขา จึงสามารถครองสติได้นานกว่าคนอื่น และเป็นข้อได้เปรียบในการรบ)

วินทร์ เลียววาริณ, 6 เมษายน 2550
www.winbookclub.com

1 ความคิดเห็น: