++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

"เยาวชนกู้ชาติ" ย้อนนาทีร้อน-หนาว กับประสบการณ์ 1 ปี 7 ตุลาเลือด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 ตุลาคม 2552 11:01 น.
เปิด ปากย้อนนาที ร้อนหนาว ร่วมรำลึกชุมนุม พธม.
"วิชาการเมืองเดียวในโลก" ของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา
เยาวชนคนกู้ชาติ
ย้อนอดีตไปในช่วงประวัติศาสตร์แห่งการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตย ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์และ ทำเนียบรัฐบาล
ที่กินระยะเวลายาวนานถึง 193 วัน
โดยระหว่างการต่อสู้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ภาคประชาชนเท่านั้นที่ออกมารวมกลุ่ม
กดดันขับไล่รัฐบาลทรราชย์ แต่ทว่ายังมีเหล่าพลังบริสุทธิ์ นักเรียน นิสิต
นักศึกษา อย่างกลุ่มนักเรียนโรงเรียนสาธิตมัฆวานแห่งมหาวิทยาลัยราชดำเนิน,
กลุ่ม Young pad, ประธานผู้ก่อตั้งกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตย
และกลุ่มอื่นๆ ออกมาร่วมแสดงจุดยืนประกาศกร้าวเคียงข้างประชาชน

หลากหลายเครือข่ายดังกล่าวนี้ แม้จะมาจากต่างที่ต่างสถาบัน
แต่เมื่อมาหลอมหลวมอยู่ในมหาวิทยาลัยราชดำเนินจนถึงวันนี้
ก็ล้วนเคยผ่านร้อนผ่านหนาว
ฝ่ารอยเลือดและคราบน้ำตามาพร้อมกันประชาชนคนพันธมิตร
และแรมปีที่ห่างหายจากการชุมนุมกู้ชาติไป
แต่จุดยืนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงและยังไม่ลืมเลือนภาพสีเหลืองในอดีต
และเนื่องในวันครบรอบ 1 ปี 7 ตุลา นักเรียน นิสิต นักศึกษา เหล่านี้
ได้เรียนรู้อะไรจากการชุมนุมของพันธมิตรฯ และความสูญเสียจากเหตุการณ์ 7
ตุลา

หนึ่งในตัวแทนของกลุ่มโรงเรียนสาธิตมัฆวาน
อันเกิดจากการรวมตัวของเยาวชนที่ต้องการแสดงพลังบริสุทธิ์เพื่อเรียกร้อง
ประชาธิปไตย อย่าง "อาร์ท-แสงธรรม ชุนชฎาธารราช" นัก ศึกษาปริญญาเอก
หลักสูตรผู้นำทางการเมือง ม.รังสิต เปิดเผยว่า
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นบรรยากาศที่ไม่เคยลืม
ในวันแห่งการต่อสู้เคียงข้างประชาชนเพราะมีทั้งสุข ทุกข์
โดยนับตั้งแต่วันนั้นจนบัดนี้สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการชุมนุม คือ
ได้เรียนรู้การเมืองภาคประชาชนในภาคปฎิบัติที่ไม่เคยมีมหาวิทยาลัยใดเคยสอน
และพร้อมกับได้ร่วมต่อสู้กับประชาชน
และแม้ว่าการเรียนในระดับปริญญาเอกของเขาต้องหยุดชะงักไปช่วงหนึ่งเพราะเขา
ทุ่มเวลาทั้งหมดเพื่อการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยกับกลุ่มพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย
ทำให้ทุกวันนี้เจ้าตัวต้องเร่งเก็บรายวิชาไล่หลังเพื่อนๆ
เขาก็ยังรู้สึกว่า เวลาที่เขาสูญเสียไปจนต้องยืดระยะเวลาจบออกไป
เมื่อเทียบกับวีรชนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเมื่อ 7 ตุลาฯ
แล้วมันช่างน้อยนิด

"นับ ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้เรายังคงติดตามการทำงานของรัฐบาลฯอย่างต่อเนื่องและ
ดูความเป็นไปของชาติบ้านเมืองอย่างตลอดไม่ห่าง
เพราะเราไม่อยากให้การต่อสู้ในวันนั้นสูญเปล่า
โดยในวันนั้นขณะที่เราก้าวออกมายืนเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมในนามสาธิต
มัฆวานออกแสดงทีท่าเคลื่อนไหวกดดัน และทำกิจกรรมทางการเมืองต่างๆ
ผมหวังให้การเมืองไทยเป็นไปโดยภาคประชาชนเพื่อประชาชน
และอยากเห็นประเทศไทยมีความเจริญทางเศรษฐกิจและปราศจากนักการเมืองสันดานไม่
ดี และผมก็คาดว่าประชาชนทุกคนก็คงคิดแบบผม
จึงเชื่ออีกว่าวีรชนที่สูญเสียเลือดเนื้อไปวันนั้นเขาเสียสละกว่าเราเป็น
ไหนๆ และควรจะสดุดีต่อไป"

ด้าน "ศตวรรษ อินทรายุธ" นักศึกษาชั้นปีที่ 4
จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ประสานงานเครือข่ายสาธิตมัฆวานกล่าวว่า
ภาพสะท้อนการรวมพลังนักศึกษาที่เกิดขึ้นช่วงร้อยเก้าสิบกว่าวันสามารถประกาศ
ให้สังคมรับรู้ว่ายังมีนักศึกษาที่มีจิตวิญญาณสำนึกในประชาธิปไตยสนใจเหตุ
บ้านการเมืองอยู่แม้จะไม่มากเท่าคราวเดือนตุลาในอดีตแต่ก็นับว่าจิตสำนึกของ
วัยรุ่นยังไม่ตาย
ยอมลำบากมาร่วมปักหลักชุมนุมและเรียนรู้วิถีชีวิตกติการที่สังคมควรจะเป็น
กับการอยู่ร่วมกันในสังคมแบบพันธมิตร

"ใน วันที่รวมตัวบนสะพานมัฆวานและจะต้องเดินไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ก็น่าที่จะสะท้อนบ้างได้ว่า นักศึกษายังคงทำหน้าที่กับประชาชนอยู่
แบบไม่จำเป็นต้องมาเป็นยูนิตี้หรือกลุ่มก้อนเดียวกัน
แต่พวกเขาก็สามารถออกมาแสดงจุดยืนได้อย่างบริสุทธิ์
และยอมออกมาใช้ชีวิตร่วมกันในตลอดระยะเวลาชุมนุมที่ขณะเดียวกันก็ได้เรียน
รู้วิถีแห่งการอยู่ด้วยกันแบบสังคมพันธมิตร
ที่ทำให้เราได้ซึมซับทั้งเจตนารมณ์ของประชาชน ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน
ศึกษาระเบียบวินัยความแตกต่างทางสังคมที่ควรจะเป็น
ความเอื้ออาทรที่หาได้ยากในสังคมภายนอก"

ศตวรรษ กล่าวพร้อมบอกว่า วันวานเหล่านั้นไม่มีวันลบเลือนจากใจตน
ยิ่งทิศทางสู่การเมืองเริ่มฉายแววก็ยิ่งทำให้เขารอคอยที่จะเห็นการเมืองใน
อนาคตและประเทศไทยในอนาคตแบบที่หวังจะให้เดินไปกับภาคประชาชน
ส่วนตัวแทนประชาชนที่เข้าไปนั่งอยู่ในพื้นที่ ส.ส.นั้น
ก็จะต้องเป็นคนที่ยืนหยัดต่อสู้ไม่หวั่นเกรงอำนาจ
ซึ่งแม้คาดว่าพิมพ์นักการเมืองรุ่นดังกล่าวจะมีในปริมาณที่น้อย
แต่ก็ขอให้น้อยแบบเน้นให้เกิดคุณภาพ

"ตอนนี้ทุกคนตื่นรู้กันมากขึ้น หลังจากการชุมนุมพันธมิตรเสร็จสิ้น
ความเคลื่อนไหว ความสนใจทางการเมืองก็ทำให้ประชาชนรับรู้และเกิดความมีส่วนร่วม
และจะสามารถเฝ้าจับตากับการทำงานของรัฐบาลแบบไม่เพิกเฉยแบบที่น่าจะเป็น
หนึ่งในการกลั่นกรองทุกผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ซึ่งผมว่าอนาคตของเมืองไทยก็น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีและคาดหวังให้เป็น
อย่างนั้น แต่ก็จะไม่คาดหวังมากจะต้องให้มี
ส.ส.ที่สุจริตทั้งชุดหรือมีจำนวนมากเพราะในความเป็นจริงแล้วแม้จะมีอยู่น้อย
แต่ก็เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและกล้าหยัดยืนและมันก็จะต้องมีคนสนับสนุนกันต่อไป"

ส่วนด้าน "ยศ ตันสกุล" ประธาน
ผู้ก่อตั้งกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตย นักศึกษาชั้นปีที่ 3
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในส่วนของกลุ่มยังแพด
อันเป็นเครือข่ายที่รวบรวมนักเรียนนักศึกษาผู้มีอุดมการณ์รักชาติรักบ้าน
เมืองและประชาธิปไตยเข้าไว้ด้วยกัน เล่าว่า

ท่ามกลางความร้อนหนาวและสายฝนสิ่งที่กลุ่มยังแพดเรียนรู้และคาดว่าจะ
มีที่เดียวในโลกที่สอนพวกเขาคือ ความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของประชาชน
ทั้งวีรกรรมของวีรชนผู้จากไปและการต่อสู้แบบไม่กลัวตายของประชาชนทุก
พันธมิตร ด้วยวีรกรรมของเหล่าวีรชนมันเป็นสิ่งที่คอยสอนให้เราเรียนรู้ถึงเจตนารมณ์
ที่แรงกล้า ซึ่งในวันนั้นมีทั้งผู้บาดเจ็บจากแก็ส
และสะเก็ดระเบิดถึงชีวิต แต่ทุกคนก็ยังหยัดยืนสู้ต่อ
เพื่อความหวังไปสู่การเมืองใหม่ภาคประชาชน

"สิ่ง ที่ผมและคาดว่าทุกคนอยากจะเห็นคงหนึไม่พ้นเรื่องของการปราบปรามการทุจริตที่
เข้มงวด การทำงานอย่างจริงใจต่อประเทศชาติ
การเห็นแกประชาชนมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
ผมว่าการเมืองไทยครั้งใหม่จะมีคุณูปการทำให้ประเทศไทยไปรอด
และมีเศรษฐกิจแบบพอเพียงของในหลวงได้ แต่กว่าจะถึงตรงนั้นก็คงยังอีกไกล
แต่อย่างไรก็ตามก็คงต้องสู้กันต่อไปเพื่อทำให้การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ในวัน
วาน 193 วัน และวันที่ 7 ตุลาเลือดเนื้อของพี่น้องไม่สูญเปล่า"
ยศกล่าวสรุป


http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000118274

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น