ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้เมื่อวันหนึ่งรู้ว่าสามีกำลังนอกใจไปมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
แต่ก็มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่กำลังประสบปัญหานี้
ปัจจุบันสถิติการหย่าร้างของคู่สามีภรรยาที่นับวันจะเพิ่มทวีขึ้น
สาเหตุหลักก็มาจากอีกฝ่ายนอกใจ
และ...คำว่าอีกฝ่าย ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากฝ่ายชาย
กรณีที่ยังไม่มีลูก ปัญหาต่างๆ ยังไม่ซับซ้อน
แต่ถ้ากรณีที่มีลูกด้วยกัน เงื่อนไขของชีวิตก็เปลี่ยน
เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องที่พบเห็นบ่อยเหลือเกินในยุคนี้
บางคู่สามารถใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม แม้อีกฝ่ายจะมีคนใหม่
แต่อีกฝ่ายก็ต้องทนอยู่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเพราะลูก
หรือเพราะหน้าตาทางสังคม หรือเพราะสามารถรับได้จริงๆ แต่ท้ายที่สุด
ก็ไม่มีใครมีความสุข ต้องหวานอมขมกลืน
และแน่นอนคนเป็นลูกจะได้รับผลกระทบไปด้วย
จริงๆ ชีวิตคู่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าควรจะทำอย่างไร
บางคู่ ฝ่ายชายนอกใจ แต่ฝ่ายหญิงก็ทำทุกวิถีทาง
จนท้ายสุดสามารถกลับมาครองรักกันได้เหมือนเดิม ก็มี ในขณะที่บางคู่
ก็เดินแยกทางกัน เพราะทนรับไม่ได้
หากเธอมีใครอีกคนก็ต้องเลือกมาว่าจะเลือกใคร และท้ายสุดก็ต้องแยกทางกัน
แล้วเหตุใดจึงมักเกิดปัญหาเช่นนี้
เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ดีกว่าเจ้าตัว แต่เมื่อเกิดเหตุแล้ว
พฤติกรรมของผู้ชายมักจะเป็นตัวส่งสัญญาณ
ผู้ชายประเภทแรก ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับบ้านก็ทำตัวเป็นสามีที่ดี
แต่พอออกนอกบ้านก็ดีกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
ผู้ชายประเภทที่สอง เริ่มตีตัวออกห่าง พฤติกรรมต่างๆ
แตกต่างจากเมื่อครั้งยังรักกันหรือเมื่อครั้งแต่งงานกันได้ไม่นาน
กลับบ้านค่ำมือ และแม้ภรรยาจะรู้ว่าสามีแอบนอกใจ
ฝ่ายชายก็ยังทำตัวเหมือนเดิม และยังรักลูกอยู่ ไม่ต้องการเสียครอบครัวไป
ส่วนผู้ชายประเภทที่สาม ชัดเจนว่ามีผู้หญิงอีกคน และทำตัวออกห่าง
เหมือนตัวเองยังโสด โดยไม่สนใจความรู้สึกของภรรยาไม่สนใจลูก
และกลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง
หลายครั้งที่มีเพื่อนคุณแม่ปรึกษาปัญหาเรื่องนี้
เป็นเรื่องน่าเห็นใจยิ่ง
แต่สภาพปัญหาและเงื่อนไขชีวิตของแต่ละครอบครัวก็แตกต่างกัน
การให้คำแนะนำก็เป็นเพียงมุมมอง
ที่ไม่สามารถกะเทาะเปลือกของปัญหาที่แท้จริงได้
ต้องอยู่ที่คู่สามีภรรยานั้นๆ โดยมีเจ้าตัวเล็ก
ที่จะเป็นทั้งโซ่ทองคล้องใจ หรือจะเป็นห่วงภาระของคู่นั้น
ก็อยู่ที่การจัดวางปัญหา
และ...ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังประสบปัญหานี้
ประการแรก ต้องตั้งสติให้ดี และค่อยๆ คิดถึงเรื่องราวดีๆ
ที่เคยรักกัน และลงเอยด้วยการแต่งงาน จนมีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน
จากนั้นค่อยๆ คิดว่าอะไรน่าจะเป็นสาเหตุให้อีกฝ่ายมีคนใหม่
อย่าเพิ่งโทษกันไปมา
แต่ถ้าเริ่มจากคิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาด้วยหรือเปล่า เช่น
เราก็เปลี่ยนไปด้วย จากที่เคยพูดจาอ่อนหวาน
เคยดูแลตัวเองและคนรักเป็นอย่างดี
แต่พอมีลูกแล้วเราเริ่มเปลี่ยนไปหรือไม่ ถ้าใช่
ก็ต้องถามตัวเองว่าแล้วเราพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยหรือเปล่า
จากนั้นเริ่มด้วยการพูดจากันตรงไปตรงมาน่าจะดีที่สุด
เพราะการใช้ชีวิตคู่ เป็นเรื่องที่ต้องสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง
แต่ต้องเป็นท่าทีที่ดี ไม่ใช่ท่าทีที่พร้อมจะทะเลาะ
ถ้าคุณเป็นคู่ที่คุยกันได้ทุกเรื่องก็บอกตรงๆ ว่าคุณรู้สึกอย่างไร
และถ้าอีกฝ่ายยอมรับก็คุยกันถึงการปรับปรุงชีวิตว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้
ครอบครัวอบอุ่น และเปิดใจพร้อมจะปรับปรุงตัว ซึ่งต้องเป็นไปทั้งสองฝ่าย
เพราะการปรับตัวเพียงฝ่ายเดียวไม่สามารถยืนนานได้
แต่ ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมรับ คุณก็อย่าเปิดศึก
แต่ต้องมีเทคนิคในการที่จะทำให้เขากลับมาเหมือนเดิม ด้วยความรัก
เพราะถ้ายังรักกัน ปัญหาต่างๆ สามารถจัดการได้
เพียงแต่อย่าปล่อยให้ปัญหาเรื้อรัง และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
สิ่งที่ต้องคำนึงถ้าคุณรู้เรื่องเร็ว โอกาสที่จะแก้ปัญหาได้ก็เร็ว
ฉะนั้นเมื่อเริ่มเห็นปัญหา ต้องรีบจัดการ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
กรณีที่สามีเป็นแบบผู้ชายประเภทที่สอง ก็อย่าปล่อยให้ปัญหาคงอยู่
แต่ต้องรีบแก้ไข ถ้าเขายังรักครอบครัวและลูกอยู่
การจัดการปัญหาก็ยังไม่ถึงกับทำอะไรไม่ได้
สิ่ง สำคัญก็คือการคุยกันตรงไปตรงมา
และถามกันว่ายังรักกันหรือยังอยากจะเป็นครอบครัวเดียวกันหรือเปล่า
เพราะบางครั้งอีกฝ่ายอาจจะพลาดพลั้ง และไม่สามารถหาทางออกได้
ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ถ้าเราไม่ต้องการสูญเสียเขาไป ก็ต้องอดทน
และหนักแน่นที่จะแก้ปัญหา ต้องข่มใจไม่แสดงอารมณ์พุ่งพล่าน
หรือฟูมฟายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพยายามพูดจากันดีๆ
และหาจุดที่จะทำให้กลับมาเหมือนเดิมให้ได้มากที่สุด
แต่ถ้าเป็นแบบผู้ชายประเภทสุดท้าย
ก็ต้องถามตัวเองเหมือนเดิมว่ายังรักกันอยู่ไหม
ถ้าไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ และอีกฝ่ายต้องการหย่าร้าง
ก็ต้องถามตัวเองอีกครั้งว่าคุณได้พยายามที่จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้นเต็มที่
แล้วหรือยัง ถ้าคำตอบว่าใช่
ก็ต้องถามตัวเองต่อไปอีกว่าพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไหว
ไหม
ถ้าไหว คุณก็ต้องคิดถึงอนาคตต่อไปด้วยว่า
แล้วคุณจะเลี้ยงดูลูกอย่างไร
และควรจะให้อีกฝ่ายมีความรับผิดชอบร่วมกันด้วยอย่างไร
ไม่ควรเลิกเพราะทิฐิว่าฉันสามารถเลี้ยงลูกฉันเองได้ เธอไม่ต้องมายุ่ง
แต่ต้องเข้าใจว่า เมื่อสามีภรรยาเลิกกัน ก็ต่างคนต่างอยู่ได้
แต่คนเป็นลูก ไม่สามารถเปลี่ยนที่จะไม่เป็นลูกของอีกคนหนึ่งได้
และอนาคตของลูกเป็นเรื่องที่คนเป็นพ่อแม่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ควรจะปรึกษาผู้รู้ และมีความชัดเจนในการรับผิดชอบ เช่น
ส่งเสียเลี้ยงดูให้ลูกมีอนาคตที่ดี แม้พ่อแม่จะไม่ได้อยู่ร่วมกัน
และควรจะจัดการตั้งแต่ก่อนแยกทางกัน
เพราะหลายคู่ที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้
พอแยกทางกันก็เป็นเรื่องของคนเป็นฝ่ายแม่รับผิดชอบลำพังฝ่ายเดียว
แม้จะเป็นเรื่องที่ฝ่ายหญิงไม่กังวล เพราะสามารถเลี้ยงดูได้
แต่หากไม่ให้ฝ่ายชายเข้ามาร่วมรับผิดชอบ
ก็เท่ากับช่วยส่งเสริมให้ฝ่ายชายเป็นผู้ไข่แล้วทิ้งต่อไปเรื่อยๆ
ที่สำคัญ การที่ฝ่ายชายยังต้องรับผิดชอบลูก ก็เท่ากับ
ยังทำให้ลูกได้มีโอกาสเจอพ่อของเขาได้อยู่
เพราะสายสัมพันธ์ของคนเป็นพ่อแม่ลูก ตัดกันไม่ขาด
และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ที่ผ่านมา ปัญหาเรื่องสามีนอกใจ
เป็นเรื่องที่ฝ่ายหญิงมักจะจมอยู่กับความทุกข์ใจ
บางคนก็ไม่สามารถก้าวข้ามปัญหานี้ไปได้
และเลือกจบปัญหาชีวิตที่เป็นโศกนาฏกรรมก็มีให้เห็นมากมาย
บวกกับค่านิยมและทัศนคติในเรื่องการใช้ชีวิตคู่
ยังคงขับเน้นให้ฝ่ายหญิงที่ต้องเป็นฝ่ายปรับตัว
หรือเป็นฝ่ายที่ต้องปรับสภาพ
หรือแม้แต่คำแนะนำจากทุกฝ่ายก็มักจะมุ่งไปที่ให้ฝ่ายหญิงปรับตัว เช่น
มีวิธีมัดใจผู้ชาย ปรับตัวให้สามีรัก ฯลฯ
ทั้งที่ในความเป็นจริงการใช้ชีวิตคู่ต้องเป็นเรื่องของทั้งสองฝ่าย
และการปรับตัวต้องเป็นไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เพราะต่อให้ฝ่ายหญิงพยายามจะปรับปรุง แก้ไขปัญหา
แต่ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ
เป็นกำลังใจให้กับเพื่อนคุณแม่ที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ทุกคน
คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีคนที่ประสบปัญหานี้มากมาย
พลังใจในการมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องสำคัญ
ถ้าไม่สามารถยึดเหนี่ยวความรักหรือชีวิตครอบครัวไว้ได้
ก็ต้องพร้อมเผชิญกับกับปัญหา และดำเนินชีวิตต่อไป อย่าจมอยู่กับความทุกข์
หรือเลือกหนทางชีวิตที่ไม่เหมาะสม เพราะชีวิตน้อยๆ
ยังอยู่กับคุณอีกคนหนึ่ง
ความ รักของแม่เป็นพลังรักที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเปลี่ยนวิกฤติชีวิตคู่
แปรเปลี่ยนเป็นพลังความรักสร้างสรรค์ เพื่อลูกและสังคมโดยรวม
ก็ทำให้ชีวิตของคุณมีคุณค่า และยิ่งใหญ่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น