รายการ "เคาะข่าวริมโขง" ออกอากาศทาง "อีสานทีวี" ช่วงเวลา
18.30-20.30 น.วันพุธที่ 28 ตุลาคม มี น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา
เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์
อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น
และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ นายประพันธ์ คูณมี
น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และ
นายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงานและนักการเมืองอาวุโส
มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณี
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอความเห็นมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
(สลค.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
เรื่องการถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้องพิพากษาถึงที่สุดในจำคุกคดีที่ดินรัชดาฯ
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นร้อนรองลงมา นั่นคือ
กรณีท่าทีของสหภาพแรงงานการรถไฟฯ หลังจากที่ผู้บริหาร
ร.ฟ.ท.มีคำสั่งปลดพนักงานออก จำนวน 6 คน ฐานละเมิดคำสั่งศาลจังหวัดสงขลา
ขัดขวางการเดินรถไฟ
เริ่มต้นช่วงแรก น.ส.วรรษมน ได้ต่อสายสัมภาษณ์ นายสาวิทย์
แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานการรถไฟฯ มาชี้แจงถึงท่าที
หลังจากที่ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.มีการสั่งปลดพนักงานออกจำนวน 6 คน โดย
นายสาวิทย์ กล่าวว่า จุดยืนของสหภาพฯ ต่อกรณีดังกล่าว ยังเหมือนเช่นเดิม
โดยถ้าหากภายใน 3 วันต่อจากนี้ ผู้บริหาร
ร.ฟ.ท.ยังนิ่งเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทางสหภาพฯ
ก็จำเป็นต้องหยุดเดินรถไฟต่อไป แต่ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่การกระทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง
เป็นเพราะต้องการให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในการใช้บริการ
รถไฟ
ส่วนกรณีที่ นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์
ตั้งข้อสังเกตถึงการต่อสู้ของสหภาพฯ ว่า
สอดคล้องกับการดำเนินการของพรรคการเมืองบางพรรค และเห็นว่า
ข้อเรียกร้องที่สหภาพฯ ระบุว่า
การเดินรถไฟในเส้นทางดังกล่าวไม่ปลอดภัยนั้น เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น
นายสาวิทย์ กล่าวว่า จริงๆแล้ว ในฐานะที่ นายอาคม เป็น ส.ส.ภาคใต้
ก็น่าจะรู้ดี ว่าเส้นทางเดินรถไฟภาคใต้ปลอดภัยหรือไม่
โดยการที่ออกมาระบุว่า ตนสมควรจะลาออกจากตำแหน่งประธานสหภาพฯ ตนอยากให้
นายอาคม ลองมองดูปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะว่าข้อเสนอของสหภาพฯ
ที่เรียกร้องกับทางผู้บริหาร
ร.ฟ.ท.มีข้อไหนที่เป็นการหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง
มีแต่ความคำนึงถึงความปลอดภัยประชาชน จะเดินรถไปได้อย่างไร
ในเมื่อหัวรถจักร มันไม่พร้อม ดังนั้น
จะมาบอกว่าประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองได้อย่างไร
ในเมื่อที่ผ่านมา ปัญหามันอยู่ที่ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.ไม่เคยสนใจที่จะแก้ไข
มิหนำซ้ำ วันนี้ยังมีการไล่พนักงานออก จำนวน 6 คน ตนอยากถามว่า
แบบนี้รัฐบาล และผู้บริหาร ร.ฟ.ท.ต้องการจะแก้ปัญหา
หรือต้องการปะทุให้เกิดความรุนแรง
นายสาวิทย์ กล่าวอีกว่า ทั้งหมดนี้ เป็นความพยายามจะทำให้การรถไฟฯ
กลายสภาพด้วยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
และเปิดทางให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในการบริหาร ดังนั้น
ขวากหนามที่ขวางทางเรื่องนี้อยู่ คือ สหภาพฯ
ที่ค้ำเส้นทางทำมาหากินนักการเมืองที่หวังผลประโยชน์จากการเช่าที่ดินของ
ร.ฟ.ท.จึงต้องกำจัดสหภาพฯ ด้วยวิธีดิสเครดิต ทำให้สังคมมองว่า สหภาพฯ
จับประชาชนเป็นตัวประกัน ทั้งที่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา
สหภาพฯและพนักงานทุกคน ล้วนทำหน้าที่รับใช้ประชาชนด้วยความเต็มใจ
แม้องค์กรจะฝืดเคืองเพียงใด มีภาระหนักหนาสาหัสแค่ไหน
ทุกคนก็พร้อมทำเพื่อประชาชน แต่เวลากลับถูกประณาม
หาว่าไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้น ตนขอยืนยันว่า ท่าทีทุกอย่าง สหภาพฯ
ยังเหมือนเดิม คือ รัฐบาลและผู้บริหาร ร.ฟ.ท.
ต้องแก้ปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน ไม่เช่นนั้น
เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นอีกไม่จบไม่สิ้น
ช่วงต่อมา น.ส.วรรษมน เปิดประเด็น กรณี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เสนอความเห็นมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
เรื่องการถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้องพิพากษาถึงที่สุดในจำคุกคดีที่ดินรัชดาฯ
น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า เมื่อเรื่องดังกล่าวมีความคืบหน้า
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวิตข้อความตัดพ้อ บอกว่า ขอบคุณรัฐบาล
และทุกฝ่ายที่ซ้ำเติมตน ซึ่งตนไม่รู้อะไร เพราะเป็นเรื่องธรรมดา
ที่รัฐบาลกระสันอยากทำเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้น
เมื่อมีโอกาสเล่นงานและกลั่นแกล้ง จึงทำทุกวิถีทาง โดยถ้าหากฆ่าตนได้
คงทำไปนานแล้ว
นายโสภณ กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนเชื่อว่า เรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ
คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าตัวเองต้องถูกถอดยศและยึดเครื่องราชฯ คืน
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถือเป็นการว่าตามระเบียบที่บัญญัติไว้ ซึ่ง
พ.ต.ท.ทักษิณ ก็รู้ดี ว่าระบุไว้อย่างไร
นายประพันธ์ กล่าวประเด็นเดียวกัน ว่า
ตนอยากให้พี่น้องและกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยังสู้ถวายหัวให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ
ลองมองดูความจริงว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ เคยพูดความจริงอะไรบ้าง
เพราะเห็นแต่ชอบพูดจาวกไปวนมา หาเรื่องผู้อื่น ซึ่งล่าสุด
ได้ออกมาโวยวายหาว่า รัฐบาลกลั่นแกล้ง ทั้งที่ตัวเองทำผิดจริง
โกงบ้านเมืองจริง แบบนี้จะหาว่าคนอื่นซ้ำเติม
โดยการที่รัฐบาลออกมาดำเนินการเรื่องนี้
ก็เนื่องจากถึงเวลาแล้วที่ระเบียบดังกล่าวได้ชัดเจน
ว่าสมควรจะถอดยศและยึดเครื่องราชฯ ในเมื่อศาลตัดสินคดีสิ้นสุดแล้ว
มีการสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 ปี แต่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ
กลับไม่ยอมสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งยังหลบหนีไปต่างประเทศ
ไม่กล้ากลับมา เช่นนี้แล้วใครกันแน่ที่ไม่ทำตามกฎหมาย
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้หากว่ากันไปตามจริง
ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลที่เพิ่งมาดำเนินการ แต่ต้องสืบดู
ว่าแท้จริงแล้วองค์กรใดที่เตะถ่วงเรื่องนี้มานาน ซึ่งก็คือ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สมัยนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยู่ เรื่องนี้ดูดองไว้ตั้งแต่สมัยนั้น
ทั้งที่มีการส่งไปครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม ปี 2551 เป็นเวลากว่า 1
ปีแล้ว ที่เรื่องนี้ไม่มีความคืบหน้า ดังนั้น หาก พ.ต.ท.ทักษิณ
และกลุ่มคนเสื้อแดงจะหาเรื่องว่าผู้อื่น องค์กรที่สมควรโดนต่อว่า คือ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.พัชรวาท อดีต
ผบ.ตร.ที่เตะถ่วงเรื่องนี้มาตลอด
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า หลังจากเรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าว ทางด้าน
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
รีบออกมาตอบโต้บอกว่า เรื่องการดำเนินการถอดยศและยึดเครื่องราชฯ
พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากเป็นคดีทางการเมือง
ไม่ใช่คดีทุจริต พร้อมกับเถียงว่า
ทั้งที่มีหลายคนที่โดนคดีร้ายแรงกว่านี้ ทำไมถึงไม่มีการดำเนินการถอดยศ
นายประพันธ์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า ถ้าหาก นายนพดล พูดเช่นนี้
ต้องออกมาระบุให้ชัดไปเลยว่า
มีข้าราชการคนไหนที่กระทำความผิดแล้วไม่ถูกถอดยศ
หลังศาลตัดสินคดีสิ้นสุดแล้ว เพราะเท่าที่ตนเห็นก็มีอยู่คนเดียว คือ
พ.ต.ท.ทักษิณ พ่อของ นายนพดล ที่ยังไม่โดนถอด
โดยคนพวกนี้เวลาที่ตัวเองทำผิดอะไร ไม่ยอมพูดถึงความเลวความชั่วของตนเอง
กลับโทษกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมหาว่ากลั่นแกล้ง
ซึ่งถือว่าเสียดายที่ นายนพดล ร่ำเรียนกฎหมายจนได้เป็นนักกฎหมาย
แต่กลับว่าความ พูดจาเหมือนเอาสีข้างเข้าถู แถมยังบอกว่า
หากมีการถอดยศและยึดเครื่องราชฯ คืน จะทำให้บ้านเมืองแตกแยก
โดยตนอยากบอกว่า หาก นายนพดล ไม่อยากให้บ้านเมืองแตกแยก
ก็ต้องหยุดเคลื่อนไหว และบอกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาติดคุก
เนื่องจากกรณีนี้ต่อให้มีการเกณฑ์คนเสื้อแดงมาเป็นจำนวนมากเท่าไหร่
ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อทำผิดกฎหมาย ก็ต้องได้รับการลงโทษ
ต้องทำอย่างที่เป็นการเคารพกฎหมายบ้านเมือง
น.ส.วรรษมน กล่าวว่า ทางด้านกลุ่มคนเสื้อแดง จ.เชียงใหม่
มีปฏิกิริยาต่อกรณีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยบอกว่า หากจะมีการทำเช่นนั้น
ต้องมีการถอดยศ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ด้วย
เนื่องจากก็ทำผิดร้ายแรงเหมือนกัน ทำไมรัฐบาลถึงไม่ยอมดำเนินการถอดยศ
นายโสภณ กล่าวประเด็นนี้ ว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ
ชอบสร้างภาพทำให้กลุ่มคนเสื้อแดง เห็นว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย
ไม่ว่าจะทำอะไรกฎหมายก็เอาผิดตัวเองไม่ได้ แตะต้องไม่ได้
และชอบไปฟ้องคนอื่นและต่างประเทศ ว่า
ตัวเองถูกศาลไทยและกระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้ง
โดยดำเนินการสองมาตรฐานกับตัวเอง
นายเทิดภูมิ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า ไม่ว่าเรื่องอะไร
พ.ต.ท.ทักษิณ จะมองว่าตัวเองทำถูกหมดทุกอย่าง
ซึ่งถ้าหากใครไม่เห็นด้วยกับข้อนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ
และกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะมองว่าฝ่ายศัตรู ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
โกงบ้านเมือง ทุจริต คอร์รัปชันสารพัด แต่กลับไปบอกว่าต่างชาติ และ
สมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า ตัวเองถูกกลั่นแกล้ง
ไม่ได้รับความเป็นธรรม นอกจากนี้ ยังหลอกใช้กลุ่มคนเสื้อแดงและชาวรากหญ้า
ออกมาสู้เพื่อตัวเองให้พ้นจากความผิด รวมทั้งไม่อยากติดคุก
ซึ่งการกระทำแบบนี้ ถือว่าเป็นสันดานของคนที่ไม่ยอมแพ้
ทั้งที่เวลานี้ตัวเองไม่มีอะไรจะสู้แล้ว แต่ก็ไม่หยุดสร้างความวุ่นวาย
ซ้ำร้ายยังมีการใช้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี
มาเป็นเครื่องมือในการเดินเกมป่วนเมือง
สร้างภาพว่ามีนายทหารใหญ่ที่เกษียณไปแล้วหนุนหลัง หากทำผิดจริง
คงไม่เห็นปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยความจริง
คนพวกนี้ทำเพื่อเงินอย่างเดียว
นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า เหมือนกับที่ นายสตีเฟน ยัง
ออกมาตีแผ่ความชั่วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบทำตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย
โดยเคยใช้เงินซื้อเจ้าหน้าที่ศาลบางคน
เพื่อช่วยเหลือคดีที่ตัวเองและครอบครัวทำผิด แต่เวลานี้
กลับมาบอกว่าศาลไทยกลั่นแกล้ง ที่สั่งจำคุก 2 ปี เห็นได้ชัดว่า ธาตุแท้
พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเช่นไร
นายโสภณ กล่าวประเด็นนี้ ว่า ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้น คือ
เป็นภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความแตกแยกให้แก่ประเทศไทย
รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกัมพูชา หรือพม่า
ตอนนี้ก็เดือดร้อน เนื่องจากการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนจึงถือว่า
ในประวัติศาสตร์ชาติไทย นอกจาก ออกญาจักรี
ไม่เคยมีคนไทยคนไหนสร้างความแตกแยกให้แก่บ้านเมืองเท่า พ.ต.ท.ทักษิณ
ส่วนการกระทำของ สมเด็จฯ ฮุนเซน และ พล.อ.ชวลิต
ตนก็นับเป็นการชักศึกเข้าบ้านตัวเอง
เห็นแก่ผลประโยชน์จนทำให้ประเทศเสียหาย
นายประพันธ์ กล่าวปิดท้ายว่า
ตนอยากเตือนกลุ่มคนเสื้อแดงและบรรดารากหญ้า ที่ยังลุ่มหลงเห็นว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นคนดีอยู่ ขอให้อย่าตกเป็นเครื่องมือคนพวกนี้อีกเลย
เนื่องจากในความเป็นจริง หากมนุษย์คนหนึ่งกระทำความผิด
ก็ต้องได้รับการชดใช้กรรมเวรที่ก่อไว้ ก็เช่นเดียวกับกฎหมาย
ที่เมื่อกระทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง
ไม่ใช่หลอกคนอื่นให้มาสู้เป็นกำแพงปกป้องตัวเองให้รอดพ้นจากความผิด
ซึ่งตนเห็นว่าหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นกับสิ่งที่ก่อไว้
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000129152
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น