++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เคาะข่าวริมโขง : จับตา "ราเกซ" กลับไทย หวั่นโดนตัดตอนก่อนไขคดียักยอก "บีบีซี"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 ตุลาคม 2552 21:37 น.
เคาะข่าวริมโขง : จับตา "ราเกซ" กลับไทยพรุ่งนี้
หวั่นโดนตัดตอนก่อนไขคดีดัง "ยักยอกทรัพย์ บีบีซี" ที่มีนักการเมือง
"ห้อยโหน" เอี่ยว ด้าน "เป็ดเหลิม-ไอ้ตู่" ป้อง "พ่อแม้ว" กลางสภา
ตั้งกระทู้ขู่นายกฯ ห้ามถอดยศ-ยึดเครื่องราชฯ แฉ "จิ๋ว-ตท.10"
ถูกวางหมากเดินเกมนอกสภา หมายล้มเจ้า นำประเทศเข้าสู่ "รัฐไทยใหม่"

รายการ "เคาะข่าวริมโขง" ออกอากาศทาง "อีสานทีวี" ช่วงเวลา
18.30-20.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ
องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น
และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ และ นายอมร อมรรัตนานนท์
พิธีกรรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี
มาร่วมพูดคุยในรายการ ซึ่งวันนี้ประเด็นข่าวที่น่าสนใจและร้อนแรง คือ
กรณีลากตัว นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่
ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี
ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

รวมทั้งกรณีวิวัฒนาการกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งมีแนวโน้มว่าพฤติกรรมเผาบ้านเผาเมือง
จะลุกลามใหญ่โตไปจนถึงการมวลชนและเงิน
เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทย

น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็นกรณีการติดตามตัว นายราเกซ
มาดำเนินคดีในประเทศไทย หลังจากที่ไปอยู่ประเทศแคนาดา
เนื่องจากเกรงเรื่องความปลอดภัย ขณะนี้ ทางการไทยได้ประสานขอตัวมา
หลังจากคดีนี้ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน โดยวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.)
ต้องจับตาดูว่า นายราเกซ จะปรากฏตัวที่สนามบินหรือไม่
เพราะเจ้าตัวก็ไม่อยากกลับประเทศไทย เนื่องจาก
คดีนี้เกี่ยวข้องกับนักการเมืองใหญ่ในประเทศ ซึ่งอาจมีการตัดตอนปิดปาก
เพราะว่า นายราเกซ ถือเป็นหมากตัวสำคัญที่กุมความลับคดีนี้

นายโสภณ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า เดิมที นายราเกซ
เป็นเพียงนักรายงานข่าวหุ้นประจำสัปดาห์ธรรมดา โดยเมื่อตอนไม่มีชื่อเสียง
ยังไม่เป็นที่รู้จัก ก็ยังไม่ค่อยมีใครสนใจมากนัก
แต่หลังจากที่สั่งสมวิชาด้านหุ้น จนกลายเป็นนักวิเคราะห์หุ้น ชื่อ
นายราเกซ ก็ติดตลาด ต่อมาจึงกลายเป็นที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่
ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี
โดยการกระโดดเข้าไปรับตำแหน่งดังกล่าว
ทำให้ได้รู้จักและมีสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโตในแวดวงเศรษฐกิจมากมาย นายราเกซ
จึงเล็งเห็นช่องทางโยกย้ายถ่ายเงิน จน บีบีซี ถูกสั่งปิด ซึ่งการที่
นายราเกซ ต้องหนีออกนอกประเทศไทย
ก็เพราะเกรงว่าตัวเองจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงไปอยู่แคนาดา
โดยเจ้าตัวเคยให้สัมพันธ์ว่า
หากกลับประเทศไทยเชื่อว่าคงตายตั้งแต่เหยียบสนามบินก้าวแรก

นายชัชวาลย์ กล่าวว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับนักการเมืองหลายคน
โดยเฉพาะคนตัวสูง ชื่อห้อย แม้ว่าเรื่องจะเกิดขึ้นมาแล้ว
แต่ก็มีความพยายามดึงเรื่อง ทำให้ยืดเยื้อจนมาถึงทุกวันนี้
ยังจับตัวการสำคัญติดคุกหรือรับผิดไม่ได้

นายโสภณ กล่าวว่า คดียักยอกทรัพย์ บีบีซี ถือเป็นเรื่องมหากาพย์
ที่มีความสำคัญ เพราะช่วงที่เกิดเรื่องประเทศไทยต้องเจอสภาวะเศรษฐกิจแบบฟองสบู่แตก
ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีเครดิตบูโร ทำให้มีการกู้กันได้ง่าย
โดยไม่มีมาตรฐานการตรวจสอบหนี้เสียที่ดีพอ คนใหญ่คนโตที่มีพวกฟ้อง
จึงมาร่วมวงหาเงินใช้ การเมืองกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่เข้ามาแทรกแซง
จนทุกวันนี้ เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จากการที่ประสบปัญหาดังกล่าว

น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า คืนนี้จะได้รู้แล้วว่า
ทางแคนาดาจะส่งตัว นายราเกซ กลับมารับโทษในประเทศไทย
แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วง คือ หากมาถึงสนามบินที่ประเทศไทย
อาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ เพราะคำพูดของ นายราเกซ
อาจทำให้นักการเมืองหลายคนต้องคุก ถ้าความจริงถูกเปิดเผย

ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี หยิบยกประเด็นวิวัฒนาการของกลุ่มคนเสื้อแดง
มาพูดถึง หลังจากที่มีการเปิดเทปการอภิปรายของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ประธาน ส.ส.เพื่อไทย และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย
ที่ตั้งกระทู้จี้ถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
กรณีถอดยศและยึดเครื่องราชฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายอมรเทพ กล่าวประเด็นนี้ ว่า การกระทำของ ร.ต.อ.เฉลิม หรือ
นายจตุพร ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
ซึ่งตนอยากย้อนให้เหตุถึงความเปลี่ยนแปลงที่อดีตนายกรัฐมนตรีได้ทำไว้กับ
ประเทศไทย คือ ในช่วงที่ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ สถานการณ์ไม่เลวร้ายเท่านี้
แต่นับจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก้าวเข้ามาเล่นการเมือง
ก็ทำให้ประเทศระส่ำระส่าย เพราะเกิดความแตกแยกของสังคม
ซ้ำที่แย่ไปกว่านั้น คือ เวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ
ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถาบันเบื้องสูงอย่างโจ่งแจ้ง
ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดเคยทำมาก่อน ดังนั้น
ตนอยากเรียกร้องให้กองทัพปกป้องสถาบัน
เนื่องจากมีความพยายามทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันเบื้องสูง
โดยมีการบิดเบือนข้อมูล ทั้งนี้
ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ภาคเหนือกับภาคอีสาน

นายอมรเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับแผน พ.ต.ท.ทักษิณ ตอนนี้
กำลังเดินเกมใช้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และเตรียมทหารรุ่น 10 มาสร้างกระแส
ซึ่งตนอยากให้จับตาดูดีๆ เพราะมีความเป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ
จะใช้คนพวกนี้ เพื่อเล่นเกมนอกสภา ยิ่งไปกว่านั้น
มีการปล่อยข่าวถึงขนาดว่า ถ้าบ้านเมืองจำเป็นต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง
ก็ต้องทำ โดยคนพวกนี้ไม่สนใจอะไรแล้ว นอกเหนือจากอำนาจที่ตนจะได้รับ
ซึ่งนับเป็นความน่ากลัวที่คนชั่วมีแผนจะดำเนินการไม่ดีต่อบ้านเมือง

นายอมรเทพ กล่าวอีกว่า ตอนนี้มีรายงานข่าวว่าเว็บไซต์ นายจักรภพ
เพ็ญแข ได้มีข้อความตั้งชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า "ทักษิณมหาราษฎร"
ซึ่งถือเป็นสิ่งไม่บังควร เพราะคำว่ามหาราช ใช้กับพระมหากษัตริย์
ที่ทรงเป็นที่รักของประชาชน

นายโสภณ กล่าวเสริมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ
ถือเป็นความชั่วร้ายที่มีลมหายใจ และมีตัวตน
เพราะอดีตเวลาเราสัมผัสถึงความชั่วร้าย จะมองเห็นแต่นามธรรม แต่ในตัว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชัดเจนว่า ทั้งรูปธรรมและนามธรรม
ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ซึ่งคนแบบนี้น่ากลัว
เนื่องจากเวลาทำอะไร ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นคน
กล้าแสดงออกในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ควรทำ ไม่กล้าพูด โดยคนพวกนี้
ทำเหมือนว่าจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม
เหมือนหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ใช้ลูกสมุนปลุกปั่น ยุยงให้เกิดความเข้าใจผิด
หวังจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับประเทศและได้ทุกสิ่งทุกอย่างคืน

น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า เมื่อก่อนสบประมาทกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า
ไม่มีพลังเพียงพอจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยน
เพราะพฤติกรรมเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
มีทั้งการจาบจ้วงสถาบันและการเผาบ้านเผาเมือง เพื่อสร้างความวุ่นวาย

นายชัชวาลย์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ
ต้องการแย่งประชาชนออกจากสถาบัน
โดยเริ่มจากการเอาประชานิยมเข้ามาหลอกล่อประชาชน และมีการแจกเงิน
ทำให้ประชาชนเสพติด พ.ต.ท.ทักษิณ และผลประโยชน์มาตลอด ดังนั้น
ประชาชนที่ไม่มีความรู้หรือรู้ไม่เท่าทัน ก็จะต้องเป็นเหยื่อ
โดนหลอกทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ
แต่ขณะนี้มีความพยายามลุกลามไปถึงการตั้งรัฐไทยใหม่
ที่เสมือนการลดของสถาบันพระมหากษัตริย์ลง
ก็เหมือนหลายประเทศที่มีกษัตริย์แต่อำนาจสูงสุดอยู่ที่ในมือผู้นำประเทศ

นายอมรเทพ กล่าวปิดท้ายว่า พอ พ.ต.ท.ทักษิณ
เล่นการเมืองทำให้คนไทยได้เห็นถึงธาตุแท้ โดยสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี
ก็ใช้ตำแหน่งอำนาจของตัวเอง สกัดผู้อื่นที่จะเข้ามาทำประโยชน์
เพื่อจะได้เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์เสียเอง ซึ่งตนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ
ประกอบอาชีพและหากินกับหลากหลายวงการ แต่มีอยู่ 2 อาชีพที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
ไม่สนใจจะทำ คือขายโลงศพ กับ ขอทาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น