ใช้เงินฟุ่มเฟือยเต็มสูบไม่มีจำกัด อยากได้อะไรซื้อ อยากกินอะไรกิน ทิ้งๆ
ขว้างๆ บ้างตามประสาคนเหลือกินเหลือใช้
แต่ในอีกมุมหนึ่ง...กลับมีคนที่ยอมเดินด้วยเท้า จากจังหวัดอุบลราชธานี
ไปยังจังหวัดอยุธยา ด้วยระยะทางไกลมากว่า 600 กิโลเมตร
เพียงเพื่อเงินวันละ 20 บาท
เรื่องที่ทางทีมงานจะขอนำเสนอต่อไปนี้
เป็นเรื่องที่เพื่อนสมาชิกเว็บไซต์ พันธ์ทิพย์ดอทคอม
ประสบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง และอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟัง
ซึ่งเขาก็เล่าว่า ... ผมและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดอยุธยา
ระหว่างทางก่อนที่จะถึงจุดหมาย
ผมได้มองไปข้างทางและเห็นชายแก่คนหนึ่งใส่เสื้อสีขาว
กางเกงขายาวสีน้ำเงิน กำลังเดินอยู่ข้างทางแบกถุงปุ๋ย พร้อมห่อผ้าขาวม้า
1 ห่อ เดินกลางแดดกลางวันร้อนๆ ยามบ่าย
ผมจึงให้แฟนจอดรถและลงไปถามชายชราคนนั้นว่า
ผม : ตาจะไปไหน ทำไมมาเดินตากแดดแบบนี้เล่า
ตา : (ยิ้ม) จะไปอยุธยา
ผม : ตาจะไปทำไมที่อยุธยา ไปหาใครเหรอ
ตา : ไปรับจ้างเลี้ยงวัว มีคนเขาบอกว่าที่อยุธยา มีคนเขาหาคนเลี้ยงวัว
ผม : เขาจ้างวันละเท่าไหร่ ตารู้จักเขาเหรอ
ตา : เขาจ้างวันละ 20 บาท มีที่พักให้ด้วย (ตาหมายถึงนอนกับวัวเลย)
ตาไม่รู้จักเขาหรอก
ที่ไปนี้ก็ต้องไปถามเขาอีกทีว่าใครจะจ้างตาเลี้ยงวัวบ้าง
ผม : แล้วใครบอกตาว่าที่อยุธยาเขาหาคนเลี้ยงวัว
ตา : คนแถวบ้านตาบอก เขาพูดกันว่าที่อยุธยามีคนเขาหาคนเลี้ยงวัวเยอะ
ผม : ตามาจากไหนละ มาคนเดียวเหรอ แล้วยายไปไหนล่ะ
ตา : ตามาจากอุบลฯ ตามาคนเดียว เพราะยายตายแล้ว
ผม : ลูกๆ ไม่มีเหรอตา
ตา : มีลูก 2 คน ชายคน หญิงคน มีครอบครัวกันหมดแล้ว
ไม่เคยเห็นหน้ามาหลายปีแล้ว ยายตายนี่พวกมันยังไม่รู้เลย
ผม : แล้วทำไมตาไม่อยู่บ้าน หางานแถวบ้านทำล่ะ
ตา : ตาไม่มีบ้าน พอยายตาย พี่น้องยายเขาก็ไม่ให้อยู่ในที่ของเขา
งานแถวบ้านมี แต่เขาไม่จ้างตาทำ เขาบอกว่าตาแก่แล้ว ทำอะไรช้าไม่ทัน
เขาก็ไม่จ้างตา
ผม : แล้วตามาถึงที่นี่ได้อย่างไง
ตา : ตาเดินมาเรื่อยๆ
ผม : เดินมาจากอุบลฯ นะเหรอตา ทำไมไม่นั่งรถเมล์มาล่ะ
ตา : (ยิ้ม) ตาไม่มีตังค์ (ควักเงินออกมาให้ดู ซึ่งในมือตามีเงิน 15 บาท
เหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ ที่เหลือเป็นเหรียญบาทเก่าๆ สีเขียว)
ผม : แล้วตาออกจากอุบลฯ มาวันไหน
ตา : หลังสงกรานต์ 2 วัน (ยิ้ม)
ผม : แล้วตาเอาอะไรมาด้วย นี่ห่ออะไรที่ตาถือมา
ตา : อ๋อ ห่อกระดูกยาย กับถุงเสื้อผ้าตา
ผม : แล้วตากินอะไรอยู่
ตา : เดินผ่านร้านที่เขาขายมันต้ม แม่ค้าเขาเลยให้ตามากินฟรีๆ
ไม่เอาตังค์ตาด้วย
ผม : (สายตาของผมมองไปที่เท้าของตา เห็นรองเท้าของตามีกระดาษติดที่ส้น)
กระดาษติดที่เท้าตานะ ระวังหกล้ม
ตา : (ยิ้ม) อ๋อ ตาเอามันมารองที่เท้าตาเอง เพราะส้นรองเท้ามันขาดแล้ว
เวลาเดินมันร้อนส้นเท้า
ผม : แล้วนั่นน้ำอะไรจ๊ะตา (เห็นน้ำสีน้ำตาลในขวดสีขาวขุ่นมากๆ วางอยู่ข้างๆ ตา)
ตา : น้ำกินตาเอง
หลังจากนั่งคุยกับตาแกไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่า ตา อายุ 76 ปีแล้ว
แต่ผมดันลืมถามชื่อแกมา รู้แต่ว่าสิ่งที่ได้สังเกตเห็นตลอดเวลาคือ
เนื้อตัวค่อนข้างเลอะ มีรอยยุงกัดตามตัวเยอะมาก
เพราะแกบอกว่าอาศัยนอนข้างถนน นอนศาลา
และดวงตาของแกฝ้ามัวมาก เหมือนมีเส้นใยบางๆ ในดวงตา
และอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นก็คือ "รอยยิ้ม" ที่เห็นฟัน 1 ซี่
ของแกมีมาให้ตลอดเวลาระหว่างที่สนทนากัน
ทำให้ผมรู้สึกว่าตาเป็นคนอารมณ์ดี
จากนั้นผมจึงได้ส่งร่มในมือที่ถือก่อนลงจากรถให้แกไว้ใช้
พร้อมเงินอีก 190 บาท (เพราะมีอยู่แค่นั้น)
ซึ่งตอนที่แกได้ร่ม ตาแกดีใจมาก ยิ้มตลอดเวลา
ในใจแกคงคิดว่าต่อไปนี้แกคงไม่ต้องเดินร้อนแล้วล่ะ
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมตาแกไม่ไปบวช
หรือขอข้าววัดกิน เรื่องนี้พวกเราคุยกันว่า
ตาแกยังคงอยากทำงานหาเลี้ยงตัวเอง
ไม่อยากจะขออาศัยวัดกิน
มีมือมีเท้าก็อยากทำให้เกิดประโยชน์บ้าง ...
...และนี่คือตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า
ยังมีคนอีกจำนวนมากต้องปาดกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
รู้แบบนี้แล้วทำไมไม่ลองมองย้อนมาดูตัวเอง
ว่าวันนี้คุณ "พอเพียง" แค่ไหนกัน ?
ทั้งนี้ผู้เล่าประสบการณ์ คิดได้ว่า
เขาโชคดีเหลือเกินที่มีกินมีใช้ เกิดมาไม่ลำบาก มีพ่อแม่ มีเงินให้ใช้
แต่หลังจากเจอตาแล้วทำให้เขาคิดได้ว่า
ต่อไปนี้เขาต้องรู้จักใช้เงิน รู้คุณค่าของเงินมากขึ้น
เผื่อวันหน้าจะได้ไม่ลำบาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น