++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

รู้ไหมชาติก่อนใครเป็นอะไร

โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ 29 ตุลาคม 2552 17:20 น.
เชื่อไหมครับว่า เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของผู้ทรยศและคนเนรคุณ 2 คน
ในประวัติศาสตร์
คือพระยาจักรีและพระยาละแวกนั้นเกิดร่วมสมัยกันในยุคสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
แห่งกรุงศรีอยุธยา

แล้วกลับชาติมาเกิดร่วมสมัยกันอีกในปัจจุบัน

แต่เนื่องจากช่วงสองสามวันนี้ผมได้ยินมีการพูดสับสนกันระหว่างพระยา
ละแวกและพระยาจักรี จึงอยากทบทวนประวัติศาสตร์เบื้องต้นเสียก่อน

พระยาจักรี รับราชการในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
กษัตริย์พระองค์ที่ 15 ของกรุงศรีอยุธยา
หลังอยุธยาทำสงครามช้างเผือกพ่ายแพ้แก่พม่าพระยาจักรีถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย
และเมื่อสิ้นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
สมเด็จพระมหินทราธิราชเสด็จขึ้นครองราชย์
พระยาจักรีเห็นแก่ทรัพย์ที่พระเจ้าบุเรงนองประทานให้จึงอาสาเป็นหนอนบ่อนไส้
ในกรุงศรีอยุธยา
โดยเข้าไปในกรุงศรีอยุธยาทำทีเป็นว่าหลบหนีมาจากกรุงหงสาวดี

พระมหินทราธิราชทรงวางพระทัยพระยาจักรีจึงได้มอบให้ดำรงตำแหน่งเป็น
แม่ทัพใหญ่ พระยาจักรีจึงวางอุบายให้ทหารที่มีความสามารถไปประจำกองที่ไม่สำคัญ
และให้ทหารที่ไร้ฝีมือเป็นทัพหน้าคุมกำลังประจัญบานกับกองทัพของพระเจ้าบุ
เรงนอง แถมคนมีฝีมือก็ถูกหาเรื่องใส่ความให้ต้องโทษขังหรือเฆี่ยน
เพียงข้ามคืนกรุงศรีอยุธยาก็พ่ายแพ้ เสียกรุงให้กับพม่าเป็นครั้งแรก

เมื่อพระยาจักรีกลับไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบุเรงนอง
พระเจ้าบุเรงนองมีพระราชโองการให้ประหารชีวิตพระยาจักรีเสีย เพราะเห็นว่า
พระยาจักรีนั้นทำได้แม้กระทั่งการทรยศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
ภายภาคหน้าก็คงจะสามารถทรยศกรุงหงสาวดีได้เช่นกัน
โดยตอกมือไว้กับหีบทองของรางวัลที่บุเรงนองประทานให้แล้วจับถ่วงน้ำ

ส่วนพระยาละแวก ช่วงที่พระมหาจักรพรรดิทำสงครามกับพม่าอยู่นั้น
ฝ่ายเขมรพระยาละแวกเห็นได้ทีจึงยกทัพเข้ามาทางปราจีนบุรีกวาดต้อนผู้คน
กลับไปเขมรจำนวนมาก

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงรับสั่งให้ยกทัพไปถึงเมืองพระตะบองและ
ละแวก พระยาละแวก
เห็นท่าจะแพ้ในการศึกจึงมีราชสาสน์และเครื่องราชบรรณาการมาถวาย
และรับปากว่าจะเป็นข้าพระบาทตราบชั่วกัลปวสาน
เมื่อญวนยกทัพมาตีเมืองละแวก กองทัพไทยจึงยกกำลังไปช่วย

หลังไทยเสียกรุงให้แก่พม่าเพียงปีเดียว
พระยาละแวกจากเขมรได้ถือโอกาสเข้ามาปล้นและตีเมืองที่อยู่ภายใต้อยุธยา
กวาดต้อนผู้คนแถวจันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรากลับไปเขมรจำนวนมาก
รวมทั้งโจมตีเมืองธนบุรีจับชาวเมืองธนบุรีและนนทบุรีเป็นเชลยจำนวนมาก
และหมายจะบุกเข้าตีอยุธยาแต่ถูกทหารไทยยิงตายเป็นจำนวนมาก
ฝ่ายเขมรแตกทัพหนีกลับไปทางพระประแดง

เมื่อถึงยุคสมัยสมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสว่า
"พระยาละแวกตระบัดสัตย์อีกแล้ว จึงต้องยกไปปราบให้ราบคาบ"
ผลการศึกกองทัพไทยไล่ตีเขมรไปจนสุดชายแดน ทหารเขมรล้มตายจำนวนมาก

ประวัติศาสตร์ที่คนไทยได้หันไปอุ้มชูเขมรในยุคบ้านเมืองแตกระส่ำนั้น
ไม่ใช่แค่ยุคพระยาละแวก
แต่ผ่านมาถึงยุคต้นรัตนโกสินทร์ที่เขมรถูกญวนรุกรานแล้วมาพึ่งพิงรัฐไทย
แต่พอปีกกล้าขาแข็งก็หันมาลอบกัดไทย รวมทั้งการพึ่งพิงไทยในยุคสงครามเย็น
สงครามกลางเมือง บ้านแตกสาแหรกขาด

พระยาจักรีนั้นเป็นคนไทยที่ทรยศต่อแผ่นดิน
ส่วนพระยาละแวกนั้นเป็นเขมรที่เนรคุณต่อแผ่นดินไทย

วันนี้มีคนไทยคนหนึ่งที่เรียกขานกันว่า บิ๊กจิ๋ว หรือพล.อ.ชวลิต
ยงใจยุทธ แห่งพรรคเพื่อไทย และสมเด็จพระมหาอัครมุนี ฮุนเซน
แห่งแผ่นดินกัมพูชา

พล.อ.ชวลิต บินไปพบฮุนเซนแล้วกลับมาบอกคนไทยด้วยความภาคภูมิใจว่า
ฮุนเซน ดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของไทยว่า ไม่ให้ความเป็นธรรมต่อทักษิณ
และแม้ว่า ทักษิณจะเป็นนักโทษที่ทางการไทยต้องการตัว แต่ฮุนเซน
ปรารถนาจะสร้างบ้านให้ทักษิณเข้ามาอาศัยในแผ่นดินกัมพูชา

ฮุนเซนบอกบิ๊กจิ๋วว่า มีความรู้สึกว่า
ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม ในฐานะที่ ทักษิณทำอะไรให้กับประเทศเยอะแยะ
แต่ทำไมถึงวันนี้แม้กระทั่งแผ่นดินที่จะอยู่ก็ยังไม่มี

บิ๊กจิ๋วปล่อยให้ฮุนเซนประณามประเทศของตัวเองแล้วกลับมาเล่า
ยังไม่พอ เมื่อฮุนเซนมาประชุมอาเซียนซัมมิตที่เมืองไทย
ฮุนเซนก็ด่าประเทศไทยซ้ำอีก และประกาศว่า
ถ้าทักษิณเข้ามาอยู่ในกัมพูชาจะไม่ส่งทักษิณกลับไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้าย
ข้ามแดน เพราะเห็นว่า เป็นคดีการเมือง และเป็นอธิปไตยของกัมพูชา
หนำซ้ำยังเปรียบทักษิณกับอองซาน ซูจี

ทั้งๆ ที่คนไทยและทั่วโลกรู้ว่า ทักษิณนั้น
ใช้ระบอบประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือในการแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์
ทักษิณละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ตากใบ กรือเซะ
และฆ่าตัดตอนยาเสพติดโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมอีกหลายพันชีวิต
และในจำนวนนั้นมีผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก

คดีที่ทักษิณหนีกระบวนการยุติธรรมไทยออกไปนั้น เป็นคคีอาญา
เพราะทักษิณหลบหนีคดีคำพิพากษาของศาลให้ติดคุกฐานใช้อำนาจในตำแหน่งนายก
รัฐมนตรีเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เมียได้ทรัพย์สินของรัฐ

ที่สำคัญบิ๊กจิ๋วไปเยือนกัมพูชาในท่ามกลางความขัดแย้งตามแนวชายแดน
ที่ไทยยืนยันว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบเขาพระวิหารนั้นเป็นของไทย
แต่ถูกทหารเขมรเข้ามายึดครอง แต่เมื่อกลับจากเขมรพล.อ.ชวลิตพูดว่า
ปัญหาข้อขัดแย้งบริเวณตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยเฉพาะกรณีปราสาทพระวิหาร
ซึ่งกัมพูชาไม่ต้องการให้การเผชิญหน้ากันของทหารทั้งสองฝ่าย
อยากให้จะหมดไปโดยรวดเร็ว และทางกัมพูชาได้มีการเสนอมาหลายครั้งแล้ว
โดยอยากให้มีการแยกกำลังทหารออกจากกันและให้ห่างจากกัน

พอกลับจากกัมพูชา กลายเป็นว่า
บิ๊กจิ๋วคนที่เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แยกแยะไม่ออกหรือไม่มีข้อมูลหรือการข่าวเลยหรือว่า
วันนี้ใครเป็นฝ่ายรุกรานใคร ใครควรถอนกำลังออกไป ในฐานะเป็นคนไทย
บิ๊กจิ๋วควรพูดกับฮุนเซนเรื่องนี้ว่าอย่างไร

คำถามนี้จึงต้องถามบิ๊กจิ๋วและพรรคเพื่อไทยต่อว่า
มีนโยบายต่อพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรอย่างไร หรือว่า
เพื่อความสัมพันธ์กับกัมพูชาเราควรนิ่งเฉยเสียและปล่อยให้กัมพูชายึดครอง
แผ่นดินผืนนั้นไป

วันนี้กลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณนั้น
เห็นดีเห็นงามหรือมีความสุขหรือไม่ที่ฮุนเซนเข้ามาหมิ่นศักดิ์ศรีประเทศไทย
และคนไทยถึงบนแผ่นดินไทย
หลังจากที่คนไทยคนหนึ่งชื่อชวลิตกลับมาเล่าการถูกฮุนเซนดูหมิ่นศักดิ์ศรี
ประเทศของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจมาแล้ว

ไม่เพียงแต่พระยาจักรีจะเหิมเกริมเท่านั้น
วันนี้เครือข่ายของพระยาจักรียังมีเครื่องมือสื่อสารที่เพียบพร้อมในการบั่น
ทอนสถาบันสำคัญของชาติ สื่อใต้ดินและบนดินของเครือข่ายเสื้อแดง
วิทยุชุมนุมมีการกล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางลบอย่างเปิดเผยและ
โล่งโจ้ง โดยที่รัฐบาลทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

มีคนถามว่า ถ้าบิ๊กจิ๋ว คือ พระยาจักรี และฮุนเซน คือ
พระยาละแวกกลับชาติมาเกิด แล้วคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ชาติก่อนเป็นอะไร

มีคนตอบผมว่า
ชาติก่อนคุณอภิสิทธิ์คงมีบรรดาศักดิ์เป็นพระอิฐหรือไม่ก็พระปูนรับราชการอยู่ที่ไหนสักแห่ง


surawhisky@hotmail.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น