++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พระบรมราโชวาทที่ควรรับไว้เหนือเกล้า

โดย ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน 28 ตุลาคม 2552 15:14 น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะทรงเป็นพระประมุข มีพระเนตรอันยาวไกล
มีความเข้าพระทัยต่อสังคมไทยและการบริหารราชการแผ่นดิน
พระบรมราโชวาทที่ทรงพระกรุณาให้กับประชาชนชาวไทยทั่วไป
หรือต่อข้าราชการนั้น
เป็นสิ่งที่ทุกคนควรรับเหนือเกล้านำไปพินิจพิเคราะห์และนำไปปฏิบัติ
สิ่งซึ่งพระองค์ทรงกล่าวเน้นก็คือ ผลประโยชน์
ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ ความสุขของประชาชน และการพัฒนาสังคม
โดยพระองค์ท่านทรงเน้นถึงความซื่อสัตย์สุจริต
การทำงานที่จริงจังการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
การหลีกเลี่ยงจากการประพฤติปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเสียหาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาสังคมต้องแก้ด้วยภูมิปัญญา
และสังคมจะพัฒนาได้นั้นจะต้องมีความสามัคคีปรองดองกัน
นอกจากนั้นการแก้ปัญหาจะต้องแก้ให้ถูกทาง
มิฉะนั้นอาจจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายและเพิ่มปัญหามากยิ่งขึ้น
พระองค์ทรงเน้นถึงการกระทำสิ่งที่ถูกต้อง สร้างความยุติธรรมในสังคม
มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเอื้ออาทรต่อกัน ที่สำคัญที่สุด
การกระทำอันใดก็ตามจะต้องเป็นการกระทำที่เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากสะท้อนถึงความมีพระปรีชาสามารถในเรื่องการปกครองบริหารแล้ว
ยังถือได้ว่าประหนึ่งคำสอนที่เป็นธรรมะสำหรับการดำรงตนเพื่อให้เกิดความสุข
ความเจริญต่อตนเอง ต่อครอบครัว
แต่ที่สำคัญที่สุดคือต่อสังคมและประเทศชาติโดยรวม

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในยุคที่นายอุทัย พิมพ์ใจชน
เป็นประธานรัฐสภา
ได้มีการตัดตอนย่อพระบรมราโชวาทบางส่วนมาเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติตามรอย
พระยุคลบาท โดยมีการตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2545
บางส่วนของพระบรมราโชวาทที่ได้มีการยกเอาส่วนที่ครอบคลุมหัวข้อดังกล่าวมา
เบื้องต้นมีดังต่อไปนี้ คือ

"...ประเทศของเรามีเอกราชอธิปไตยและความเจริญมั่นคงมาได้จนทุกวันนี้
เพราะคนไทยทุกหมู่เหล่ายึดมั่นในชาติบ้านเมือง
และรู้จักทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายแต่ละคนให้ประสานส่งเสริมกัน..."

"... การที่จะให้ประเทศชาติมีความมั่นคง มีความสุขและความเจริญ
ย่อมต้องอาศัยความสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
สำหรับผู้ที่ยังไม่เดือดร้อนนักก็ควรจะช่วยผู้ที่เดือดร้อนมากกว่า..."

"...การดำรงรักษาชาติประเทศนั้นมิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้ใดหมู่ใดโดย
เฉพาะ หากแต่เป็นหน้าที่ของทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ คน
ที่จักต้องร่วมมือกระทำพร้อมกันไป โดยสอดคล้องกัน เกื้อกูลกัน
และมีจุดมุ่งหมาย มีอุดมคติร่วมกัน..."

"... ความเจริญผาสุกและความตั้งมั่นของบ้านเมือง
เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดที่บุคคลพึงรำลึกถึงและพึงประสงค์
และความเจริญมั่นคงนั้นจะเกิดขึ้นได้
ก็ต่อเมื่อประชาชนในชาติมีความอยู่ดีเป็นปกติสุขปราศจากทุกข์ยากเข็ญ..."

"...ความสามัคคีพร้อมเพรียงกันเป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่งในการปฏิบัติ
บริหารงานใหญ่ๆ เช่น งานของแผ่นดิน
และความสามัคคีนี้จะเกิดมีขึ้นมั่นคงได้
ก็ด้วยบุคคลในหมู่ในคณะมีคุณธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวผูกพันจิตใจของกันและ
กันไว้..."

"... เมื่อใดมีความเข้มแข็งมีความสามัคคีก็จะทำให้บ้านเมืองมีพลังยิ่งขึ้นเมื่อ
นั้น เมื่อบ้านเมืองมีพลังยิ่งขึ้น
ก็สามารถที่จะทำให้พวกเราเองมีความปลอดภัยและมีความก้าวหน้าในที่สุด"

"...ผู้ที่ปฏิบัติงานโดยดีโดยบริสุทธิ์แล้ว
ย่อมได้มีส่วนในการช่วยประเทศชาติให้อยู่เย็นเป็นสุข..."

"... ความมีใจจริงที่ขาดไม่ได้ในการทำงานมีสองประการ
ประการที่หนึ่ง คือ ความจริงใจต่อผู้ร่วมงาน
ซึ่งมีลักษณะประกอบด้วยความซื่อตรง เมตตา หวังดี
พร้อมเสมอที่จะร่วมมือช่วยเหลือและส่งเสริมกันทุกขณะ
ทั้งในฐานะผู้มีจุดประสงค์ที่ดีร่วมกัน
และในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมชาติร่วมโลกกัน ประการที่สองได้แก่
ความจริงใจต่องาน
มีลักษณะเป็นการตั้งสัตย์อธิษฐานหรือการตั้งใจจริงที่จะทำงานให้เต็ม
กำลัง..."

"...ถ้าเราจะเอาแต่ชนะ มันก็ต้องมีแพ้ แต่ถ้าเราปรองดองกัน
มีแต่ชนะไม่มีแพ้..."

"...การแก้ไขปัญหานั้น ถ้าไม่ทำให้ถูกเหตุถูกทาง
ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง
มักจะกลายเป็นการเพิ่มปัญหาให้มากและยุ่งยากขึ้น..."

"...ประโยชน์ส่วนรวมนั้นเป็นประโยชน์ที่แต่ละคนพึงยึดถือเป็นเป้า
หมายหลักในการปฏิบัติตนปฏิบัติงาน เพราะเป็นประโยชน์อันยั่งยืนแท้จริง
ซึ่งทุกคนมีส่วนได้รับทั่วถึงกัน..."

"... เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น
ทุกคนชอบที่จะทำความคิดความเห็นให้สอดคล้องกัน
ร่วมกันพิจารณาหาทางแก้ไขด้วยเหตุและผลตามเป็นจริงบนพื้นฐานอันเดียวกัน
ก็จะเห็นแนวทางปฏิบัติแก้ไขได้อย่างเที่ยงตรง ถูกต้อง และเหมาะสม..."

"...งานรักษาความมั่นคงของประเทศเป็นงานที่กว้างขวางและละเอียดลึก
ซึ้งเกี่ยวเนื่องถึงงานของบ้านเมืองทุกๆ ส่วน
ทั้งยังต้องปรับเปลี่ยนแผนและกระบวนการปฏิบัติให้ถูกต้องทันตามสถานการณ์
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา..."

"... ความเพียรที่ถูกต้องเป็นธรรมและพึงประสงค์นั้น คือ
ความเพียรที่จะกำจัดความเสื่อมให้หมดไป และระวังป้องกันมิให้เกิดขึ้นใหม่
อย่างหนึ่ง กับความเพียรที่จะสร้างสรรค์ความดีความเจริญให้เกิดขึ้น
และระวังรักษามิให้เสื่อมสิ้นไปอย่างหนึ่ง ความเพียรทั้งสองประการนี้
เป็นอุปการะอย่างสำคัญแก่การปฏิบัติตนปฏิบัติงาน..."

"...การยึดมั่นในผลประโยชน์ของแผ่นดิน และความถูกต้องเป็นธรรม
เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ..."

"...การทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เป็นทั้งรางวัลและประโยชน์อย่างประเสริฐ
จะทำให้บ้านเมืองไทยของเราอยู่เย็นเป็นสุขและมั่นคง..."

"...ไม่ว่าจะปฏิบัติภาระหน้าที่อันใดทั้งส่วนน้อยส่วนใหญ่ขอให้ปรารภประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นจุดหมายสูงสุด..."

"... เมื่อพบอุปสรรคใดๆ อย่าเพิ่งท้อแท้จะหมดกำลังใจง่ายๆ
จงตั้งใจทำให้ดี คิดหาทางที่จะแก้ไขผ่อนคลายอุปสรรคต่างๆ
ด้วยเหตุผลและหลักวิชา ไตร่ตรองด้วยความสุขุมรอบคอบ
และเยือกเย็นงานก็จะลุล่วงไปได้ด้วยดี..."

"...การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพและตั้งตัว
ให้มีความพอกินพอใช้ก่อนอื่นเป็นพื้นฐานนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด
เพราะผู้ที่มีอาชีพและฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง
ย่อมสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าระดับที่สูงขึ้นต่อไปได้โดยแน่นอน..."

"... ความสุขความเจริญที่แท้จริงอันควรหวังนั้น
เกิดขึ้นได้จากการกระทำและความประพฤติที่เป็นธรรม มีลักษณะสร้างสรรค์ คือ
อำนวยผลที่เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตัวแก่ผู้อื่น
ตลอดถึงประเทศชาติโดยส่วนรวมด้วย..."

"...ความทุกข์เดือดร้อนของประชาชนนั้น
มิใช่เป็นความรับผิดชอบของผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ
แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกัน
ที่จะต้องช่วยกันแก้ไขป้องกันโดยเต็มกำลัง..."

"... ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น
หมายถึงความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นธรรม
ทั้งในเจตนาและการกระทำ
ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญหรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น..."

"...การที่จะทำงานให้สัมฤทธิผลที่พึงปรารถนา คือ
ที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรมด้วยนั้น
จะอาศัยความรู้แต่เพียงอย่างเดียวมิได้จำเป็นต้องอาศัยความสุจริต
ความบริสุทธิ์ใจ และความถูกต้องเป็นธรรมประกอบด้วย..."

"...ปัญหาทุกอย่างไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีการแก้ไขได้
ถ้ารู้จักคิดได้ดี ปฏิบัติได้ถูก..."

"...ผู้ที่ทำงานดี มีความซื่อสัตย์สุจริตอย่าท้อใจ..."

จากพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทที่ยกมาข้างต้น
นอกจากจะสะท้อนถึงพระราชดำรัสอันลึกซึ้งขององค์พระประมุข
ยังสะท้อนถึงความเข้าพระทัยอย่างดีในปัญหาสังคม ระบบราชการ การบริหาร

ถ้าหากว่าประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าที่
รับใช้ประชาชนและสังคม นำเอาประเด็นต่างๆ
ที่กล่าวมาเบื้องต้นอันเป็นส่วนสำคัญของพระบรมราโชวาทที่ทรงมีไว้หลายครั้ง
น่าจะเป็นแนวทางสำหรับการทำงานที่จะเอื้ออำนวยประโยชน์และได้ผลในที่สุด

มนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่องานสังคมและของประเทศชาติ
อาจจะต้องตั้งตัวอยู่ในความไม่ประมาท
จะต้องมีการเตือนสติตนเองถึงเรื่องศีลธรรมและจริยธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อแนวทางปฏิบัติที่ได้มีการกลั่นกรองมาแล้วเป็นอย่างดี
ดังที่ปรากฏอยู่ในพระบรมราโชวาทที่กล่าวมาเบื้องต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น