++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2550

การเขียน blog กับเทคนิคการสร้างสายใยมิตรภาพระหว่าง blog อย่างเหนียวแน่น กับการหาเพื่อนแท้สักคน!!!

หลายคนทำ blog ขึ้นมา เพื่อเป้าหมายหลักคือ หารายได้ ติดโฆษณา และพยายามทำให้คนอื่นๆ คลิกเข้ามาดู blog ของตัวเองบ่อยๆ เพื่อเพิ่มยอดสถิติ

พอไม่ได้ดังที่หวัง ก็เลิกกันไป

ความจริงถ้าไม่คิดในแง่ธุรกิจแล้ว เราสามารถสร้าง blog และสานสายใยมิตรภาพให้เกิดขึ้นได้อย่างเหนียวแน่น
เคยคิดจะทำเช่นที่ว่านี้ไหมล่ะครับ


ในแต่ละวัน คุณมีโอกาสที่จะท่อง net ไปได้หลายเวบ หลายที่ สามารถที่จะเข้าไปอ่าน blog ได้ร้อยแปด พันเก้าแห่ง

แต่ถ้าคุณค้นพบ blog ที่มีเนื้อหาที่บันทึก ในแบบเดียวกับคุณ รอช้าไม่ได้ครับ ควรรีบสร้างสายใยมิตรภาพทันที
เพื่อนที่เรารู้จักนั้น สามารถมีกันได้หลายคน แต่เพื่อนแท้ และเพื่อนตาย มีกันได้ไม่กี่คน
ถ้าเราท่อง blog จนค้นพบคนที่สนใจเรื่องเดียวกับเรา เทคนิคการสร้างสายใยมิตรภาพอย่างเหนียวแน่น คือ เราต้องเกาะติดกับ blog นั้นครับ หากเราจะคบกับคนเขียนบันทึกนั้น ในแบบที่สนิทสนมมากกว่าคนอื่นๆ



เมื่อเขาเขียนบันทึกที่เราโดนใจ อย่ารอช้าที่จะเข้าไป comment
เมื่อ comment แล้ว กลับมาเปิดดูด้วย หากเขา comment ตอบแล้ว เราสามารถที่จะเขียนความเห็นต่อไปได้อีก เรียกว่า คุยให้ลึกซึ้ง แตกฉานกันไปเลย... แต่หลายคน เมื่อเข้าไปเขียน comment แล้ว ไม่ค่อยได้ไปติดตามต่อ หรือเข้าไปเขียน ชวนคุยต่อไปเรื่อยๆ

ยิ่งถ้าเจ้าของ blog นั้น เข้ามาดูบันทึกบ่อยๆ เรียกว่า เขียนความเห็นไปไม่นาน แล้วเขาก็เข้ามาตอบในระยะเวลาไม่นานนัก แล้วเราเขียนความเห็นในบันทึกนั้นต่อลงไปอีก แล้วเค้ายังมาเขียนตอบอีก

แสดงว่า คุณได้ค้นพบคนที่ใส่ใจความรู้สึก และมีเวลาที่จะพูดคุยกับคุณได้บ่อยๆผ่านทาง ง blog ไปจนถึง chat และช่องทางอื่นๆ

แต่กว่าที่เราจะค้นพบเพื่อนแท้ในแบบนี้ เราต้องใช้ความพยายามในการค้นหา และติดตามหน่อย
วิธีที่ง่ายในการติดตาม นั่นคือ การดึง rss feed จาก blog ไปอ่านใน โปรแกรมสำหรับอ่าน Rss Feed เช่นดึงไปอ่านใน mail.yahoo.com, bloglines.com หรือ Google reader



ซึ่งการใช้โปรแกรมนี้ จะทำให้ง่ายในการติดตามความเคลื่อนไหวของหลายๆ blog และสามารถค้นหาเพื่อนแท้จาก blog มากมายได้อย่างไม่ยากนัก

ละครตากสินมหาราช สะท้อนถึงคนไทยในปัจจุบัน


ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในตอนนี้ ละครช่อง 3 นำเสนอเรื่อง พระเจ้าตากสินมหาราช นำแสดงโดยฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบทพระเจ้าตากสิน...

ดำเนินเรื่องราวตั้งแต่ช่วงก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก มาจนถึงกู้ชาติ กู้เอกราช ตั้งกรุงธนบุรีได้สำเร็จ ไม่ว่าจะยุคนั้น หรือยุคนี้ คนไทยมักจะแตกแยกกันได้เรื่อยๆ

ตอนนี้ มีม็อบของกลุ่ม PTV และกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยต่างๆ ต่อต้าน คมช และรัฐบาล เฮ้อ....

หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านบทความต่างๆ ที่พูดถึงต่างประเทศทั้ง สิงคโปร์ เวียดนาม อินเดีย จีน แต่ละประเทศ ดูมีอนาคตสดใส คนในชาติอยู่ดีมีสุข เจริญก้าวหน้า

แต่คนไทย ยุ่งกันไม่เลิก ทะเลาะกันไม่จบ
ทำไมคนไทยถึงไม่รักกัน ไม่สามัคคีกันเสียที...


ที่ไม่ชอบนัก คือ การที่คนในม็อบ PTV บางคน ปาไข่ ตะโกนด่าทอ เจ้าหน้าที่เทศกิจ จนถึงขั้นปาไข่เข้าใส่ บางคนอารมณ์รุนแรง พูดจาจาบจ้าง พาดพิงบุคคลคนอื่น

มีบางคน มันปากมากไปหน่อย พูดพาดพิงสถาบันอันเป็นที่เคารพของคนไทย!!!

หลายคนเชื่อว่า..
“ถ้าเล่นของสูง ชีวิตจะตกลง ชีวิตจะพลิกผันไปในทางที่แย่ลง”

...
เมื่อไหร่คนไทยจะรักชาติ เหมือนพระเจ้าตากสินมหาราชบ้างนะ

รัฐธรรมนูญมาตราที่ 67 (2)

ดูท่าจะเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที กับการร่างรัฐธรรมนูญ มาตราที่ร่างได้ยากที่สุด
” กรณีที่เกิดวิกฤติการณ์ เกิดทางตันทางการเมือง หรือเกิดภาวะคับขันทางการเมืองขึ้น จะให้มีการเชิญประชุมประมุขหลายฝ่าย ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี นิติบัญญัติ, ศาล.. เพื่อหาทางออกทางการเมือง….”

คิดไปไกลถึงอาจจะมีการตั้งนายกฯ ขึ้นมาแก้ไขวิกฤติ เพราะไม่อยากให้เกิดการปฏิบัติ รถถังออกมาแล่นอีกครั้ง และเกิดการฉีกรัฐธรรมนูญอยู่บ่อยๆ

เมื่อคิดขึ้นมาแล้ว ก็ถูกทักท้วงขึ้นมาว่า จะเป็นการเปิดทางให้คนนอกมาเป็นนายกหรือเปล่า หรืออาจจะทำให้เกิดอำนาจ 4 ฝ่าย จากเดิมที่มี 3 ฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร , ตุลาการ



แล้วคณะบุคคลที่จะมาร่วมประชุมนี้ เอาอำนาจประชาชนมาใช้แทนได้อย่างไร

ที่คิดเช่นนี้สืบเนื่องมาจากการเกิดวิกฤติการณ์ทางการเมืองในช่วงปี พ.ศ. 2549

ดูท่าจะวุ่นวายไม่จบ สำหรับการเมืองไทย ไม่ว่าจะร่างดีอย่างไร นักการเมืองก็สามารถพลิกแพลงให้เกิดประโยชน์เพื่อตัวเองได้ตลอดเลย..

เทคนิคการแก้ไขชื่อคนเขียนบันทึกใน blogspot

ในการเขียนบันทึก หรือเข้าไปเขียน comment ใน blog ต่างๆใน blogspot นั้น
เราสามารถทำการเปลี่ยนชื่อได้ตามที่ต้องการ
เมื่อทำการ log in เข้าระบบ ชื่อที่เปลี่ยนใหม่ จะปรากฏโดยอัตโนมัติทุกๆบันทึก หรือความเห็นที่เข้าไปเขียน
และเมื่อเปลี่ยนชื่อใหม่ ทุกๆที่ที่เคยเข้าไปเขียนไว้ จะเปลี่ยนตามชื่อที่เปลี่ยนไปนั้นโดย

1. login เข้าสู่ระบบของ blogger.com
2. เข้าสู่หน้า Dashboard ดังภาพ แล้วคลิกที่ Edit Profile (or View) (ซึ่งอยู่ด้านขวา ..ดังภาพในข้อ 3)

Screenshot: Dashboard


3. ทำการเปลี่ยนชือในส่วน Display Name ตัวอย่าง ชื่อ Biz stone คลิกแก้ไขที่ Edit Profile
(คุณสามารถใส่รูปภาพได้ตามต้องการ หากไม่ต้องการ ปล่อยว่างไว้)
Edit Profile

4.ดูที่ส่วน Identity section ทำการเปลี่ยนชื่อที่ Display Name:
ซึ่งสามารถพิมพ์้ภาษาไทยได้

Nickname

5. เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว คลิกปุ่ม save

Save your Profile

หมายเหตุ
สำหรับรายละเอียดในส่วน Privacy
กรณีที่ไม่ต้องการให้ข้อมูลส่วนตัวถูกเผยแพร่ สามารถคลิกเครื่องหมายถูกออกจาก check box ทุกอัน

Share my profile
Show my real name
Show my email address

Show my blogs

มุมมองแหลมคม จาก วาทกรรม-วรรณกรรม เรื่อง "การบรรยายในที่ประชุมสมาคมนักวิชาการแห่งชาติ"

เข้าไปอ่านบันทึกที่ http://anan.blogrevo.com/
ในเรื่อง "การบรรยายในที่ประชุมสมาคมนักวิชาการแห่งชาติ"
อ่านแล้วชอบใจ แต่คลิกเพื่อเขียนความคิดเห็นไม่ได้เลย
พอคลิกแล้ว ระบบฟ้อง

Bad Request
Your browser sent a request that this server could not understand.


สังเกตที่อยู่ลิงค์

การบรรยายในที่ประชุมสมาคมนักวิชาการแห่งชาติ
http://anan.blogrevo.com/2007/03/28/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e/

ห้องใต้ดิน
http://anan.blogrevo.com/2007/03/27/%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%99/


เรื่องห้องใต้ดิน เข้าไปเขียนความเห็นได้ แต่ เรื่อง การบรรยายในที่ประชุมสมาคมนักวิชาการแห่งชาติ เขียนไม่ได้ อาจเป็นเพราะตั้งชื่อเรื่องยาวเกินไป
ระบบของ blog wordpress ใช้ชื่อภาษาไทยเป็น ลิงค์




ไม่เป็นไรครับ เอาข้อความที่โดนใจมาแปะไว้ในที่นี้ ถ้าคุณสุขพงศ์เปิดเจอ ค่อยกลับไปแก้ไขให้เข้าไปเขียนความเห็นได้ละกันนะครับ

"ทุกวันนี้พวกคุณบอกเราว่าต้องเข้าใจคนรุ่นใหม่ก่อน โธ่, พูดจาทำเป็นพี่เลี้ยงเด็กอะไรอย่างนั้น ไหนใครบอกผมทีสิว่าตลอดเวลา 20 ปีนับจากเราพูดวลีนั้นเป็นครั้งแรก-และพูดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เราเข้าใจอะไรเกี่ยวกับคนรุ่นบ้าง, ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็เถอะ ทานโทษเถอะครับ, มนุษย์เป็น ๆ ที่มีอยู่ในคนรุ่นเรานั้น หากเรายังไม่เข้าใจ แล้วเราจะเอาพื้นฐานอะไรไปเข้าใจคนรุ่นใหม่ ๆ นี้ล่ะ ?"



คนจุดตะเกียง : อ่านแล้ว นึกถึงคุณภาพการศึกษาของคนรุ่นใหม่ที่สู้คนรุ่นก่อนไม่ได้เลย หลายคนคิดไม่เป็น ทำอะไรไม่ค่อยเป็น พึ่งพาแต่เทคโนโลยี
อาจเพราะคนรุ่นใหม่ เอาเวลาไปคิดกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมากเกินไปก็ได้ จนทำให้ผู้ใหญ่ที่คิดเรื่องที่เป็นเรื่อง ไม่เข้าใจความคิดของคนรุ่นใหม่



"ตอนนี้แม้เรามีอะไรเจริญขึ้นมามากมายขนาดไหน คนก็ยังไม่สามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้ หากเขาไม่ได้ยืนยัน—ทำบัตรประจำตัวประชาชนเสียก่อน คุณครับ เฉพาะคนในศตวรรษนี้จริง ๆ ที่การยืนยันตัวตนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิทธิพื้นฐานในการเอาตัวให้รอด มันเป็นเรื่องของตัวตนที่เตลิดมากเกินไปแล้ว นั่นน่ะ คุณอย่าปฏิเสธเชียวว่าไม่ได้เป็นผลจาก มนุษย์ที่อยู่ด้วยกันมากเกินไปโดยที่ได้รับเสรี ทั้งที่เขายังไม่พร้อมและไม่มีพื้นฐานในการสนับสนุนให้เสรีนั้นเป็นไปเพื่อ จุดหมายที่ “มนุษย์ผู้อยู่ร่วมกัน” พึงมี"




คนจุดตะเกียง : อ่านแล้ว นึกถึงคนไทยที่ไม่เคยรับรู้ในสิทธิของตนเอง ถูกละเมิดสิทธิหลายอย่างโดยไม่รู้ตัว เช่น สิทธิของผู้บริโภค สิทธิในการรับรู้ข่าวสาร
การดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ต้องเดินไปตามรูปแบบหลายอย่างที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตเลย ชีวิตคนเราต้องมีบางสิ่งเพื่อให้ชีวิตดูสมบูรณ์พร้อม ไม่งั้น คงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบันได้

"เรื่องที่คุณบอกว่าความจริง ไม่ได้มีมาตรฐานเดียว แต่คุณกลับใช้คำ “มาตรฐาน” กับ “ความจริง” นั่นจะไม่เป็นการเอาเปรียบความจริง ไปหน่อยหรือ ? มันจะไม่เป็นการเอาคำที่ความจริงไม่ได้เป็นคนพูดมาอ้างว่าความจริงพูดเพื่อ ทำให้เกิดการคล้อยตามไปหรือ ? ลองคิดดูนะครับว่าในโลกนี้ร้อยปีจะมีคนที่เรากล้าพูดว่าแสวงหาความจริงสัก กี่คน"

คนจุดตะเกียง : นึกถึงกรณีผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองใส่ "เกียร์ว่าง" จริงๆเลย

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2550

หนุ่มบ้านเฮา สาวโรงงาน ของ คู่รัก คู่อ้อน ศร-อ้อ


อัลบั้มเพลงคู่ เป็นงานที่หลายคนชอบฟังมากๆ ได้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเพลงที่ฟังกันทั่วๆไป ที่ร้องคนเดียว แต่นานๆจะมีสักครั้งหนึ่งที่จะมีอัลบั้มร้องคู่กันออกมา เพราะลงทุนไปแล้ว ได้เงินเท่าไร ต้องมาหาร 2

ศร สินชัย และ ดอกอ้อ ทุ่งทอง จับคู่กันมาร้องเพลงคู่ชุด คู่รัก คู่อ้อน ตอนที่รู้จัก 2 คนนี้ตอนแรกๆ ไม่นึกว่า จะได้มาร้องเพลงคู่กันได้ ถ้าศร สินชัย ไปจับคู่ร้องเพลงกับ รัชนก ศรีโลพันธ์ และ ดอกอ้อ ไปคู่กับ มนต์แคน แก่นคูน เวลายืนคู่กัน จะดูดีกว่า

เพราะ ศร กับ รัชนก ผิวคล้ำๆ เข้ากันได้ ส่วน มนต์แคน กับ ดอกอ้อ ก็อีกแบบหนึ่ง

แต่พอศร กับ ดอกอ้อ มาร้องคู่กัน อ๊ะ น่ารักเหมือนกันแฮะ

เพลง หนุ่มบ้านเฮา สาวโรงงานฝีมือการแต่งของ ครู สลา คุณวุฒิ เรียบเรียงดนตรีโดย อ.บอย ธีระพงศ์ ศักดิ์แก้ว
Music video เป็นการสร้างฉากให้ทั้งคู่ยืนร้องเพลงโต้ตอบกัน ที่ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

นึกว่า จะไปถ่ายทำในสถานที่จริง เหมือน MV หลายเพลงของศร สินชัย

ฟังเนื้อเพลงแล้ว อ้อนกันน่ารักจริงๆ

ศร : วันสงกรานต์กลับบ้านเฮาอยู่บ้อ ดอกอ้อ : ก็กลับละเน๊าะก็อยู่โรงงานตั้งนาน ศร : คึดฮอดอ้ายแม่นบ่ ดอกอ้อ : คึดฮอดแม่พ่อและคึดฮอดบ้าน

เสียงร้องแหลมๆกับเสียงทุ้มๆประสานกัน ฟังแล้วม่วนไปอีกแบบ ศรร้องโต้ไปก็ทำท่าน้อยใจสาวดอกอ้อที่ร้องออกมาแบบตอบไม่ตรงกันใจ จนสาวดอกอ้อร้องแซวว่า หัวยังไม่ล้านเลย อย่าใจน้อยสิ

2 คู่รักที่อยู่คนละแห่ง ติดต่อกันทางโทรศัพท์ แต่มือถือไม่ค่อยเป็นใจ เกิดสัญญาณมือถือหายไป ซึ่งคู่รักหลายคนก็เจอปัญหานี้ เลยถูกหยิบมาร้องในส่วนท้ายของเนื้อเพลงนี้

ศร : ....สัญญาณ 2 ขีด ขยับนิดเดียวคลื่นหาย ดอกอ้อ : น้องกะคือกัน เว้านานก็ย้านเจ้านาย งั้นพอซำนี้เด้ออ้าย ไว้เจอกันที่บ้านเฮา สัญญาเจอกันที่บ้านหลังเก่า กระท่อมใจเหงา...

ดอกอ้อ :.... จ้า เดี๋ยวพ่อกัน ศร : คึดฮอดหลายเด้อ ดอกอ้อ : จ้า..คือกัน

ถ้าใครได้นั่งชม MV เพลงนี้แล้ว หัวใจรักคงจะสดชื่นยิ่งขึ้น





ข้อมูลเพิ่มเติม
รายชื่อเพลงในอัลบั้ม
CD Karaoke ศร สินชัย * ดอกอ้อ ทุ่งทอง หนุ่มบ้านเฮา สาวโรงงาน

1. หนุ่มบ้านเฮา สาวโรงงาน (ศร สินชัย - ดอกอ้อ ทุ่งทอง)
2. ค่าดองน้องออกช่วย (ศร สินชัย - ดอกอ้อ ทุ่งทอง)
3. อิจฉามือถือ (ศร สินชัย - ดอกอ้อ ทุ่งทอง)
4. มองจันทร์วันคึดฮอด (ดอกอ้อ ทุ่งทอง)
5. ผญาฮักจากคนคอย (ศร สินชัย)
6. ซ่อมฮักที่บ้านเฮา (ศร สินชัย - ดอกอ้อ ทุ่งทอง)
7. บ้านอ้ายเอิ้นว่าฮัก (ศร สินชัย - ดอกอ้อ ทุ่งทอง)
8. คิดได้จั่งใด๋ (ศร สินชัย)
9. คึดนำเขาเฮ็ดหยัง (ดอกอ้อ ทุ่งทอง)
10. สั่งนางข้านโพน (ศร สินชัย - ดอกอ้อ ทุ่งทอง)

"หัวใจรัก"

"หัวใจรัก"ในครั้งนี้
เธอรู้แล้วว่า..เธอได้พบกับความรักของผู้ชายคนที่ใฝ่หามาเนิ่นนานแล้ว..
ชาย..ผู้ซึ่งเป็นทั้งเพื่อน..พี่..และคนรัก
แม้ว่า..ความรัก..จากเค้า..จะไม่แสดงออกด้วยคำพูด..แต่
การกระทำ..เพื่อคนที่เค้ารัก..มากมาย..เพื่อที่จะทำให้รักมีคุณค่า
ให้คนที่เค้ารักมีความสุข..แค่เพียงจากแววตาของเธอที่เปล่งประกาย
ให้คนที่เค้ารักหายคลายร้อน..จากเศษกระดาษที่พัดวีให้
ห่วงใยใส่ใจดูแลคนรักของเค้า..ด้วยความที่เธอเป็นคนขี้ลืม
เค้าต้องคอยเทียวถามเธอ..ขณะเดินทาง..ลืมอะไรมั้ย..เก็บครบหรือยัง
กระเป๋าครบทุกใบหรือเปล่า
สิ่งต่างๆ เหล่านี้
ในตัวผู้ชายคนนี้..เธอ..ซึ่งหัวใจมิใช่หินผา
มีหรือที่จะไม่ซึมซับ..และรับเอา.."หัวใจรัก" จากเค้ามาโดยง่าย
มิใช่ง่ายเลยสำหรับเธอ..ในการจะรักใครสักคน
ใคร ..ที่จะเข้ามาครอบครอง.."หัวใจรัก"..ของเธอ..
ด้วยเธอ..ผู้ได้รับบาดแผลและความบอบช้ำ..จากรัก..เมื่อครั้งวันวาน
จนหัวใจด้านชากับรัก..มาช้านาน
..แต่..
เค้า..ได้พิสูจน์แล้วถึง..หัวใจรัก..ที่มีต่อเธอ
ซึ่งแม้ว่า..จะน้อยด้วยคำพูด..แต่มากด้วยการกระทำ
วันนี้..เค้า..ได้ "หัวใจรัก" จากเธอไปแล้ว...

บันทึกรักจากชายคนหนึ่ง ; รอยยิ้มของเธอ....ที่รอคอย

บนเส้นทางและระยะเวลาของความรักของคนคู่หนึ่ง ย่อมมีทั้งช่วงเวลาที่สุข และทุกข์ ช่วงเวลาที่เข้าใจกัน และไม่เข้าใจกัน ซึ่งหลายครั้งที่ความไม่เข้าใจกันนั้น เกิดจากเรื่องที่..เข้าใจไปเอง

เช่นเดียวกับความรักของชายคนหนึ่ง กับผู้หญิงของเขาที่เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
ในระยะเวลาที่ผูกพันกันไม่นานนัก ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องการคำตอบ

บางสิ่งบางอย่างก็ยากแก่การเข้าใจ ซึ่งต้องใช้เวลา
บันทึกรักของชายคนหนึ่งได้เก็บประเด็นนี้ไว้...

..กว่าจะได้พบรอยยิ้มของเธอ จากความไม่เข้าใจในวันวาน เขาต้องรอคอยอยู่หลายวัน กว่าที่วันนั้นจะมาถึง..


เมื่อราว 10 วันก่อน ด้วยความไม่เข้าใจบางอย่างของเธอ ทำให้เขาต้องคิดหนัก
ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ได้ถูกถ่ายทอดมาในเมล์ของเธอที่ส่งถึงเขา


++++

เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับ..ฉันกลุ้มใจมากฉันไปหาเพื่อน..เพื่อนถามว่าเป็นอะไร..ฉัน
ไม่รู้จะบอกเพื่อนว่าไง..นอกจากร้องไห้อย่างเดียว..

กลับบ้านพัก 4 ทุ่ม จะนอนก็นอนไม่หลับ
พยายามโทรหาคุณแต่คุณไม่รับเลย ..บางครั้งก็ปิดโทรศัพท์..ฉันคิดมากเลยฉันกลัวว่า..ตัวฉันจะทำให้คุณเกลียดแล้ว..คุณบอกให้เวลาฉัน 48 ชั่วโมง
คุณรู้มั้ยแค่หลังจากคุณวางโทรศัพท์และปิดไม่ถึง10 นาทีเลย ฉันรู้ตัวเอง
ว่าฉันใช้อารมณ์ตัดสินความรักและความปราถนาดีจากตัวคุณ
คุณอยากให้ฉันมีความสุข..กับสิ่งที่ฉันชอบ
..แต่ฉันแปรเจตนาของคุณเป็นอย่าง
อื่น..ฉันดูถูกความรักของคุณ..คุณให้ฉันได้อธิบายได้มั้ยว่าเพราะอะไร
..ฉันรอถึง 48 ชั่วโมงเหมือนที่คุณว่าไม่ได้
คุณจะยกโทษให้ฉันได้มั้ย..

ฉันทำของขวัญวันเกิดให้คุณแล้วเมื่อคืนหลังจากที่ฉันหาเรื่องคุณ
คุณเข้าไปอ่านหรือยัง..จริงอย่างที่คุณพูด



ฉันฝันว่าโทรหาคุณแล้วคุณถามว่าฉันกินเหล้าหรือเปล่า..ฉันบอกว่าฉันไม่ได้กิน..
เพราะคุณไม่อยากให้ฉันกินเวลากลุ้มใจ
แล้วฉันก็ตื่นขี้นมาเมื่อตอนตี 2 เศษๆ โทรหาคุณ ติด
มีสัญญาณ แล้วก็ส่งอวยพร" happy brith day.ขอโทษนะ " ให้คุณ
คุณจะเชื่อฉันหรือเปล่าฉันไม่ได้กินเหล้าหรือเบียร์เลย

ฉันนั่งคิดทบทวนและก็เปิดบันทึกรักของเราอ่าน

เช้านี้ฉันตาบวมหมดเพราะเมื่อคืนร้องไห้ตลอด
..ฉันกลัว..กลัวว่าคุณจะไม่รักฉัน
เหมือนเดิมแล้ว..ฉันกกลัวสารพัดเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณ
แล้วคุณนอนหลับมั้ย
..ที่รัก..ฉันเสียใจมากกับการกระทำของตัวเอง
ภาวนาให้ถึงเช้าเร็วๆ จะได้ ครบกำหนด 48 ชั่วโมง

จน 6 โมงเช้าก็ส่งข้อความหาคุณอีก
รายงานการส่งคุณได้รับแล้ว ..แบตเตอรีโทรศัพท์หมด..ไม่มีที่ชาร์ทเพราะลืมไว้ที่ทำงาน
..8 โมงเช้าไปทำงานโทรตู้สาธารณะหาคุณ..แต่ไม่มีสัญญาณ

คุณไปทำงาน..วันนี้..คุณได้บอกฉันไว้แล้ว..แต่เมื่อวานมีปัญหา..คุณคงกลุ้มใจ..
ไม่สบายใจ..เหนื่อย..แล้วยังต้องมาเสียใจกับคนบ้าๆ
แบบฉันที่คุณบอกว่า..ฉันมีค่าเหลือเกินสำหรับคุณ

ตอนนี้ฉันยังมีความหมายแบบนั้นในใจคุณอยู่หรือเปล่า..

ฉันอยากไปหา..ไปกอดคุณและอยากจะซบไหล่ของคุณร้องไห้เหลือเกิน..เวลาที่คุณให้ฉัน
ทบทวนมันนานเหลือเกิน..นานจริง ๆ
คุณอยู่ไหน..ทำอะไรอยู่..เปิดโทรศัพท์คุยกับ
ฉันได้มั้ย..ฉันขอไม่รอเวลา 48 ชั่วโมงได้มั้ย..

ฉันรู้แล้วว่าฉันต้องการอะไร..คุณไม่ได้เป็นที่พักใจยามเหงา..คุณเป็นมากกว่า
นั้น..คุณคือความจริงที่ปราถนา..ฉันได้อ่านบทกวีของ
คาลิล แล้ว ถ้าคุณจะบันทึกให้ฉันได้อ่าน..ฉันก่านแล้วค่ะ..และมันเจ็บปวดเหลือเกิน..




ในอีก 10 กว่าวันต่อมา เมื่อสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ ได้ทำให้เธอ และแล้ว สิ่งที่ตั้งใจไว้ ก็บังเกิดผล เธอได้รับข้อมูลข่าวสารในสิ่งที่เธอชื่นชอบ อย่างคาดไม่ถึงมาก่อน ทำให้เธอเกิดความสุขอย่างล้นเหลือ ...

กว่าที่เขาจะได้รอยยิ้มของเธอ...ที่รอคอย เมื่อ 10 วันที่แล้ว ก็เกือบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน....

นี่คือ ข้อความจากเธอที่ส่งถึงเขา ในวันที่มีรอยยิ้มของเธอ...




ความรัก Date: Wed, 28 Mar 2007


คุณ..จ๋า..

เป็นไงมั่งวันนี้งานหนักมั้ย
...เหนื่อยหรือเปล่าจ๊ะ..ส่งใจมาใกล้ชิด คุณทุกวันนะค่ะ..อย่าเพิ่งน้อยใจฉันนะ..เมื่อบ่ายนี้ฟังดูยังไงก็ไม่รู้..พิกลอยู่
เหมือนกัน..ฉันรู้ว่าคุณหวงฉันนะหึงด้วยหรือเปล่าค่ะ...แต่หัวใจฉันก็ปิดตาย
สำหรับคุณคนเดียวแล้วนะ..คุณก็น่าจะรู้ดีนะ..คุณทำให้ฉันมีความสุขเสมอ..เมื่อ
เจอกัน..หรือแม้ในความคิดถึงก็เป็นสุขตลอด..

ฉันอยากจะทำให้คุณมีความสุขจังเลย..
ทำไงน๊า..แต่วันนี้มีรางวัลให้คุณนะ
..คิดไว้แล้วกันนะค่ะ ว่าจะอยากได้อะไร


เหมือนเรา..คิดถึงกัน..อยู่ไกลกัน..รอเวลาให้ได้เจอกัน...และห่วงใยกัน..

..แต่คุณเชื่อมั้ย..ตอนจากกันนี่ซิมันทรมานนะ
..จำวันที่ไปเที่ยวที่ภูกุ้มข้าวได้มั้ย..คุณรอส่งฉันอยู่ข้างล่าง..ฉันอยากจะร้องไห้จังเลย..แล้ววิ่งเข้าไปกอด
คุณบอกว่าฉันคิดถึง..และไม่อยากจากคุณไป


***ถ้าเป็นฉันก็อยากจะหลับไปในซอกไหล่อุ่นๆ
ของคุณ และเสียงห้าวๆ ของคุณที่กล่อมให้ฉันนอนหลับฝันดี***

การทำ blog แบบไม่เหงาใจ เทคนิคการติดตามดูอย่างลึกซึ้งว่า มีคนเข้ามาดู blog ของเราขนาดไหน

สำหรับคนที่สร้าง blog เขียนบันทึกในหลายๆที่ เขียนบันทึกไปแล้ว ดูเงียบๆเหงาๆ ไม่รู้ว่า มีใครเห็นหรือเปล่า มีคนมาเปิดอ่านบ้างไหม เขียนมาตั้งนาน ไม่มีใครมาเขียนความเห็นไว้มั่งเล้ย

นานวันไป ชักเหงาใน ท้อใจ จนเลิกเขียนไปเลย

แต่เรามีเทคนิคการติดตามดูอย่างลึกซึ้งว่า มีคนเข้ามาเปิดดู blog ของเราขนาดไหน แม้ว่า จะไม่มีคนมาเขียนความเห็น แต่ถ้าเราเห็นร่องรอยคนที่เข้ามาดูบันทึกของเรา ว่ามาจากที่ไหน เวลาไหน เข้ามาดูกี่นาที มาตอนกี่โมงกี่ยาม ฯลฯ

จะทำให้เราเห็นความลับหลายอย่างซ่อนอยู่

เทคนิคที่ว่านี้ ไม่ยากครับ โดยการติดตัวนับสถิติหรือ stat counter เข้าไปเลย
บางคนอาจจะอาย ที่จะติดสถิติที่โชว์ตัวเลข อายตัวเลขที่น้อยกว่าชาวบ้าน
ตอนเริ่มต้น ก็เริ่มจากตัวเลขน้อยๆ นานวันไป มันก็เพิ่มขึ้นเอง
การที่มีบันทึกให้อ่านเรื่อยๆ คนก็จะได้เข้ามาอ่านเรื่อยๆ ถ้านานๆเขียนบันทึกที ใครจะเข้ามาอ่านบ่อยๆล่ะครับท่าน ถ้าเข้ามาแล้ว เห็นบันทึกเก่าๆหลายหน คนดูก็เลิกเข้ามาดูเหมือนกัน


ตัวนับสถิติที่แนะนำให้ติด เพราะให้ข้อมูลที่ละเอียดมาก คือ sitemeter นั่นเอง

http://www.sitemeter.com/


ตัวนับสถิติตัวนี้ เก็บข้อมูลละเอียดมากๆ โดยคุณที่มีบล็อก สามารถสมัครได้ฟรี จะได้ source code ที่เป็น Java script แล้ว Code เอา code ไปวางไว้ในบล็อกของคุณ แต่นี้ก็เรียบร้อย

แต่มีหลายบล็อก ไม่ยอมให้ใส่ code java ลงไป ให้ใส่แต่ code ธรรมดาๆ ซึ่ง site meter ก็มีเช่นกัน แต่มันจะเก็บข้อมูลไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่

ลองมาดูตัวอย่างข้อมูลผู้เข้าชม blog คนจุดตะเกียงแห่งนี้ที่ sitemeter เก็บไว้


General
Summary
Who's On?
Traffic Prediction
Recent Visitors
By Details
By Referrals
By World Map
By Location
By Out Clicks
By Entry Pages
By Exit Pages
Visits
Day Week Month Year
Visits and
Page Views
Day Week Month Year
Page Ranking
Entry Pages
Exit Pages



Summary - บอกภาพรวมสถิติ (total) มีจำนวนคนเข้าดูทั้งหมดเท่าไหร่ จำนวนเฉลี่ยต่อวัน(Average Per Day), ระยะเวลkเฉลี่ยที่อยู่ใน blog กี่นาที (Average Visit Length), ชั่วโมงที่ผ่านมา มีคนเข้ามาดูกี่คน (Last hour), ยอดรวมผู้ชมในวันนี้(today), ยอดรวมผู้ชมของสัปดาห์นี้ (This week)

Who's On? - มีคนที่กำลังออนไลน์ ณ เวลานั้นกี่คน ใครบ้าง

Traffic Prediction - ทำนายแนวโน้มจำนวนผู้ชมในช่วงเวลาอันใกล้ จะเข้ามากี่คน

Recent Visitors
By Details-
By Referrals - ดูเวบไซต์ที่คลิกเข้ามาเจอ blog เรา
By World Map - แผนที่แสดงพิกัดผู้เยี่ยมชม
By Location - แจ้ง สถานที่ตั้ง ip พิกัดของผู้เยี่ยมชม
By Out Clicks - บอก url เวบไซต์ที่คลิกออกจากที่นี่
By Entry Pages -
By Exit Pages - บอกหน้าที่อยู่ใน blog ก่อนออกไปที่อื่น

Visits
Day - กราฟสรุปข้อมูลผู้เข้าชมใน 1 วัน รายงาน 24 ชั่วโมง
Week - กราฟสรุปข้อมูลผู้เข้าชมในรอบ 7 วัน
Month - กราฟสรุปข้อมูลผู้เข้าชมใน 30 วัน
Year - กราฟสรุปข้อมูลผู้เข้าชมในแต่ละเดือน

ฯลฯ


มีอีกเพียบเลยครับ ลองคลิกๆดูละกัน


เมื่อคุณเปิดดูสถิติของ blog จะทำให้คุณไม่เหงาใจอีกต่อไป
และยิ่งเห็นจำนวนผู้ชมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ย่อมจะทำให้หลายคนมีกำลังใจในการเขียน blog ต่อไป เพราะมีคนเข้ามาดูนี่นา ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่คิดซะหน่อย...

ภูมิปัญญาเกษตรผสมผสานสู่วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง : นายเหรียญ เจียมทอง

พื้นที่การเกษตรในจังหวัดบุรีรัมย์ ดินส่วนใหญ่เป็นดินทราย มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้ต่ำ มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ บริเวณที่ลาดชันมีการกัดเซาะและกัดกร่อนสูง ค่าความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 4.4-5.5 ในฤดูฝน ส่วนใหญ่เกษตรกรใช้พื้นที่ในการปลูกข้าว ซึ่งให้ผลผลิตต่ำ ส่วนที่เหลือถูกทิ้งให้เป็นแปลงป่าละเมาะ หรือป่าปลูกหรือบางแห่งมีการปลูกไม้ยืนต้นให้เห็นอยู่ทั่วไป

ปัญหาความจำกัดของทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำและคุณสมบัติของดิน ทำให้ นายเหรียญ เจียมทอง สมัครเข้าเป็นหมอดินอาสาของกรมพัฒนาที่ดิน และได้นำพื้นที่ของตนเองเข้าร่วมในโครงการปรับปรุงบำรุงดินของสถานีพัฒนาที่ดินบุรีรัมย์

โดยการริเริ่มการปรับปรุงบำรุงดินด้วยการทำปุ๋ยหมักใช้เอง การปลูกปุ๋ยพืชสด เช่น ถั่วพุ่มดำและถั่วเขียวไถกลบก่อนลงมือปลูกงาดำขายเป็นรายได้เสริมนอกเหนือไปจากการทำไร่มันสำปะหลัง ไร่ปอ และไร่อ้อย ซึ่งยิ่งทำการเกษตรมายาวนานวันเท่าไร ก็สังเกตเห็นว่าดินที่ผ่านการปลูกพืชในบริเวณนั้น หน้าดินเป็นดินแข็ง แน่นทึบ ไม่อุ้มน้ำ



ในปี 2546 จึงได้เริ่มปลูกแฝกตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่พัฒนาที่ดินบุรีรัมย์ ซึ่งได้แนะนำเกี่ยวกับหญ้าแฝกมีระบบรากที่ลึก ทนต่อความแห้งแล้งได้ดีและสามารถหยั่งรากลึกทะลุชั้นดินแข็งไปได้ทั้งจะช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุยดีขึ้นได้ ซึ่งปรากฏว่าในปี 2547 มีฝนทิ้งช่วงที่ยาวนานเกือบ 6 เดือน และหญ้าแฝกที่ปลูกไว้ไม่เจริญเติบโตและตายไปบางส่วน หากแต่บริเวณโคนกอหญ้าแฝกที่รอดชีวิต กลับพบว่าดินร่วนและชุ่มชื้นมากกว่าเมื่อเทียบกับบริเวณที่ไม่มีหญ้าแฝกปกคลุม

บนพื้นที่ประมาณ 60 ไร่ ปัจจุบันได้หันมาทำการเกษตรแบบผสมผสาน คือ นาข้าวหอมมะลิ 16ไ ร่ ขุดบ่อเลี้ยงปลา และปลูกผักสวนครัวและไม้ผลบนขอบบ่อขนาด 2 ไร่ ปลูกปอเทือง 10 ไร่ และปลูกงาดำ 10 ไร่

ลดการใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมีโดยการผลิตปุ๋ยหมักจากสารเร่ง พด.1 ของกรมพัฒนาที่ดิน ผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากสารเร่ง พด.2 ปลูกพืชปุ๋ยสด ปรับปรุงบำรุงดิน เช่น ถั่วพร้า ถั่วพุ่ม ตลอดจนใช้หญ้าแฝกเป็นพืชนำร่องในการฟื้นฟูดิน ที่ผ่านการปลูกอ้อยมาอย่างยาวนานจำนวน 22 ไร่




จากการศึกษาทดลองจนเห็นว่า ดินได้รับการฟื้นฟูตามแนวทางที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่บุคคลทั่วไปและได้เผยแพร่ความรู้แก่ชุมชน ประยุกต์ใช้ความรู้จนเป็นผู้นำอาชีพด้านการเกษตรและใช้พื้นที่ของตัวเอง ในการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรของชุมชนในปัจจุบันอีกด้วย โดยได้จัดตั้งกองทุนผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยหมักชีวภาพขนาดกำลังผลิต 300 ตันต่อปี และปุ๋นอินทรีย์น้ำ ขนาดกำลังผลิต 33,000 ลิตรต่อปีพร้อมทั้งสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ด้านการพัฒนาที่ดินประจำอำเภอ จำนวน 12 กลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ทุกตำบลฝยอำเภอคูเมือง จ.บุรีรัมย์ มีสามชิกรวม 600 ราย




นายเหรียญ เจียมทอง
หมอดินอาสาดีเด่นชนะเลิศ กรมพัฒนาที่ดิน ปี 2548
24 หมู่ 2 ตำบลคูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์

ที่มา ; ภูมิปัญญาเกษตรอินทรีย์ตามวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง โดย กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กันยายน 2549

รักเร้นลับของคาลิล ยิบราน (Beloved Prophet)

จดหมายของแมรี
3/4 ถนนมาร์ลโบโร, บ๊อสตั้น
16 กุมภาพันธ์ 1912

...ฉันอยากจำแลงกายได้
จะรีบบินมาหาคุณทันทีที่รู้ว่าคุณไม่สบาย
อยากมาสู่คุณเช่นเดียวกับแม่ของฉันเคยกกกอดฉันยามป่วยไข้
อยากเป็นเสมือนแม่ของคุณในบางครั้ง
ถ้าจะพูดถึงการให้ความอบอุ่นทางอารมณ์
ฉันจะทำให้คุณรู้สึกสงบ..มีความสุข..และปลอบประโลมคุณให้คุณรักฉันมากขึ้น
คำนึงถึงฉันมากกว่าที่เคย..เหมือนลูบไล้วด้วยน้ำใสเย็น
จนคุณไม่รู้สึกป่วยอีกต่อไป

...ความทรงจำของฉันมักจะคละเคล้าวัยเยาว์อันแสนสุขไปด้วยเสมอ
ช่วงนั้นช่างเกษมสันต์
เมื่อแม่ยังอยู่ด้วย
รู้สึกเหมือนมีโอสถวิเศษคอยหยอดป้อน
ให้ชุ่มชื่นผาสุกตลอดเวลา
แต่คุณ
คุณบอกว่าพระเป็นเจ้าเสด็จมาทรงเยือน
ถ้าเช่นนั้นคุณได้รับมากกว่าที่ฉันคาดคะเนไว้อีกคุณคงสงบสุขในความสันโดษ
สวดมนคร์เผื่อฉันนะยอดรัก
ฉันสวดให้คุณมีความสุขสบายไม่เว้นแม้ราตรีเดียว

ออกไปสูดอากาศบริสุทธิของสวรรค์บ้างนะจ๊ะ
ยอดรัก
ขอร้องให้ไม่ละเลยตัวเอง
..คุณก็รู้ว่าหัวใจที่อยู่กับคุณเป็นของ...

แมรี่


จดหมายของคาลิล
นิวยอร์ค
อังคาร 20 กุมภาพันธ์ 1912


ขออภัยที่ผมไม่ได้ตอบคุณทุกถ้อยคำในจดหมายฉบับก่อน
ผมอยากได้รูปเขียนชื่อ "
หญิงสาวสามนาง" มาไว้ใกล้ๆ
ตัวขณะนี้ อยากพิจารณานาน
ๆ เพราะรูปที่วาดค้างไว้
ยังไม่เสร็จ ผมให้ชื่อว่า
"มิชลีน"
ไม่สวยเท่าที่ต้องการ แต่ผมจะต้องปรับปรุง
ฝีมือตัวเองด้านการแรเงาและแสงสีให้ดีกว่านี้อีกมาก
ผมจะเก็บภาพที่คิดว่าวาด
ไม่เข้าขั้นไว้ต่างหาก
แล้วค่อยมาปรึกษา
คุณถึงภาพที่คุณคิดจะส่งเข้าแสดง
ที่
นิทรรศการ

อยากให้วันนี้เร่งเป็นวันพฤหัสบดีคุณจะได้มาหาผม
อยากให้ ..อีกหลายอย่าง
เต็มที่
ซึ่งผมจะไม่ยอมออกปากเอ่ยถึง
จนกว่าคุณจะมาอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้

ชั่วโมงเอ๋ย
จงวิ่งผ่านไปรวดเร็วจนถึงวันพฤหัสบดี
แล้วผมจะขอให้นาทีเดินล่า
ช้าอืดอาด
เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับคุณนานแสนนาน




จดหมายของแมรี
บ๊อสตั้น
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ปี
1912

คาลิลจ๋า
กำลังเขียนอะไรอยู่ เป็นอย่างไรบ้าง
คิดอะไร งานเสร็จไหม
อยากพบฉันเรื่องอะไร
และคุณสบายดีหรือ?
ทำไมไม่ยืดแขนคุณให้ยาวหกชั่วโมงมากอดฉันที่บ๊อสตั้นนี่?
ผ้าไบผืนไหนอีกนะที่คุณละเลงสีขาวกับรูปเก่าเตรียมวาดใหม่?
มาสู่ความฝันของฉันสิ
เรามาอยู่ในความหวานสุดซึ้งด้วยกันอีกครั้ง
คุณเท่านั้น..ช่วยให้ราตรีเอมโอชเป็นทวีคูณสำหรับ.....

แมรี



จดหมายของยิบราน
นิวยอร์ค
วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 1912
แมรี ยอดรัก ยอดชีวิต
คุณพูดออกมาได้อย่างไรว่าผมพบคุณคราวใดผมเศร้านัก?
อะไร
หนอ
ทำให้คุณคิดเขวไปได้ถึงขนาดนั้น?
อะไรคือความเจ็บปวด
เจ็บอะไรคือความสุขสม?
(คุณสมารถแยกประเภทสองสิ่งนี้ออกจาก
กันได้ไหม)
ผมรู้สึกว่ามีอำนาจสูงส่งอย่างหนึ่งซึ่งนำเราทั้งสองให้มาพบกัน
ได้ประสบความสุขอย่างที่สุด
คละเคล้าความทุกข์และปวดร้าวที่หัวใจ
ซึ่งเป็น
ความรู้สึกที่พรรณนายาก..สดสวย
รื่นรมย์อย่างรวดเร็ว
แมรี่จ๋า
คุณได้ความสุขแก่ผมมากเกินไป ผมปวดหัวใจ
และคุณให้ความทุกข์แก่ผม
มากที่สุดด้วย ดังนี้
ผมจึงรักคุณสุดชีวิต


- อีกอันนึงนะค่ะจะเป็น
ปรัชญาชีวิต
ของคาลิลเหมือนกันซึ่งกล่าวถึง "ความ
รัก"-
อ่านแล้วก็ทำให้คิดถึงคุณ


เมื่อเธอรัก อย่าได้ว่า
"พระเป็นเจ้าอยู่ในดวงใจเรา"
แต่ควรพูดว่า
"เราอยู่ในดวงใจพระผู้เป็นเจ้า"
และอย่าได้คิดว่าเธอสามารถนำแนวทางของความรักได้
เพราะถ้าความรักพบว่าเธอมีคุณค่าพอแล้วก็จะเป็นผู้นำแนวทางของเธอเอง
ความรัก
ไม่มีความปราถนาสิ่งอื่นใดนอกจากที่จะทำตนเองให้สมบูรณ์
แต่ ถ้าหากเธอรัก
และจำต้องมีความปราถนา
ก็ขอให้ความปราถนาของเธอเป็นดังนี้

เพื่อจะละลายและไหลดังธารน้ำ
ซึ่งส่งเสียงเพลงกล่อมราตรี

เพื่อจะเรียนรู้ความปวดร้าว
อันเกิดแต่ความอ่อนโยนละมุนละไมเกินไป
เพื่อต้องบาดเจ็บ
ด้วยความเข้าใจในความรักของตนเอง

และเพือจะยอมให้เลื่อดหลั่งไหล
ด้วยความเต็มใจและปราโมทย์
เพื่อจะตื่นขึ้น ณ
รุ่งอรุณ
ด้วยดวงใจอันปีติและขอบคุณความรักอีกวัน
หนึ่ง
เพื่อจะหยุดพัก ณ
ยามเที่ยง แลเพ่งพินิจความสุข
ซาบซึ้ง ของความรัก
เพื่อจะกลับบ้าน ณ
ยามพลบค่ำ
ด้วยความรู้สึกสำนึกคุณ

และเพื่อจะหลับไปพร้อมกับคำสวดมนต์ภาวนาสำหรับคนรักในดวงใจ
และเพลงสรรเสริญ
บนริมฝีปากของเธอ

”เบอร์โทรนี้มีแฟนหรือยัง” โอ๊ย!!!....เพลงโดนใจสุดๆของหนุ่มตามฝันจากยโสธร “ไผ่ พงศธร”...

ไผ่ พงศธร ออกผลงานเพลงชุดใหม่ คำสัญญาจากหนุ่มบ้านนอก ตั้งแต่เดือน ก.พ.50 ที่ผ่านมา เปิดตัวด้วยเพลงรักโดนใจใครหลายคน ที่ชื่อ เบอร์โทรนี้มีแฟนหรือยัง ฝีมือการแต่งคำร้อง โดย อ.วสุ ห้าวหาญ เรียบเรียงโดย ศราวุธ ทุ่งขี้เหล็ก

งานเพลงชุดนี้ ไผ่ พงศธร เล่น Music video เองทั้ง 10 เพลง


304_538747fbc4b1a164802a4467695af76a.jpg

ที่มาของรูป www.orathaiclub.net

เรื่องของเบอร์โทรใน MV karaoke ของไผ่ เกิดเรื่องวุ่นๆในเพลง สาวนาขาแดนซ์ ที่คนดูเห็นเบอร์โทรใน MV ที่นางเอก MV กดโทรศัพท์ไปหาไผ่ พงศธร แล้วไผ่ก็รับสาย ทำให้คนดูคิดว่า เบอร์ที่เห็น คือเบอร์โทรมือถือของไผ่ พงศธรของจริง


จึงมีข่าวออกมาชี้แจง ขออภัยกันวุ่นวาย

ก็แฟนเพลงของหนุ่มคนนี้ มีมากมาย ใครๆก็อยากจะโทรไปหา เจ้าของเบอร์โทรที่เห็นใน MV คงจะรำคาญ รับสายจนไม่หวาดไม่ไหวแหงๆ

เพลง เบอร์โทรนี้มีแฟนหรือยัง ที่เผยแพร่ในทีวี จึงมีการทำภาพเบลอๆ ในกระดาษที่จดเบอร์โทรไว้ด้วย

เพลงนี้โดนใจตั้งแต่ ท่อนแรกกันเลย

”เจ้าของเบอร์นี้มีแฟนหรือยัง อยากถามทุกครั้ง ที่เธอกดเบอร์โทรหา....”
นั่นสิครับ หลายคนยังเป็นคนขี้อาย อยากถามแต่ไม่กล้า....

”... ติดต่อธุระจนได้ขอเบอร์ ไม่เคยถามเธอ ถึงเรื่องส่วนตัวหัวใจ......”
ใครจะไปกล้าถามล่ะครับ กลัวทำใจไม่ได้ หากเธอตอบว่า มีเจ้าของหัวใจแล้ว....

”.....อยากนั่งสบตาเธอให้หัวใจลืมเหงา....”
แค่ได้ยินเสียงยังเก็บมานอนคิดถึง ฝันถึง ถ้าได้สบตาใกล้ๆ จะเป็นยังไงนะ... อยากสบตาบ่อยๆจัง

และเพลงในท่อนสุดท้าย คือจุดสำคัญที่โดนใจใครหลายคนแบบสุดๆ...

”เจ้าของเบอร์นี้มีแฟนหรือยัง อยากถามสักครั้งก่อนวางสายเธอวันนี้ เผื่อว่าคำตอบตรงกันใจฝันไว้พอดี
จะได้ทุ่มเทเต็มที่ ให้หมดใจนี้คิดถึงแต่เธอ..”

ตัดภาพกลับมาที่ Music video

ไผ่ : ส้มมีแฟนหรือยังครับ
ส้ม : สงสัยว่า จะเป็นคนที่โทรมามั้ง ... แค่นี้นะคะ...

แหม ... ปิดท้าย MV ด้วยความสดชื่นของคนดูหลายคนเลยทีเดียว








เนื้อเพลง

เจ้าของเบอร์นี้มีแฟนหรือยัง อยากถามทุกครั้งที่เธอกดเบอร์มาหา
แต่ไม่กล้าพอพูดผ่านลำคอแค่คำว่าจ้า วางงานที่ทำตรงหน้า เดินวนซ้ายขวาพูดไปยิ้มไป
ติดต่อธุระจนได้ขอเบอร์ ไม่เคยถามเธอถึงเรื่องส่วนตัวหัวใจ พี่ทำงานห่างนานๆเจอครั้งถึงได้อยู่ใกล้ รู้เลยว่าเธอนี้ใช่ พูดแค่หัวใจเธอว่างหรือเปล่า ลำบากตอบไหมถามว่านัดใครไว้ตอนเลิกงาน หากไม่มีพี่รู้จักร้านส้มตำอร่อยสำหรับสองเรา อยากนั่งสบตาพอให้พาหัวใจลืมเหงา ความคิดถึงคงจะบรรเทา ชีวิตหนาวๆคงอุ่นพอดี ***

เจ้าของเบอร์นี้มีแฟนหรือยัง อยากถามสักครั้งก่อนวางสายเธอวันนี้ เผื่อว่าคำตอบตรงกับใจฝันไว้พอดี จะได้ทุ่มเทเต็มที่ใช้หมดใจนี้คิดถึงแต่เธอ

แซมซั่น ส.ศิริพร นักมวยหญิงที่ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา

แม้แต่ผู้ต้องโทษหญิงยังไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา อยู่ในคุก ก็สามารถสร้างชื่อให้ประเทศชาติได้
หลายคน เมื่อถูกขังในคุก ก็หมดหวัง ท้อแท้ ก้มหน้ารับชะตากรรม

แม้แต่คนที่อยู่ในสังคมปัจจบัน เกิดอาการท้อแท้ ยังไม่คิดที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้น ถอดใจท้อถอย ท้อแท้ ไร้กำลังไปซะแล้วสิ


เธอกำลังจะชกมวยชิงแชมป์โลก ถ้างานนี้ ชนะ เธอจะได้รับการอภัยโทษ คือ ลดโทษโดยการปล่อยตัว
เพราะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ

เป็นการชก เพื่ออิสรภาพของชีวิต


แ้ม้ในอดีต เธอจะทำผิดพลาดจนต้องโทษก็ตาม แต่เราควรอยู่ักับปัจจุบันนะครับ
ไม่มีใครอยากถูกตราหน้าว่า ผิดไปตลอดกาล



ที่มาแหล่งข้อมูล มวยสากล
แซมซั่น (ศิริพร) ส.สิริพร
เกิด26 เมษายน 2526
ภูมิลำเนาลพบุรี
สูง160 ซม.
ถนัดขวา
โปรโมเตอร์นริศ สิงห์วังชา
เกียรติประวัติ
สถิติการชกชนะ 7 (น๊อก 2) แพ้ 2 เสมอ 0 รวม 9
วันที่
ผลการชก
คู่ชก
สถานที่ชก
2550

3 เมษายน

VS

อะยากะ มิยาโน

เรือนจำคลองเปรม กรุงเทพฯ

ชิงแชมป์หญิงไลท์ฟลายเวท WBC (ว่าง)

2549

22 พฤศจิกายน

ชนะคะแนน (6)

วิญญู ภราดรยิม

ฉะเชิงเทรา

31 สิงหาคม

ชนะคะแนน (4)

บังอร เกียรติรุ่งเพชร

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต กรุงเทพฯ

10 พฤษภาคม

แพ้คะแนน (10)

นานาโกะ คิคูชิ

เรืองจำคลองเปรม กรุงเทพฯ

ชิงแชมป์โลกหญิงมินิมั่มเวท WBC

20 มีนาคม

ชนะทีเคโอยก 2 (6)

จินดา ส.อมรพระกาฬ

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

10 มีนาคม

ชนะคะแนน (6)

มะลิวัลย์ ปฐมโพธิ์ทอง

เพชรบุรี



ข่าวจาก นสพ.
โดย บ้านเมืองออนไลน์ เมื่อเวลา 10:44:00 วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2550

แซมซั่นสาวพร้อมชกอายกะกรมราชทัณฑ์ส่งชิงแชมป์โลก WBC

กรม ราชทัณฑ์ส่งแซมซั่นหญิง แซมซั่น ส.สิริพร ชกชิงแชมป์โลก WBC กับ มิยาโน อายากะ รองแชมป์โลกชาวญี่ปุ่น เจ้าของฉายา นินจาสาวเจ้าเสน่ห์ หวังสร้างประวัติศาสตร์นักชกหญิงแชมป์โลกที่เป็นผู้ต้องขัง กำหนดดวลกำปั้นวันที่ 3 เม.ย. ณ เวทีมวยชั่วคราว หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เวลา 15.00 น. สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถ่ายทอดสดทั่วประเทศ


เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ห้องประชุมเรือนจำกลางคลองเปรม นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ รองประธานสภามวยโลก WBC เป็นประธานแถลงข่าวการจัดการแข่งขัน ศึกชิงแชมป์โลกมวยหญิง WBC ครั้งประวัติศาสตร์ (World Boxing Council) รุ่น 108 ปอนด์


โดย นายนัทธี กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้รับเกียรติจากสภามวยโลก (WBC) ให้จัดการแข่งขัน ศึกชิงแชมป์โลกมวยหญิง WBC ครั้งประวัติศาสตร์ (World Boxing Council) รุ่น 108 ปอนด์ ระหว่างนักโทษหญิงแซมซั่น ส.สิริพร (น.ญ.ศิริพร ทวีสุข) จากทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง กับ มิยาโน อายากะ รองแชมป์โลกหญิงชาวญี่ปุ่น ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 3 เม.ย.นี้


กีฬา มวยเป็นกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับกรมราชทัณฑ์เป็นอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 48 กรมราชทัณฑ์ได้ร่วมกับสภามวยโลกจัดการแข่งขัน มวยหญิงชิงแชมป์โลก (WBC) รุ่น 105 ปอนด์ ขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่าง น.ญ.วรรณี ชัยเสนา หรือน้องใหม่ ส.สิริพร ผู้ต้องขังหญิงจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง กับนานาโกะ คิคูชิ ฉายา นางสิงห์ร้าย นักชกจากประเทศญี่ปุ่น โดยจัดการแข่งขันที่ สนามมวยชั่วคราว ณ ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง จ.ปทุมธานี ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่านักชกจากญี่ปุ่นชนะน็อกนักชกผู้ต้องขังไทยในยกที่ 7


ในวันที่ 10 พ.ค.49 ได้มีการจัดการแข่งขันอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยกรมราชทัณฑ์ได้ส่ง น.ญ.ศิริพร ทวีสุข ผู้ต้องขังหญิงจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ลงชิงแชมป์โลกรุ่น 105 ปอนด์ กับนานาโกะ คิคูชิ แชมป์โลกจากประเทศญี่ปุ่น ณ สนามมวยชั่วคราว เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งทั้งคู่ได้ชกครบ 10 ยก แต่ด้วยประสบการณ์ที่ด้อยกว่าของ น.ญ.ศิริพร ทำให้นักชกผู้ต้องขังหญิงไทยพ่ายคะแนนไปอย่างหวุดหวิด


จากประสบการณ์การแข่งขันที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ได้นำจุดอ่อนจากการแข่งขันมาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ เพื่อพิชิตเข็มขัดแชมป์กลับมาเป็นของชาวไทย นับว่าเป็นความพยายามของกรมราชทัณฑ์ไทยที่ให้โอกาสแก่ผู้ต้องขังได้พิสูจน์ ความสามารถของตนเอง และพร้อมที่จะกลับตัวกลับใจยึดเป็นแนวทางอาชีพเมื่อพ้นโทษออกจากเรือ


สำหรับ การแข่งขันครั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ได้พิจารณาคัดเลือกให้ น.ญ.ศิริพร ทวีสุข กลับมาทวงแชมป์คืน โดยใช้ฉายาว่า แซมซั่น ส.สิริพร ซึ่งได้ทำการเก็บตัวฝึกซ้อมและหาประสบการณ์อยู่ ณ ค่าย ส.สิริพร จ.ปทุมธานี เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นสังเวียนพบกับรองแชมป์โลกชาวญี่ปุ่น มิยาโน อายากะ ในวันที่ 3 เม.ย. ณ เวทีมวยชั่วคราว หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เวลา 15.00 น. สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถ่ายทอดสด


นายนัทธี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การที่ แซมซั่น ส.สิริพร ลงแข่งขันในครั้งนี้นับเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ต้องขังคนอื่นๆ ให้มีความกระตือรือร้นและสนใจที่จะฝึกฝนกีฬามวยเพื่อใช้เป็นอาชีพภายหลัง จากพ้นโทษออกจากเรือนจำ


ส่วน แซมซั่น ส.สิริพร ได้กล่าวแสดงความพร้อมแก่ผู้สื่อข่าวว่า ตนมีความมั่นใจแต่ตนก็จะไม่ประมาท โดยตนได้ฝึกในเรื่องของความคล่องแคล่วเพื่อที่จะชกได้ไวขึ้น

ม่วนๆมันกับ MV เพลง มักสาวชอนแลน ของ พี สะเดิด

พีรพัฒน์ สวัสดิ์มูล หรือ พี สะเดิด กับผลงานเพลงอัลบั้มชุดใหม่ ตีสองแล้วน้องสาว
มีเพลงสนุกๆที่ไม่น่าพลาดที่จะชมและฟังกัน

เพลง มักสาวชอนแลน เพลงที่บอกถึงความเป็นพี สะเดิด ในอัลบั้มนี้

เวลาที่พี ร้องเพลงเร็วๆ จะออกอาการม่วนซื่นเต็มที่ ในอัลบั้มชุดที่ 2 มีเพลง "เด้อนางเดอ" ที่แดนเซอร์เต้นประกอบเพลงอย่างสนุกจริงๆ ในเพลง มักสาวชอนแลน นี้ แดนเซอร์โยกซ้าย ขวา ส่ายสะโพกกันมันถึงใจจริงๆ



ต้อนรับบรรยากาศช่วงหน้าร้อน ก่อนสงกรานต์ได้แบบม่วนคักๆจริงๆเลย

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2550

เทคนิคการทำ blog กันเป็นทีมที่ blogspot.com

หลายคนเขียน blog เขียนบันทึก สร้าง blog เป็นของตัวเอง หลายบล็อก รุ่ง มีคนติดตามอ่านตลอด แต่หลายบล็อก ค่อยๆเงียบหายไปจากโลก คือ ไม่มีข้อมูลใหม่ๆมาให้ติดตามอ่านอีกเลย

ทำ blog คนเดียว เขียนคนเดียว ก็ท้อใจได้เหมือนกัน

ถ้าสังเกตดูในหลายบล็อก ที่จะมีการอัปเดตข้อมูลทุกวัน อัปเดตกันบ่อยครั้ง เอาอะไรมาเขียนกันนักกันหนา แต่ถ้ารู้เคล็ดลับอย่างหนึ่ง นั่นคือ มีทีมงานช่วยกันเขียน ช่วยกันทำ ทำให้มีข้อมูลใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ คงจะร้องอ๋อกันเลย

การทำ blog เป็นทีม เป็นการร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้เกิดความคึกคัก ไม่เงียบเหงา เปิดเข้ามาดู ก็มีอะไรให้อ่านเรื่อยๆ มีข้อมูลใหม่ตลอด แบบนี้ค่อยน่าติดตาม เปิดเข้ามาดูทุกๆวันกันหน่อย

สำหรับ blogger.com หรือ blogspot.com นั้น เปิดโอกาสให้สร้างทีมทำ blog ขึ้นมาได้เหมือนกันครับ
วิธีการคือ เมื่อ login เข้าสู่ระบบ ไปที่ Dashboard เข้าไปที่แท็บ Setting แล้วคลิกที่แท๊ปย่อย Permission จะเห็นหน้าจอสำหรับจัดการสร้างทีมปรากฏขึ้นมา ซึ่งในตอนแรก จะมีสมาชิกอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งก็คือเจ้าของ blog นั่นเองครับ

ซึ่งในระบบนี้ ถือว่า ทุกคนเป็นสมาชิกในกลุ่ม (Team members) แต่มีสิ่งที่แตกต่างกัน คือ ตำแหน่ง admin ที่มีสิทธิ์สูงสุด ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่เขียนบันทึก แก้ไข และลบบันทึกของสมาชิกทุกคนได้ สามารถชวนคนอื่นมาเป็นสมาชิกได้ , ตั้งสมาชิกธรรมดาเป็น admin ได้ ซึ่งเราสามาถแต่งตั้ง admin ได้หลายคน ซึ่งจะปรับแต่งแก้ไข blog ได้ทั้งหมด

แต่ถ้าเป็น admin หลายคน อาจจะยุ่งกันพอดูนะครับ ต่างคนต่างทำตามใจตัวเอง อาจจะลบ แก้ไขกันวุ่นวายก้ได้

สำหรับสมาชิกทั่วไปนั้น ทำได้เพียงแค่ login เข้ามาในระบบ มาเขียนบันทึก สามารถแก้ไข และลบเฉพาะบันทึกที่ตัวเองเขียนได้เท่านั้น นอกจากนั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้เลย




หากคุณมี account ของ gmail , google account คุณสามารถใช้ account นั้น สร้าง blog หรือเชิญคนอื่นมาร่วมเป็นสมาชิก ทำ blog ร่วมกันได้เลย

เช่น คนจุดตะเกียงอาจจะส่งเมล์ไปเชิญคุณมาร่วมเขียนบันทึกใน บล็อกนี้ และคุณเอง อาจจะเชิญคนจุดตะเกียงไปร่วมเขียนบันทึกที่บล็อกของคุณด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนกัน สร้างบรรยากาศ สร้างสีสัน เติมเต็มมิตรภาพระหว่างกัน ซึ่งคุณสามารถที่จะเชิญเพื่อนคนอื่นๆมาร่วมเขียนบล็อกได้มากมาย

ถ้า blog ใด ที่มีคนเข้ามาติดตามอ่านมากๆ คนอื่นๆ อาจจะเข้าไปเขียนบันทึกและทำลิงค์มายัง blog ของตัวเอง เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ชมได้อีกด้วย ทำให้เกิดชุมชน มิตรภาพระหว่างชาว blog เพิ่มขึ้น


คลิิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย


มาถึงขั้นตอนการเชิญคนอื่นมาเป็นสมาชิกเขียนบันทึกกันบ้าง จากแท็ปย่อย Permission คุณจะเห็นตาราง
Blog Authors เมื่อคุณคลิกที่ปุ่ม Add Authors จะมีแบบฟอร์มให้กรอกอีเมล์ในช่อง Invite more people to write to your blog หลังจากนั้น คลิกปุ่ม invite แล้ว ทาง blogger จะส่งอีเมล์ไปเชิญให้เขามาร่วมทำ blog กับคุณ ซึ่งเป็นอีเมล์ภาษาอังกฤษจาก blogger

เมือว่าที่สมาชิกใหม่ได้รีบอีเมล์เชิญแล้ว คลิกเปิดดู จะเจอข้อความเชิญชวนมาทำ blog ด้วยกันหน่อย (ดังรายละเอียดแนบท้าย ข้างล่าง) ถ้าตกลงก็คลิกตามลิงค์ที่ให้มา แล้วจะเข้าสู่หน้า blogger.com ทันที ถ้ามี account ของ blogger อยู่แล้ว ก็กรอกเข้าไปเลย หากไม่มีก็ create account เพื่อสมัครสมาชิกใหม่ต่อไป

เมื่อล็อกอินเข้าระบบแล้ว สมาชิกใหม่ก็มีสิทธิเขียนบันทึกใน blog ของคุณได้ทันที

เมื่อส่งอีเมล์ไปเชิญชวนแล้ว ไม่ว่าสมาชิกใหม่จะตอบรับหรือปฏิเสธ จะมีรายงานส่งถึงคุณทางอีเมล์ รายชื่อคนที่ยังไม่ได้ตอบรับ จะอยู่ที่ตาราง Invitations ซึ่งคุณสามารถที่จะส่งเมล์ไปเชิญอีก โดยคลิกปุ่ม invite again หรือ จะ Remove ออกไปเลยก็ได้ครับ

สำหรับ blog ที่มีการอัปเดตบ่อยๆ ยิ่งขยันทำ คนยิ่งเข้ามาอ่านบ่อยๆ จำนวนคนอ่าน สถิติจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นใน blog คนจุดตะเกียงแห่งนี้ มีจำนวนผู้เยี่ยมชมเข้ามาดูเรื่อยๆนะครับ

หากท่านใดสนใจ อยากทดลองเขียน blog ใน blog คนจุดตะเกียงแห่งนี้ คลิกที่ comments หรือ แบบฟอรฺ์มส่งอีเมล์ กรอกอีเมล์ และเขียนบอกมาว่า อยากทดลองร่วมเขียนบันทึกใน blog แห่งนี้ด้วย หรืออยากจะเชิญคนจุดตะเกียงไปร่วมเขียนบันทึกใน blog ของคุณเป็นการเพิ่มสีสัน ความมีชีวิตชีวาบ้าง ก็ดำเนินการตามขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นนั้นแหละครับ





/////รายละเอียดแนบท้าย //////////

ตัวอย่างอีเมล์เชิญมาร่วมเขียนบล็อกด้วยกัน

From:" no-reply@google.com
To:ัyour@email
Subject: You have been invited to cont ribute to เธ�เธ�เธ�เธธ เธ”เธ•เธฐเน€เธ�เธตเธข เธ�'s blog



The Blogger user เธ�เธ�เธ�เธธเธ”เธ•เธฐเน€เธ�เธตเธขเธ� has invited you to contribute to the private blog: เธ�เธ�เธ�เธธเธ”เธ•เธฐเน€เธ�เธตเธขเธ�.

To contribute to this blog, visit:
http://www2.blogger.com/i.g?inviteID=295xxxx447828151xxxx&blogID=229xxxxxxxxxxxxxxxx

You'll need to sign in with a Google Account to confirm the invitation and start posting to this blog. If you don't have a Google Account yet, we'll show you how to get one in minutes.

If you are already a Blogger user, please note that this blog uses the new version of Blogger. To post to เธ�เธ�เธ�เธธเธ”เธ•เธฐเน€เธ�เธตเธขเธ�'s blog, you will access this new version with a Google account, instead of your Blogger account.

To learn more about Blogger and starting your own free blog visit http://www2.blogger.com.

ปราชญ์เดินดิน พลิกที่ดิน 200 ตารางวา กับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงจากยังชีพสู่เลี้ยงชีพ.. ความสุขในบ้านที่ไม่หาซื้อที่ไหนไม่ได้...

รายการปราชญ์เดินดินที่ออกอากาศทางช่อง Modern nine TV เมื่อ 25 มี.ค.2550 เวลา 20.30-21.00 น.ได้นำเสนอเรื่องราวของคนที่ล้มเหลวในชีวิตมาก่อนจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่แล้ว กลับมาพลิกฟื้นที่ดินเพียง 200 ตารางวา ทำเกษตรผสมผสานได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ

สุรชัย มรกตวิจิตรการ วัย 53 ปี หรือ เฮียแดง ผู้ทำสวนเกษตรผสมผสาน อยู่ที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เดิมนั้น เขาเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ในปี 2540 เขาเป็นหนี้อยู่ 8-9 แสนบาท ในขณะนั้นมีเงินติดตัว 2800 บาทเท่านั้น จึงลองเสี่ยงโชค นำเงินที่มีอยู่ไปเล่นม้า เล่นการพนัน ซื้อหวย ยิ่งจนมากยิ่งขึ้น

โชคดีที่ได้ลูกสาวเตือนสติ จึงหันมาปรับตัวใหม่ โดยน้อมรับแนวทางของในหลวงมาใช้ในชีวิต ทำสวนเกษตรผสมผสานในที่ดินของเขา

ในรายการ ฉายภาพการให้อาหารกบ น้ำในบ่อกบจะไหลเข้าไปยังบ่อบำบัดซึ่งมีหญ้าแฝกอยู่ด้วย โคลนเลนไปผสมกับขี้หมู กลายเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ ขี้กบนั้นที่ตกลงสู่บ่อปลา ปลาดุกจะกิน น้ำเสียในบ่อเมื่อบำบัดแล้ว จะปล่อยสู่ธรรมชาติ

พิธีกรสัมภาษณ์แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เริ่มจากการยังชีพสู่การเลี้ยงชีพ เช่นการปลูกพริก คนในชุมชนเห็นเขาทำแต่ไม่มีใครปลูก เมื่อเกิดความต้องการจึงมาถามซื้อ เมื่อเกิดความต้องการสิ่งใดมากขึ้น ก็ทำสิ่งนั้นเพิ่มขึ้น

แนวคิดของเฮียแดงอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ หากไปกู้เงินมาลงทุนอีก คงลำบากกว่านี้

“ความจน จนเพราะอะไร หากเป็นการจนใจนั้น คงแก้ไขยาก
หากเป็นการจนปัญญา จนความรู้ โอกาสของเรายังมี”


ในพื้นที่ 200 ตารางวานั้น เขาทำการเลี้ยงสัตว์ทุกอย่าง ปลูกพืชหลายชนิด เกื้อกูลกันทุกอย่างทั้งพืชและสัตว์ จนไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมเลย

เขาได้กล่าวถึงแนวคิดหนึ่งของในหลวงที่ว่า
” กระบอกไม้ไผ่ แขนไว้ เมื่อเราได้เงินมาเท่าไหร่ เอาเงินมาหยอดใส่กระบอกไว้ จนถึงวันหนึ่งแกะออกมา จะเป็นเงินก้อนใหญ่เหมือนกัน”

ในแต่ละวันที่ผ่านไป มีผู้คนสนใจมาเยี่ยมคุณสุรชัยตลอดเวลา เชิญไปเป็นวิทยากร เดินสายไปตามที่ต่างๆ

คติเตือนใจหนึ่งที่คุณสุรชัยมอบให้ทุกคน
” ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่เงิน แต่ความสุขที่แท้จริง คือ การมีส่วนร่วมระหว่างทุกคนในครอบครัวต่างหาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถใช้เงินซื้อได้”

คุณสุรชัยได้กล่าวถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียง กับแนวคิด 5 ข้อ
1. รู้จักพอประมาณ
2. ทำด้วยเหตุด้วยผล
3. การสร้างภูมิคุ้มกัน หาความรู้ทำอาชีพเสริมขึ้นมาจุนเจือ
4. ใช้ความรู้นำหน้าเงิน ไม่ใช้เงินนำหน้า
5. ใช้คุณธรรมนำหน้า .. รวมกลุ่มเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน เอาปัญหาของแต่ละคนมาช่วยกันแก้ไข


ระเบิดจากในใจ ทำออกมาจากจิตใจของตนเอง

ปัจจุบันนั้น คุณสุรชัยมีหนี้สินอยู่บ้าง แต่เขามีความสุขมากขึ้น

นี่คือรายละเอียดที่รวบรวมมาได้จากการชมรายการปราชญ์เดินดินในช่วงเวลาดังกล่าว แถมยังมีโฆษณาอีก 3 เบรก ประมาณ 3 นาที ได้รับชมเนื้อหาจริงๆ ราว 20 นาทีเท่านั้น

รอบเอวมาตรฐานที่ไม่อ้วนเกินไป สำหรับคนไทย

เดี๋ยวนี้คนไทยอ้วนลงพุงแบบไม่รู้ตัว ข้อมูลจากกรมอนามัยพบว่า คนไทยอายุ 35 ปีขึ้นไป กว่า 9.3 ล้านคน อ้วนลงพุง

รอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 เซนติเมตร มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่โรคเบาหวาน 3-5 เท่า
ผู้ป่วยเบาหวานจะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่ายกว่าคนปกติถึง 5 เท่า

กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสร้างรอบเอวประชาชนไม่ให้เกินมาตรฐาน โดย
ผู้ชายไม่เกิน 36 นิ้ว
ผู้หญิงไม่เกิน 32 นิ่ว




ถ้าออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร เพื่อลดรอบเอวได้สำเร็จ จะป้องกันการนำไปสู่โรคเกี่ยวกับทางเดินหัวใจ หลอดเลือดได้

ทางทหารได้เริ่มโครงการรวมใจรักสุขภาพ นำทหารรอบเอว 38 นิ้วขึ้นไป น้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม จำนวน 30 นาย เข้าโครงการออกกำลัง ควบคุมอาหาร ตั้งเป้า 2 เดือน ถ้าลดพุงลงได้ จะเป็นต้นแบบด้านสุขภาพของชาวบ้านต่อไป

เรื่องการตามใจปากมันก็ห้ามได้ยากเหมือนกันนะครับ

การฝัง clip video ใน blogspot




ที่มา จาก http://beta-templatetesting.blogspot.com/2006/12/to-include-audio-clip-in-your-posts.html

กีฬาพื้นบ้าน วัวลานเมืองเพชร ความเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมที่แย่ลง

ที่ จ.เพชรบุรี มีกีฬาพื้นบ้าน การแข่งวัวลาน โดยเอาวัวมาวิ่งแข่งเป็นวงกลม คนดูจะพนันกันว่า ตัวไหนจะวิ่งชนะ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะได้เสียกันอย่างรวดเร็ว

วัวลานเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้าน แต่เดิมเล่นกันเฉพาะหลังฤดูทำนา และเก็บเกี่ยวผลผลิตเท่านั้น แต่รูปแบบในปัจจุบันเปลี่ยนไป เล่นกันทุกวัน มีการพนันมาเกี่ยวข้อง และจัดเกือบทุกอาทิตย์ ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงตีห้า

มีข่าวชิ้นเล็กๆใน หนังสือพิมพ์รายงานว่า เด็กนักเรียนมัธยม ไปเล่นพนันได้เสียหลักหมื่น ทั้งขอเงินพ่อแม่และเอารถมอเตอร์ไซต์ไปจำนำ เข้าไปมั่วสุมที่สนามแข่งวัวลาน และที่นั่นมีการตั้งวงเหล้าอีกด้วย

เมื่อทางราชการรู้เรื่อง มีการประชุมและออกข้อบังคับให้วัวเล็กวิ่งไม่เกิน 10 รอบ แข่งได้เฉพาะวันศุกร์และเสาร์ ส่วนวัวตัวใหญ่วิ่ง 20 รอบขึ้นไป เล่นได้ทุกวัน เว้นวันพระ

ก่อนการแข่งขัน จะมีสาวๆมาเต้นโชว์ในชุดเซ็กซี่ ไปๆมาๆ สนามแข่งวัวลานจะกลายเป็นแหล่งมั่วสุมที่น่ากลัวต่อไป

การฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนังที่ได้ผล

หลายคนเลือกที่จะฝึกพูด ฟังภาษาอังกฤษจากการชมภาพยนตร์ หนังต่างประเทศ โดยการฟังสำเนียงการพูด และทำความเข้าใจในเนื้อหาให้รู้เรื่อง คนที่ฝึกภาษาด้วยวิธีการนี้แล้ว ได้ผล ฟัง พูด ภาษาอังกฤษได้รู้เรื่อง

มีคนที่ลองใช้วิธีการเช่นนี้อีกหลายคน ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง

มีคำแนะนำว่า หากจะเลือกฝึกภาษาด้วยวิธีนี้ เลือกหนัง soundtrack ที่เป็นหนังเก่าๆ ซึ่งสำเนียงภาษาพูดจะฟังชัดเจนกว่า หนังสมัยใหม่ จะฟังสำเนียงได้ชัด เข้าใจ ถูกต้อง ไม่ต้องฟังสำเนียงที่เพี้ยนไปตามยุคสมัย




เปิดฟังหลายๆครั้ง ครั้งแรกๆ ทำความคุ้นเคยกับสำเนียง ครั้งต่อๆไป จะเข้าใจความหมายได้ง่ายขึ้น


หยิบประเด็นมาขยายเพิ่มเติม นำมาจากรายการ ที่นี่ไม่มีการเมือง โดย คุณสนธิ ลิ้มทองกุล
จาก FM 97.75 MHz คลื่นยามเฝ้าแผ่นดิน 22.00-23.00 น.
http://www.managerradio.com

การพัฒนาเวบไซต์ของชมรมนักเขียนอีสาน

เห็นข้อความแนะนำเวบไซต์ของ ชมรมนักเขียนอีสาน เลยคลิกเข้าไปดู

มีข้อมูลที่เกี่ยวกับงานเขียนเยอะพอสมควรครับ ดูสถานที่อยู่ ที่ติดต่อของผู้ดูแลเวบแล้ว อยู่ในตัวเมืองมหาสารคามนี่เอง

Pawpeang Media House. 142 M 4, Kerng Sub-district, Muang District, Mahasarakham, 44000
พอเพียงปริ้นติ้ง ความสุขเล็กๆบนถนนวรรณกรรม

คลิกที่รูปเพื่อดูภาพขยาย
www.esanwriter.org


ประเมินดูแล้ว เวบไซต์ดูเหมือนจะไม่ค่อย update เสียเลย วันเวลาที่ระบุไว้ว่า update เมื่อไหร่นั้น บอกไว้ว่า uddate : 19/08/02

ปีนี้ 2007 แล้ว
ความจริงอาจจะ update เนื้อหาส่วนอื่นๆ แต่ไม่ได้แก้ไขวันที่ที่อัพเดทก็ได้กระมัง
ความเคลื่อนไหวของเวบนี้อยู่ในส่วนของ ลานเสวนานี่เอง


เวบไซต์ในลักษณะนี้ หลายคนทำด้วยใจรักจริงๆ เฉียดเวลามานั่งทำ จึงอาจจะมีการประชาสัมพันธ์ บอกข่าวเล่าแจ้งให้ผู้อื่นน้อยไปหน่อย

ดูที่อยู่จาก source code คุ้นๆ ข้อมูลเก็บอยู่ที่ it.msu.ac.th เวบของ ม.มหาสารคาม แดนตักสิลานี่เอง
http://www.it.msu.ac.th/jaroon/index.asp

ดูเหมือนว่า ที่มาของเวบนี้ มีจุดเริ่มต้นจากบล็อก The Esan poem
http://eastism.blogspot.com/

ความจริงแล้ว สมาชิกในชมรมนักเขียน สามารถที่จะเขียนบทความ ข่าวคราว เรื่องราวมานำเสนอในเวบไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะมีแนวทางการนำเสนอข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน หรือให้สมาชิกคนอื่นๆมีส่วนร่วมน้อยไปนิดนึง

พูดถึงสมาชิกแล้ว ไม่รู้ว่า ชมรมนี้จริงๆแล้ว มีสมาชิกจำนวนเท่าไหร่ สมาชิกที่ติดต่อกันบ่อยๆ มีกี่คน

ถ้าปรับรูปแบบให้สมาชิกได้นำเสนอข้อมูล งานเขียนในเวบไซต์ได้ง่ายขึ้น จะมีส่วนในการพัฒนางานเขียนของสมาชิกแต่ละคนได้มากขึ้น

3 งานใหญ่ใน กทม.ที่จัดชนกันช่วงต้นเดือน เม.ย. 50

ช่วงปิดเทอมของนักเรียน นักศึกษา มีกิจกรรมหลายอย่าง และมีงานเทศกาลต้อนรับปิดเทอมหลายงาน
ช่วง 29 มี.ค.-8 เม.ย. 2550 มีงานใหญ่จัดชนกัน 3 งาน

1. งานมอเตอร์โชว์ที่ ไบเทค บางนา สำหรับคนที่ชอบดูรถรุ่นใหม่ๆ และพริตตี้สวยๆ มีให้ชมอย่างเต็มอิ่ม

2. งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์ประชุมฯ สิริกิตติ์ สำหรับคนรักหนังสือ จะได้ไปเดินเลือกหาหนังสือมาเติมเต็มสมอง

3. งานกาชาดประจำปี 2550 งานใหญ่ประจำปีที่จัดมาเป็นปีที่ 84 แล้ว มีการออกร้าน และนิทรรศการมากมาย



ในช่วงปิดเทอมเวลานี้ การเดินทางใน กทม. รถราเยอะแยะ ผู้คนมากมาย และอากาศที่ร้อนจัดสุดๆ

ช่วง 4-5-6 เม.ย. เข้าสู่ช่วงเทศกาลเชงเม้ง ต่อด้วยวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ผู้คนเดินทางคับคั่ง เส้นทางสายบางนา – ตราด เส้นทางสายภาคตะวันออก รถติดมากๆ เดินทางไปตามเส้นทางสายนั้น ต้องทำใจ

ข้อคิดจากการคบคน กับเป้าหมายวงกลม 2 วง

ในสังคมเรามักจะพบเห็นคนที่ดีมากๆ perfect มากๆ แต่คนที่ดีมากๆ มักจะมีอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่ ซึ่งโดยธรรมดาแล้ว คนเราทุกคน ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวคน

มีข้อที่น่าคิดว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ
สังคมไทย เป็นสังคมของการสร้างภาพ ทุกคนจะมีมารยาท เพื่อการสร้างภาพพจน์ที่ดี ซึ่งถือว่า เป็นการปิดบังตัวตนที่แท้จริง

เมื่อเราพบคนที่พูดจาหยาบคาย กระด้าง คนๆนั้น จริตของเขาเป็นอย่างไร ก้จะเห็นอย่างนั้น ไม่ต้องทายใจให้เสียเวลา ดูๆแล้วจะน่าคบหามากกว่า



การคบคนนั้น ควรมีการตั้งเป้าหมายไว้ โดยมีวงกลม 2 วงซ้อนกัน

วงกลมวงนอก หมายถึงคนที่รู้จักกัน
วงใน หมายถึงเพื่อน ซึ่งสามารถที่จะพูดได้ทุกเรื่อง ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ พร้อมทั้งเป็นคนที่จะให้อภัยแก่เรา

หลายคนตั้งเป้ากับคนที่รู้จักกับเราว่า เป็นเพื่อน ซึ่งทำให้หลายคนพบกับความผิดหวัง ซึ่งหลายคนมักจะเอาตัวเองไปวัด และคิดว่า เมื่อเราช่วยเขาแล้ว ทำไมเขาจึงไม่ช่วยเราบ้าง ทำไมไม่จริงใจเลย

นั่นคือ เขาเห็นเราเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อน ในขณะที่เรามองเห็นเราเป็นเพื่อน

ดังนั้น ในการคบหาคน ให้รู้จักตัวเอง รู้จักสติ รับรู้
ถ้ารัก อย่ารักให้หมด แต่ให้รู้ว่า กำลังรัก กำลังหลง อย่างมีสติ

หยิบประเด็นมาขยายเพิ่มเติม นำมาจากรายการ ที่นี่ไม่มีการเมือง โดย คุณสนธิ ลิ้มทองกุล
จาก FM 97.75 MHz คลื่นยามเฝ้าแผ่นดิน 22.00-23.00 น.
http://www.managerradio.com

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2550

“ตีสองแล้วน้องสาว” เพลงฮิตในแนวทางของ พี สะเดิด

ถ้าคุณชอบฟังเพลงลูกทุ่งจากค่าย แกรมมี่โกลด์ แฟนที่ฮิตติดตลาดส่วนใหญ่จะเป็นเพลงที่เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือทั้งนั้นเลย

โทรหาแหน่เด้อ, หน้าจอรอสาย – ต่าย อรทัย
โทรมาทำไม – อรวี
ยามท้อขอโทรหา – มนต์แคน แก่นคูน
เบอร์โทรนี้มีแฟนหรือยัง – ไผ่ พงศธร
ที่พึ่งคนไกล - ไมคื ภิรมย์พร
ผู้แพ้ขอแค่เบอร์ , อยากมีบอดี้กอด – ศิริพร อำไพพงษ์
ฯลฯ

แต่เพลงที่ฮิตที่สุดของ พี สะเดิด เป็นเพลงแนวให้คติสอนใจวัยรุ่นอย่าง สาวกระโปรงเหี่ยนและ ตีสองแล้วน้องสาว ที่บอกเล่าชีวิตวัยรุ่นที่กำลังจะเดินไปในทางที่ไม่เหมาะสม จึงสะกิดเตือนกันไว้

เพลงของพี สะเดิด ที่เกี่ยวกับโทรศัพท์ มือถือ ตามแนวทางเพลงของค่าย ก็มีเช่นกันคือ “เอาใจช่วยด้วย message” ถ้าไม่มีเพลงสาวกระโปรงเหี่ยนแล้ว คาดว่า เพลงนี้ คงจะดังที่สุดในอัลบั้มชุดก่อนของเขา

”ตีสองแล้วน้องสาว” เล่าเรื่องราว สาวน้อยวัยรุ่น ไปเที่ยวผับกับเพื่อนสาวๆ ใส่ขาสั้น สายเดี่ยว ไปดูพี สะเดิดเล่นคอนเสิร์ตที่ผับจนถึงตี 2 เวลาผับปิด

”ใส่ส่งเขินๆซิ่งเซินไปตามความมวน ห่วงเด๊ห่วงขานวลๆสิถือเขาซวนไปแอ่นละแน่ ออนซอนเพลงผลับยกมือซาบลาบเทิงคับเทิงแหง่ สั่งเหล้าเมาโดยเงินแม่ ม่วนแบบบ่แคร์เข็มนาฬิกา”


สะท้อนสภาพความจริงที่สาวๆชอบใส่กางเกงขาสั้น โชว์ขาขาวๆ ที่ดูยั่วยวน อาจจะเกิดเหตุไม่ดีขึ้นได้ ไปกินเหล่าเที่ยวผับ กลับดึกด้วยเงินของแม่

พอไปเรียนหนังสือตอนกลางวันก็ง่วงเหงา หาวนอน ดูนาฬิกา รอเวลาเลิกเรียน แล้วจึงตาสว่าง รอตอนดึก เตรียมตัวออกไปเที่ยวผับอีก

ตอนท้ายของ Music video สาวเจ้าไปเที่ยวคนเดียว กินเหล้าเมา จนผับปิด เดินกลับมาที่มอเตอร์ไซต์ เจอ 3 หนุ่มดักรอ จับเธอไว้ แล้วเอามือถือมาถ่ายคลิปวิดีโอ ดีที่พี สะเดิด เดินออกมาเห็น เลยร้องห้าม สุดท้าย ตำรวจก็มาควบคุม 3 หนุ่มนั้นไป และพ่อแม่ของสาวเจ้า ก็มารับเธอกลับบ้าน

และแล้วเธอก็กลับตัวกลับใจ ตั้งใจเรียนหนังสือ


เนื้อหาตรงไปตรงมาแบบนี้ ที่กลายเป็นเพลงฮิตโดนใจคนฟังเพลงหลายคนไปแล้ว


เพลง ตีสองแล้วน้องสาว

ตีสองแล้วเด้อ ตีสองแล้วเด้อน้องหล่า เป็นหยั่งมักม่วนไปหน้า ชอบทิ้งตำราออกมาเที่ยวเพลิน
สงสัยการเรียนน้องก็อ่านเขียนแค่พอกระเทิน อ้ายห่วงซุมเจ้าเหลือเกิน ผู้สาวส่งเขินจ้ำขา ยามค่ำถืกไฟ จอบหาทางไปที่ลี่ แม่ถามตั๋วหั่นตั๋วหนี่ เตรีมแป้งเตรียมหวีเขียนคิ้วเขียนตา ไปกันเป็นคู่งอยอานรถหมู่คือกระปอมก่า ถืกไผแซวน้องบ่หัวซา เป็นสาวเต็มตายังขอเงินแม่

ใส่ส่งเขินๆซิ่งเซินไปตามความมวน ห่วงเด๊ห่วงขานวลๆสิถือเขาซวนไปแอ่นละแน่ ออนซอนเพลงผลับยกมือซาบลาบเทิงคับเทิงแหง่ สั่งเหล้าเมาโดยเงินแม่ ม่วนแบบบ่แคร์เข็มนาฬิกา

ตีสองแล้วเด้อบ่แม่นพอเมือแล้วบ้อ บาผับ พับโต๊ะล้างหม้อ สิไปใสต่อละหนอแก้วตา กลับบ้านเมือนอน เดิ๊ก เดิ๊กค่อน ละเด้ออ้ายว่า คิดดูถ้าเป็นหยั่งมาคนเสียน้ำตาคือพ่อแม่น้อง



เช็คกระแสเพลงดังในปัจจุบัน จากหนังสือพิมพ์และใบปลิว

ปกติ หากเราจะดูว่า ในเวลานี้เพลงไทยเพลงไหน ได้รับความนิยม มีคนชื่นชอบ หรือฮิตติดชาร์ท ต้องติดตามดูทางรายการทีวี รายการวิทยุ ที่รายงานการจัดอันดับเพลงต่างๆ

แต่ยังมีอีกช่องทางในการรับรู้ว่า เพลงไหนกำลังดัง
ดูจากในหนังสือพิมพ์นั่นเอง จากโฆษณาให้ดาวน์โหลดริงโทนเพลงฮิตๆนั่นเอง
ในใบปลิว แผ่นพับที่มีข้อมูลริงโทรก็เช่นกัน



จะมีข้อมูลรายชื่อของเพลงฮิต พร้อมรหัสสำหรับการส่ง SMS เพื่อดาวน์โหลดเพลง ตามขั้นตอน
ทั้งเพลงลูกทุ่ง สตริง เพลงสากล เพื่อชีวิต จะมีรายชื่อให้ดู

เช่น เพลงลูกทุ่ง มีเพลงไหนฮิตบ้าง เมื่อดูในโฆษณาริงโทน ก็พบว่า มีเพลงดังต่อไปนี้

บุหรี่อารมณ์ - สุนารี ราชสีมา
ฮักอ้ายเสมอ – จักจั่น วันวิสา
คนของวันพรุ่งนี้, หนาวแสงนีออน – ตั๊กแตน ชลดา
กลับมาทำไม – หม่ำ จ๊กมก
ชู้ทางใจ , เสียงขลุ่ยเรียกนาง, ไร่อ้อนคอยรัก, คนขี้อาย – หนู มิเตอร์
ฝากฟ้า -บ่าววี
น้อยใจ, ตัวสำรองข้างเธอ - เดวิด อินธี
หน้าจอรอสาย,ล กินข้าวหรือยัง – ต่าย อรทัย
ที่พึ่งคนไกล – ไมค์ ภิรมย์พร
ยามท้อขอโทรหา – มนต์แคน แก่นคูน
แรงใจพี่หลวง, ฝากเพลงหอมแก้ม- หลวงไก่

กลุ่มพลเมืองวิวัฒน์ ของ บก.ลายจุด กับการเข้าร่วมการประท้วงรัฐบาล และ คมช.

สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ถือว่า เป็นที่รู้จักและยอมรับในหมู่นักท่องอินเทอร์เนต เจ้าของเวบไซต์ www.bannok.com ของ กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา ซึ่งทำงานพัฒนาสังคมด้านการศึกษากับกลุ่มชาวเขาในจังหวัดเชียงราย

ความคิด มุมมองต่างๆของเขา หลายคนยอมรับ ชื่นชอบและประทับใจในจุดยืน อุดมการณ์ของเขา

วันนี้ มีข่าวว่า บก.ลายจุด เป็นหนึ่งในแกนนำร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับกลุ่มต่างๆ ร่วมประท้วงรัฐบาล และ คมช.ที่สนามหลวงในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ ซึ่ง 30 มี.ค. มีการนัดชุมนุม โดย บก.ลายจุดเป็นหนึ่งในแกนนำ

การประท้วงที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มนักการเมือง ไทยรักไทย กลุ่ม PTV โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม
หลายคนที่ติดตามข่าวสารการเมืองไทย ไม่ชอบไทยรักไทย กับพฤติกรรมการทุจริตและความไม่โปร่งใสหลายอย่าง เมื่อ บก.ลายจุดเข้าไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มนั้น ทำให้หลายคนงง

ทำไมเขาถึงเข้าไปร่วมกับกลุ่มนักการเมือง

ไม่มีใครรู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะการเมืองไทย มีหลายอย่างซับซ้อนซ่อนเงื่อน อาจจะมีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้ บก.ลายจุดเดินเข้าไปร่วมการประท้วงในครั้งนี้ด้วย

มีหลายคนในสังคม มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม
เรื่องเหล่านี้ คงต้องติดตามกันไปเรื่อยๆ มีหลายเรื่องในสังคมที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาอาจจะเข้าร่วมกับกลุ่มการเมือง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในบางประเด็นก็ได้

การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งนั้น

เมื่อภรรยาชวนสามีมาเขียนบันทึกในบล็อก ได้สำเร็จ



อาการของคนติดบล็อก เขียน blog ใน internet ลุกลาม แพร่ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ
ครอบครัวของคุณครูท่านหนึ่งใน กทม. ที่ขยันเขียนบันทึก จนสามีต้องเข้ามาอ่านด้วย
และในที่สุด ก็เข้ามาเขียนบล็อกเหมือนกัน

ครูอ้อย สิริพร กุ่ยกระโทก วัย 48 เจ้าของบันทึกกว่า 1000 บันทึก จาก 12 blog ของเธอ คือ



วันนี้ ได้ชักชวน หว่านล้อม สามี มาเขียนบล็อกได้สำเร็จ
หลังจากที่นำเรื่องราวความรักระหว่างเธอกับสามี มาบันทึกไว้เรื่อยๆ จนหลายคนอิจฉา
และจนคุณสามี ต้องตามมาอ่าน และยอมรับในที่สุด
อย่างที่เธอเขียนไว้ใน บันทึก เมื่อมี blogger หน้าใหม่เกิดขึ้นที่บ้าน

..

บล็อกเกอร์หน้าใหม่ ใช่แล้วครับ บุรุษเสื้อสีเหลืองนั่นเอง
เจ้าของ blog ที่ชื่อ
http://gotoknow.org/blog/thairailway/

เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาของหลายๆคนครับ
ในเวลานี้ จูงมือกันมาเขียน blog ซะแล้ว
จะมีคู่รักคู่ไหน ที่ช่วยเหลือ ดูแลห่วงใย และเขียน blog ด้วยกันเช่นนี้อีกบ้าง